
การปลูกกัญชากลางแจ้ง แบบระบบเปิด หรือสภาพแปลง (Outdoor) เป็นวิธีปลูกที่ลงทุนน้อยให้ผลผลิตเยอะกว่าการปลูกกัญชาในร่ม (Indoor) เป็นการปลูกอยู่กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นแสงแดด อุณหภูมิ ความชื้น สภาพอากาศร้อน เย็น หนาว ลมพายุ ฝนตกหนัก ฝนแล้ง แมลง สิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจจะเป็นปัญหาให้กับต้นกัญชาได้
ในการปลูกกัญชาแบบกลางแจ้ง ผู้ปลูกจำเป็นต้องทราบถึงสภาพแวดล้อมเบื้องต้นที่เหมาะสมในการปลูก เพื่อที่จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจในการปลูก และสามารถผลิตกัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ส่งผลให้ได้ผลผลิตสูง ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยการผลิตต่ำ ซึ่งการปลูกกัญชาแบบระบบเปิดผู้ปลูกต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ 

การเลือกสายพันธุ์กัญชาสำหรับปลูก Outdoor 
ในการปลูกสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ยังไม่มีความชำนาญ ในการปลูกกัญชาแบบ Outdoor ควรเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศ อุณหภูมิและช่วงเวลาที่จะทำการปลูก ความทนต่อแมลงหรือศัตรูพืชได้ดี
การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์กัญชาที่จะนำมาใช้ควรเป็นเมล็ดที่ใหม่สด เมล็ดดูดี แข็งแรง สายพันธุ์ดี ขนาดของความสูงของสายพันธุ์ที่จะใช้ดูจากสถานที่ที่ปลูกว่ามีพื้นที่เหมาะสมหรือไม่สำหรับความสูงของต้นกัญชาที่จะปลูก
การปลูกกัญชาแบบ Outdoor สายพันธุ์ที่เหมาะสมจะเป็นสายพันธุ์กัญชาประเภท Photo และเป็นชนิดสายพันธุ์กัญชา Sativa หรือ Hybrid เพราะต้นกัญชาจะสูงใหญ่ ให้ผลผลิตสูง และทนต่อสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยได้ดี
ความสำคัญของน้ำ 
น้ำเป็นส่วนประกอบที่มีมากที่สุดในต้นกัญชา น้ำมีบทบาทในการทำละลาย และจะละลายแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ และลำเลียงสารอาหารที่ยังไม่ผ่านการปรุง ส่งไปที่ใบพืชเพื่อให้ใบพืชทำการปรุงเป็นอาหารสำเร็จ จากนั้นลำเลียงส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช เพื่อสร้างส่วนที่เป็น ราก ลำต้น กิ่งก้าน ใบ ดอก และเกิดเป็นผลผลิตต่อไป
ดังนั้นต้องมีแหล่งน้ำที่ดี เพียงพอและอยู่ไม่ไกล ไร้สารพิษไม่มีโลหะหนักและสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือ ยาฆ่าแมลง ระบบน้ำเข้าถึงและสะดวกในการเคลื่อนย้ายน้ำมารดน้ำต้นไม้ และควรตรวจเช็คค่า pH ของน้ำที่ใช้รดให้อยู่ที่ 5.5 – 6.5 สม่ำเสมอ

พืชสกุลกัญชาต้องการความชื้นมากที่สุดในช่วง 6 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นช่วงที่เมล็ดกำลังงอก และเมื่อหลังจาก 6 สัปดาห์หลังการงอกจากเมล็ด พืชสกุลกัญชาสามารถทนต่อการสภาพแห้งแล้งได้ เนื่องจากต้นพืชสกุลกัญชามีรากที่สามารถหยั่งลึกลงในดิน 2-3 เมตร
ทำให้สามารถหาความชื้นที่สะสมอยู่บริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งรุนแรง ส่งผลให้การเจริญเติบโตลดลงและแคระแกรน โดยทั่วไปพืชสกุลกัญชาต้องการปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 500-600 มิลลิเมตรต่อวงจรชีวิต
โดยต้องการปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 250-350 มิลลิเมตร ในช่วงระยะการเจริญเติบโตทางลำต้น ซึ่งความต้องการน้ำของพืชสกุลกัญชามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุ์ของพืชสกุลกัญชา ดิน สภาพอากาศ และการจัดการภายในแปลง
แสงสำหรับปลูกกัญชา 
การปลูกกัญชา Outdoor ต้องใช้แสงของดวงอาทิตย์เป็นหลัก บริเวณที่ปลูกควรเป็นที่โล่งไม่มีร่มเงาบังแสง ต้นกัญชาต้องการแสงสว่างอย่างเพียงพอ
กัญชาเป็นพืชวันสั้น ความสั้น-ยาวของวันสัมพันธ์กับปริมาณแสงที่ได้รับในแต่ละวัน ซึ่งปริมาณแสงที่ต้นพืชสกุลกัญชาได้รับแสงต่อวันมีผลต่อการพัฒนาจากระยะการเจริญเติบโตทางลำต้นไปสู่ระยะออกดอก
ดังนั้นการวางแผนการปลูกที่เหมาะสมตามช่วงเวลาสั้น-ยาวของวัน จะทำให้พืชสกุลกัญชาที่ปลูกมีผลผลิตสูงเนื่องจากต้นพืชสกุลกัญชามีช่วงเวลาการเจริญเติบโตทางลำต้นที่ยาวนานเพียงพอ ทำให้สามารถผลิตช่อดอกหรือผลผลิตที่เพิ่มขึ้น

แสงแดดถือเป็นแหล่งพลังงานของต้นกัญชาที่จะนำไปใช้ปรุงอาหารเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของต้น ทำให้ทุกส่วนของต้นกัญชา (ราก,ลำต้น, กิ่งก้าน, ใบ, ดอก) มีการขยายตัวเพิ่มและมีจำนวนหรือปริมาณมากขึ้น กัญชาประเภทไวแสง (Photo) มีวงจรชีวิตตามชั่วโมงของแสง ถ้าได้รับแสงมากกว่า 12 ชม.ขึ้นไป ต้นกัญจะไม่ออกดอกสืบพันธุ์ แต่เมื่อใดที่ได้รับแสงต่ำกว่า 12 ชม. ก็จะออกดอกสืบพันธุ์
เพราะฉะนั้นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกัญชาประเภท Photo คือช่วงที่มีแสงมากกว่า 12 ชม. ซึ้งจากข้อมูล “ปริมาณชั่วโมงของแสงที่ได้รับในช่วงเวลากลางวันของประเทศไทย” จะเป็นช่วงกลางเดือนมีนาคม การปลูกช่วงนี้จะทำให้ต้นกัญชามีเวลาทำใบมากขึ้น ทำให้ต้นใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้นไปด้วย
ในช่วงออกดอกกัญชาจะมีความต้องการแสงที่เข้มข้น เพราะแสงเป็นสิ่งที่ช่วยในการผลิตดอก เพื่อให้ได้คุณภาพผลผลิตดีที่สุด ควรให้ดอกสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง จะทำให้ดอกของพืชอวบอ้วนมากขึ้นกว่าดอกที่อยู่ใต้ใบและไม่โดนแสง
ดินสำหรับปลูกกัญชา 
ดินเป็นมวลที่ยึดเกาะของต้นพืช ทำให้ต้นพืชตั้งต้นอย่างมั่นคง และยังเป็นแหล่งอาหารที่ยังไม่ผ่านการปรุง ของต้นพืชด้วย และช่วยรักษาความชื้น กักเก็บธาตุอาหารต่าง ๆ เอาไว้
ดินสำหรับปลูกกัญชาให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีควรโครงสร้างร่วนซุย (Loose) ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรีย์วัตถุสูง ซึ่งสภาพดินที่เหมาะสมควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ระหว่าง 5.5 – 6.5 และเนื้อดินที่เหมาะสมในการปลูก คือ เนื้อดินร่วนปนทราย (Sandy loam)
แต่เนื้อดินที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ดินเหนียวจัด (Heavy clay) เนื่องจากมีการระบายน้ำ และอากาศไม่ดี และ ดินทราย (Sandy soil) มีข้อจำกัดเรื่องของการอุ้มน้ำ เก็บน้ำไม่อยู่ทำให้สภาพของดินแห้ง

พื้นที่ปลูกกัญชาสภาพดินไม่ควรมีชั้นดานภายในแปลง นอกจากจะทำให้รากของกัญชาเมื่อเจริญไปถึงชั้นดานรากจะมีลักษณะเป็นรูปตัว L ทำให้ประสิทธิภาพการดูดใช้น้ำ และธาตุอาหารลดลง นอกจากนี้ชั้นดานส่งผลให้เกิดการระบายน้ำไม่ดี เกิดสภาพน้ำขังใต้ผิวดิน (water logging) ทำให้ต้นกัญชาภายในแปลงเกิดรากเน่า โดยเฉพาะในช่วงระยะต้นกล้า
ความลาดชัน 
ความลาดชันเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในการจัดการแปลงและการเก็บเกี่ยว โดยพื้นที่ที่มีความลาดชันมากกว่า 35% ไม่ควรปลูกพืชสกุลกัญชา
เนื่องจากจะทำให้มีปัญหาในการเก็บเกี่ยว และความลาดชันในอุดมคติที่เหมาะสมกับการปลูกกัญชา คือ ความลาดชันที่ 5% เนื่องจากหากมีความลาดชันเกิน 5% จะทำให้เกิดการชะล้างหน้าดินในช่วงฤดูฝน
ความสำคัญของอากาศ 
ต้นพืชใช้คาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงานแสงแดด สร้างคาร์โบไฮเดรตเพื่อการเจริญเติบโต คาร์บอนไดออกไซด์นั้นคือวัตถุดิบตัวหนึ่งที่มีความสำคัญกับการเจริญเติบโตของพืช เรียกว่าปุ๋ยอากาศธาตุก็ว่าได้เพราะแก็ส CO2 จะถูกกระบวนการนี้แยกแยะเอา C ออกมารวมกับสารตัวอื่น และสร้างตัวเป็นอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล จากนั้นจึงขับเอา O2 และน้ำออกไปในบรรยากาศ ถ้าบรรยากาศที่ใดมีความเข้มข้นของ CO2 สูง พืชในบริเวณนั้นก็จะโตไวมากกว่าบริเวณอื่นที่มีความเข้มข้นของ CO2 ต่ำ

อากาศ มีส่วนช่วยในการหายใจของพืช พืชจะใช้ CO2 และปล่อย O2 ในการหายใจหรือสังเคราะห์แสงตอนกลางวัน และใช้ O2 ปล่อย CO2 ในตอนกลางคืน ไม่เพียงแต่ต้นไม้ที่ต้องการอากาศ จุลินทรีย์ในดินยังต้องการเช่นกัน ดังนั้นอากาศจึงมีความสำคัญกับการเจริญเติบโตของพืชรวมไปถึงความชื้นที่เหมาะสมแต่ละช่วงของการเจริญเติบโต ก็จะทำให้พืชเติบโตได้อย่างสมบูรณ์
การปลูกกัญชาแบบกลางแจ้ง (Outdoor) 
วิธีการปลูกแบบกลางแจ้ง โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ สามารถสรุปได้เป็น 2 แนวทางคือ
1. วิธีการหว่าน การปลูกในลักษณะนี้โดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตเส้นใย (fiber) ซึ่งในประเทศไทยจะนิยมปลูกเพื่อการผลิตเส้นใยในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนของแต่ละภูมิภาค โดยมีอัตราการใช้เมล็ดสำหรับการปลูกเพื่อผลิตเส้นใย 10 กิโลกรัมต่อไร่
2. วิธีการหยอดหลุมด้วยเมล็ดและต้นกล้า (แบบประณีต) มีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตเมล็ด (Seed) และช่อดอก (Cannabinoid) โดยทั่วไปจะนิยมปลูกเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนมกราคม และมีอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ปลูกจำนวน 2 กิโลกรัมต่อไร่
ส่วนการปลูกเพื่อผลิตช่อดอกในสภาพแปลงปลูกยังไม่เคยมีรายงานมาก่อน อย่างไรก็ตามมีรายงานจากต่างประเทศที่สามารถสรุปแนวทางการปลูกแบบปราณีตได้คือ

- เมล็ดพันธุ์/ต้นกล้า ควรมีการเพาะต้นกล้าให้มีอายุ 2-3 สัปดาห์ หรือเกิดใบจริง 2 คู่ ก่อนที่จะย้ายปลูก ซึ่งเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้สำหรับการปลูกเพื่อการผลิตเมล็ดควรเป็นเมล็ดที่มีทั้งต้นตัวผู้และตัวเมีย ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้สำหรับการผลิตช่อดอก ควรเป็นเมล็ดแบบที่มีเฉพาะต้นตัวเมีย หรือใช้ต้นกล้าจากการตัดชำ (cloning) ที่สามารถกำหนดเพศของต้นกล้าที่จะปลูกได้ตามต้องการ
- ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ ระยะปลูกระหว่างแถว 100 เซนติเมตร และระยะระหว่างต้น 30-60 เซนติเมตร ซึ่งจะได้จำนวนต้น เท่ากับ 2,666 – 5,333 ต้นต่อไร่
- การปลูก กรณีปลูกด้วยเมล็ดควรหยอดหลุมละ 3-5 เมล็ดโดยให้มีความลึกไม่เกิน 1-2 เซนติเมตร ส่วนการปลูกด้วยต้นกล้าควรใช้ต้นกล้าอายุไม่เกิน 4 สัปดาห์ และมีการกระตุ้นต้นกล้าให้แข็งแรงก่อนย้ายปลูก (hardening) เช่น การงดน้ำก่อนย้ายปลูก 1 วัน
แมลงและศัตรูพืชของกัญชา 
ต้นกัญชาที่ปลูกควรมีสุขภาพดีและแข็งแรงเนื่องจากถ้าต้นกัญชาอ่อนแอหรือเป็นโรคจะผลิตฮอร์โมนที่ทำให้แมลงมากัดกินต้นกัญชาได้
ควรตรวจต้นไม้เป็นประจำว่ามี แมลง หนอน หอยทาก และสัตว์อื่นมารบกวนหรือกัดกินต้นกัญชาหรือไม่ อีกทั้งควรหมั่นตรวจดูเชื้อราหรือเชื้อโรคอื่นๆ อยู่เสมอ และควรหาทางป้องกันเอาไว้

สิ่งที่ใช้ในการควบคุม ป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชของกัญชา มีหลายชนิด ควรใช้สารที่เป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเพราะต้องระวังสารตกค้างในผลผลิตจากกัญชา ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ใช้ในปริมาณน้อยและไม่บ่อย ควรใช้อย่างระมัดระวังตามกำหนดและไม่ใช้ในช่วงเวลาใกล้การเก็บเกี่ยว
การปลูกกัญชาแบบระบบเปิด (Outdoor) ผู้ปลูกอาจจะไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้ทั้งหมด เหมือนกับการปลูกแบบระบบปิด (Indoor) อาจจะมีปัญหาเรื่องแมลงศัตรูพืชบ้าง สภาพอากาศแปรปรวนบ้าง แต่การปลูกกลางแจ้งนั้นก็สามารถที่จะทำผลผลิตได้มากกว่าการปลูก Indoor เช่นกัน ดังนั้นเราสามารถวิเคราะห์และสรุปได้ว่า การที่จะปลูกกัญชา Outdoor ให้โตเร็ว ให้ผลผลิตสูง นั้นต้องมีการจัดการปัจจัยที่สำคัญ 4 อย่าง คือ แสงแดด น้ำ ดิน และ คาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนอีกตัวแปรที่ควรใส่ใจคือศัตรูพืชของกัญชา
ปัจจัยที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกัญชา และควบคุมการเจริญเติบโตของต้นกัญชาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
- ปัจจัยที่มาจากภายในพืช ได้แก่ พันธุกรรม (genetic) ของพืช
- ปัจจัยที่มาจากภายนอกพืช ได้แก่ สภาพแวดล้อม (environment)
ปัจจัยทั้งสองประเภทนี้มีส่วนร่วมกันและสนับสนุนซึ่งกันและกันในการกำหนดการเจริญเติบโตของต้นกัญชา
และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสำหรับการปลูกกัญชาแบบระบบเปิด ซึ่งใครที่กำลังจะหามาปลูกนั้นสามารถดูข้อมูลจากตรงนี้ได้เลยครับ 