สาระควรรู้ทั่วไป

"IoT" หรือ Internet of Things ถือเป็นอีกประเด็นที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงในยุคนี้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ในยุคดิจิทัลแล้ว ยังเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับทุกคนจนเรียกได้ว่าต้องมีติดบ้านหรือที่อยู่อาศัยของตัวเองด้วย ลองมาทำความรู้จักว่า IoT คืออะไร ทำไมจึงควรมีอยู่ในบ้านหรือคอนโด และควรจะมีอะไรบ้าง

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

     "IoT" หรือ Internet of Things ถือเป็นอีกประเด็นที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงในยุคนี้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ในยุคดิจิทัลแล้ว ยังเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับทุกคนจนเรียกได้ว่าต้องมีติดบ้านหรือที่อยู่อาศัยของตัวเองด้วย ลองมาทำความรู้จักว่า IoT คืออะไร ทำไมจึงควรมีอยู่ในบ้านหรือคอนโด และควรจะมีอะไรบ้าง
 

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

IoT คืออะไร เป็นอย่างไร   

     IoT หรือ Internet of Things คือ ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบดิจิทัล สิ่งของ มนุษย์ หรือแม้แต่สัตว์เข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครือข่าย โดยไม่จำเป็นต้องให้คนมาส่งมอบข้อมูลกันเอง แต่ให้ระบบดังกล่าวเป็นตัวกลางในการทำหน้าที่แทน

     โดยทั่วไปแล้ว IoT ประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท web-enabled smart devices ฝังเข้าไปในระบบ เพื่อเก็บข้อมูลและส่งข้อมูลตามที่ได้รับการป้อนคำสั่งเข้ามา โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะแชร์ระบบเซ็นเซอร์กับเกตเวย์หลักสำหรับรับส่งข้อมูล นอกจากนี้ IoT ยังเป็นประโยชน์ต่อปัญญาประดิษฐ์ เพราะช่วยให้เก็บข้อมูลง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

     จริงๆ แล้ว สิ่งของแทบทุกอย่างนำมาทำเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเชื่อมต่อกับระบบ IoT ได้หากเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตและควบคุมการเชื่อมต่อสื่อสารกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้ ยกตัวอย่าง โคมไฟที่นำมาใช้เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อระบบ IoT จะมีฟังก์ชันใช้งานแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนได้นั่นก็เพราะโคมไฟนี้มีระบบเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบได้นั่นเอง เป็นต้น

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

ทำไมต้องมี IoT ติดบ้าน-คอนโด   enlightened

     ต้องยอมรับว่า IoT ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อแวดวงอุตสาหกรรมหลายอย่าง และเมื่อพูดถึงประโยชน์ของ IoT สำหรับคนทั่วไป ก็คงส่งผลดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันภายในบ้าน หากเน้นประโยชน์ของ IoT ที่มีต่อที่อยู่อาศัย ก็ต้องบอกว่าบ้านหรือคอนโดที่มีระบบ Internet of Things จะมีลักษณะเป็นสมาร์ทโฮม กล่าวคือเป็นบ้านที่เน้นการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก สิ่งของทุกอย่างล้วนรับส่งข้อมูลตามคำสั่งที่ป้อนเข้าไป

     นอกเหนือจากภาพความทันสมัยและสะดวกสบายแล้ว การใช้เทคโนโลยี IoT ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างที่เราควรพิจารณาไว้ เพื่อนำมาใช้ในที่อยู่อาศัยต่อไป และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวไว้ในบ้าน

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

   1. ควบคุมการทำงานอุปกรณ์ต่าง ๆ ง่ายขึ้น

     เทคโนโลยี IoT จะช่วยให้ควบคุมกระบวนการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย IoT จะเก็บข้อมูลว่ากิจวัตรในแต่ละวันเป็นอย่างไร ต้องทำกิจกรรมหรืองานอะไรบ้าง จากนั้นก็จะประมวลผล เพื่อนำไปเชื่อมต่อและสั่งการทำงานต่อไป เราไม่จำเป็นต้องทำงานเองทุกอย่าง เพราะระบบ IoT ที่ได้รับการป้อนข้อมูลจะดำเนินการให้เอง เช่น ตู้เย็นที่เชื่อมต่อกับระบบ IoT จะแจ้งเตือนเจ้าของบ้านว่ามีโยเกิร์ตใกล้เสียอีกสองวัน ซึ่งช่วยให้เราเตรียมกำจัดทิ้งได้เลย โดยไม่ต้องมานั่งคัดแยกและดูวันหมดอายุของของกินเอง เป็นต้น

   2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

     สมาร์ทโฮมจะใช้พลังงานในการทำงานแต่ละอย่างได้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะเราสามารถกำหนดตั้งค่าการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่อกับระบบ IoT ซึ่งเอื้อต่อการประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ นอกจากนี้ เราสามารถตั้งค่าให้อุปกรณ์เหล่านั้นทำงานทุกอย่างได้เอง โดยระบบจะชัตดาวน์อุปกรณ์อื่นที่ไม่ได้ใช้งานขณะนั้น ส่งผลให้การใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นลดลงตามไปด้วย กลายเป็นต้นแบบบ้านประหยัดพลังงาน

   3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

     นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายแล้วนั้น การประหยัดพลังงานยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้สภาพแวดล้อมถูกทำลายน้อยลง อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้ชีวิตคุณภาพในสภาพแวดล้อมปลอดมลพิษยิ่งขึ้น

   4. มีความปลอดภัยสูง

     ระบบรักษาความปลอดภัยของสมาร์ทโฮมจะช่วยปกป้องความเสียหายและการสูญหายของสินทรัพย์ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะระบบ IoT จะมีชุดคำสั่งที่ช่วยควบคุมและดูแลความปลอดภัยสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด ระบบปลดล็อกสมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งระบบเซ็นเซอร์ดักจับการเคลื่อนไหวหรือควันอื่น ๆ อุปกรณ์เหล่านี้จะทำงานร่วมกันและส่งสัญญาณแจ้งเตือนในกรณีที่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากนี้ เรายังตรวจสอบหรือดูสภาพแวดล้อมภายในและรอบบ้านว่าเป็นอย่างไรในขณะที่อยู่ที่อื่นก็ได้

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

เทคโนโลยี IoT ในบ้าน มีอะไรบ้าง   📺🌡💻💡

     หากที่อยู่อาศัยของเราจะกลายเป็นสมาร์ทโฮมนั้น เทคโนโลยี IoT ที่เราน่าจะได้เห็นและเข้าไปอยู่ในบ้านหรือคอนโดของแต่ละคนก็จะเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่อไปนี้

   1. ไฟและแสงสว่าง

     ทุกวันนี้เราใช้ระบบแสงและไฟจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายอย่าง โดยเราตั้งเวลาเปิดปิดและตั้งค่าปรับระดับความสว่างได้ด้วย แต่ระบบไฟและแสงจากเทคโนโลยี IoT ก้าวหน้าไปมากกว่านั้น เพราะระบบไฟและแสงจะทำงานได้เพียงเราแสดงปฏิกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

     ยกตัวอย่าง หากเราสร้างห้องดูหนังเล็ก ๆ สักห้อง ก็สามารถใช้งานไฟฟ้าภายในบ้าน โดยปรับระดับความสว่างเหมือนนั่งดูในโรงภาพยนตร์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาจมีเอฟเฟกต์แสงไฟกะพริบติดๆ ดับๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในการรับชมหนังสยองขวัญด้วย เป็นต้น

   2. ประตูและหน้าต่างอัตโนมัติ

     สิ่งเหล่านี้จะทำงานอัตโนมัติผ่านการป้อนคำสั่ง "จดจำใบหน้า" ของเจ้าบ้านและสมาชิกที่อาศัยอยู่ในบ้านเท่านั้น ประตูสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยการสแกนใบหน้า ซึ่งช่วยสร้างมาตรฐานความปลอดภัยกรองคนเข้าออกภายในบ้านได้มากขึ้น ส่วนระบบหน้าต่างก็จะเปิดปิดได้ตามอัตโนมัติ โดยอาศัยการป้อนคำสั่งเกี่ยวกับดักจับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ กล่าวคือ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น หน้าต่างก็จะเปิดออกเองเพื่อรับแสงแดดยามเช้า และปิดบานหน้าต่างเข้ามาเองเมื่อดวงอาทิตย์ตก หรือจะตั้งค่าให้หน้าต่างปิดอัตโนมัติเมื่อฝนตกก็ได้

   3. วาล์วน้ำอัจฉริยะ

     ปัจจุบันเราสามารถควบคุมการเปิดปิดวาล์วน้ำผ่านการสั่งงานในแอปพลิเคชัน แต่หากเทคโนโลยี IoT เข้ามาทำส่วนนี้ ก็จะอำนวยความสะดวกได้มากกว่าเดิม เพราะระบบเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในวาล์วน้ำจะดักจับสัญญาณว่าเราอยู่ใกล้ๆ บ้านหรือไม่ จากนั้นจะตรวจสอบสภาพอากาศและอุณหภูมิบริเวณโดยรอบว่าเป็นอย่างไร ก่อนจะกลับไปประมวลผลสำหรับตั้งค่าอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม เมื่อกลับมาถึงบ้าน เราก็จะได้อาบน้ำในอุณหภูมิกำลังดีได้ทันที

   4. ตู้เย็นอัจฉริยะ

     หนึ่งในนวัตกรรมไฮเทคอีกตัวที่ควรมีติดบ้าน ตู้เย็นอัจฉริยะจะช่วยสำรวจและคัดแยกอาหารและวัตถุดิบที่เราแช่เก็บไว้ในตู้เย็น รวมทั้งบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และวันหมดอายุของอาหารและวัตถุดิบนั้นๆ จริงๆ แล้ว ตู้เย็นแบบนี้จะทำงานผ่านระบบเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ในรูปของบาร์โค้ด ซึ่งเก็บข้อมูลรายละเอียดการผลิตโดยตรงด้วยระบบอินเตอร์เน็ต

   5. ปลั๊กไฟอัจฉริยะ

     อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นสำหรับสมาร์ทโฮม ปลั๊กไฟอัจฉริยะจะเปิดปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นที่เสียบในเต้าปลั๊ก ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการทำงานได้ตามต้องการ ที่สำคัญ ยังรองรับกับปลั๊กอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ โทรทัศน์ กล่องเคเบิล หรือเครื่องทำกาแฟ และแน่นอนว่าปลั๊กไฟแบบนี้ต่างจากปลั๊กไฟทั่วไป เพราะกินไฟน้อยกว่า ในขณะที่ปลั๊กไฟธรรมดากินไฟมากกว่า

IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

     ถึงแม้ว่า IoT หรือ Internet of Things จะยังไม่มาในเร็วๆนี้ แต่เชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า ทุกคนจะต้องมีโอกาสได้ใช้นวัตกรรมสุดไฮเทคแบบนี้แน่นอน เพราะเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลนี้ มีการพัฒนาไปกันอย่างรวดเร็ว ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิต และความสะดวกสบายมากขึ้น

  • เช็กราคาประเมินที่ดินออนไลน์ พร้อมตัวช่วยวัดขนาดที่ดินใช้งานง่ายๆ
  • โฉนดที่ดินมีกี่ประเภท พร้อมแนะวิธีอ่านโฉนด ตรวจเช็กเอกสารตัวจริง โฉนดของแท้มีลักษณะเป็นอย่างไร
  • 5 เคล็ดไม่ลับ…ช่วยจัดการเรื่องภาษีให้เป็นเรื่อง ‘ง่าย’
  • ทำความเข้าใจ เครดิตบูโร-แบล็กลิสต์ หลายคนเข้าใจผิด ต่างกันอย่างไร
  • อัพเดท สูตรคำนวณค่าโอนที่ดิน 2568 ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีต้องจ่าย รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมสิ้นสุด
  • โอนกรรมสิทธิ์ร่วม บ้าน-ที่ดิน สินสมรส กรณีหย่าร้างมีขั้นตอนอย่างไร วิธีจดทะเบียนฝ่ายเดียวทำได้ไหม
  • วิธีทำบ้านปลอดฝุ่นแรงดันบวก กำจัดฝุ่น PM2.5 ไอเดีย DIY แบบง่ายๆ เตรียมงบไม่เกิน 2,000 บาท
  • รวมคอนโดใกล้รถไฟฟ้า สายสีชมพู ราคาไม่เกิน 3 ล้าน เดินทางสะดวก ใกล้ที่สุดไม่เกิน 500 เมตร
  • ไขข้อสงสัย ที่ดินตาบอด ไม่มีทางเข้า - ออก ติดต่อเจ้าของที่ดินโดยรอบ เพื่อขอทางแล้วไม่เปิดทาง ไม่ขายให้ จะต้องดำเนินการอย...
  • รวมคอนโดใกล้รถไฟฟ้า สายสีชมพู ราคาไม่เกิน 3 ล้าน เดินทางสะดวก ใกล้ที่สุดไม่เกิน 500 เมตร
  • วิธีทำบ้านปลอดฝุ่นแรงดันบวก กำจัดฝุ่น PM2.5 ไอเดีย DIY แบบง่ายๆ เตรียมงบไม่เกิน 2,000 บาท
  • โอนกรรมสิทธิ์ร่วม บ้าน-ที่ดิน สินสมรส กรณีหย่าร้างมีขั้นตอนอย่างไร วิธีจดทะเบียนฝ่ายเดียวทำได้ไหม
  • 5 เคล็ดไม่ลับ…ช่วยจัดการเรื่องภาษีให้เป็นเรื่อง ‘ง่าย’
  • เลือกเครื่องฟอกอากาศ ลดฝุ่น PM2.5 แบบไหน วางไว้จุดไหนของบ้าน ได้ประสิทธิภาพกรองฝุ่นดีที่สุด
  • ทาสแมวรู้ไว้ "สีขนแมว" บอกนิสัยได้ มีการเล่นที่แตกต่างกันอย่างไร
  • ทำความเข้าใจ เครดิตบูโร-แบล็กลิสต์ หลายคนเข้าใจผิด ต่างกันอย่างไร
  • 10 เครื่องซักผ้าฝาหน้า เทคโนโลยีอัจฉริยะ ทำงานเงียบช่วยประหยัดน้ำ ยอดนิยมของปี 2024 ยี่ห้อไหนบ้าง
  • รวมบริษัทรับสร้างบ้าน 2567 มีแบบบ้านให้เลือกหลากหลายสไตล์ ประหยัดงบ ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่
  • เช็กราคาประเมินที่ดินออนไลน์ พร้อมตัวช่วยวัดขนาดที่ดินใช้งานง่ายๆ
  • IoT คืออะไร? ทำไมต้องมีติดบ้าน - คอนโดในยุคดิจิทัล

    "IoT" หรือ Internet of Things ถือเป็นอีกประเด็นที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงในยุคนี้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ในยุคดิจิทัลแล้ว ยังเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับทุกคนจนเรียกได้ว่าต้องมีติดบ้านหรือที่อยู่อาศัยของตัวเองด้วย ลองมาทำความรู้จักว่า IoT คืออะไร ทำไมจึงควรมีอยู่ในบ้านหรือคอนโด และควรจะมีอะไรบ้าง

    @thaihometown Scroll