
สำหรับใครที่ต้องการเช็กสิทธิบัตรทองตัวเองว่ามีสิทธิ์อยู่ที่โรงพยาบาลใด และหากสิทธิ์นั้นอยู่ในโรงพยาบาลที่ยกเลิกการเป็นเครือข่ายบัตรทองหรือยกเลิกสัญญาไปแล้ว หากคุณอยากจะย้ายสิทธิ์ไปโรงพยาบาลที่ยังอยู่ในเครือข่ายของบัตรทองต้องทำอย่างไร วันนี้เราจะมาบอกถึงรายละเอียดต่างๆ กันครับ
สาเหตุยกเลิกใช้สิทธิบัตรทองกับคลินิกและโรงพยาบาลทั้ง 64 แห่ง 
เนื่องจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ตรวจพบว่ามีการทุจริตภายในหลายแห่งในพื้นที่ กทม. อาทิเช่น พบประชาชนถูกสวมสิทธิ์โดยที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาจริง ซึ่งได้ดำเนินคดีไปแล้วและได้มีการยกเลิกสัญญาของคลินิก-โรงพยาบาลทั้ง 64 แห่ง ส่งผลให้ประชาชนที่มีสิทธิ์ในโรงพยาบาลดังกล่าวได้รับผลกระทบประมาณ 800,000 คน
ซึ่งทาง สปสช. ได้ระบุว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดสามารถเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลใดก็ได้ที่ยังมีสัญญากับ สปสช. ได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และตอนนี้ทาง สปสช. ก็ได้เร่งมือในการหาโรงพยาบาลรายใหม่เข้ามาทดแทน เพื่อที่จะกระจายความสะดวกและความแออัดในการเข้าใช้บริการของประชาชนให้มากที่สุด
กรณีที่คุณเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องใช้ประวัติการรักษาและต้องการข้อมูลยา คุณสามารถเข้าไปขอข้อมูลการรักษาได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
การยกเลิกใช้สิทธิบัตรทองกับคลินิกและโรงพยาบาลทั้ง 64 แห่ง เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดไม่ได้รับผลกระทบ
4 กลุ่มผู้ป่วยที่ควรติดต่อ สายด่วน สปสช. (1330) 
- ผู้ป่วยคลินิกชุมนุม กลุ่มโรงพยาบาลรับส่งต่อ ผู้ป่วยที่มีการนัดผ่าตัดไว้แล้ว ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยที่ต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทาง สปสช. ได้ประสานงานติดต่อรายชื่อรวมถึงเตรียมโรงพยาบาลรองรับไว้แล้ว
- ผู้ป่วยในโรงพยาบาล
- ผู้ที่ตั้งครรภ์แล้วได้นัดวันผ่าคลอดหรือวันคลอดไว้แล้ว
- ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตอย่างต่อเนื่อง
ผู้ป่วยทั้ง 4 กลุ่มนี้ ทาง สปสช. ได้ติดต่อไปแล้วบางส่วน สำหรับใครที่ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก สปสช. ให้คุณโทรเข้าสายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อมาทางช่องทางเพจ Facebook ที่ชื่อว่า “สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” รวมถึงช่องทางของ ID Line : 1330_2
โดยขอให้ผู้ป่วยทั้ง 4 กลุ่ม เตรียมรายละเอียดข้อมูลไว้ให้แก่เจ้าหน้าที่อันได้แก่ เลขบัตรประชาชน , เบอร์โทรที่ติดต่อกลับได้ และปัญหาที่คุณพบ
เงื่อนไขการลงทะเบียนสำหรับ "เปลี่ยนหน่วยบริการของสิทธิบัตรทอง" 
- ผู้ใช้งานต้องมีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สิทธิว่าง
- ต้องมีอายุ 15 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป
- จะต้องลงทะเบียนด้วยตนเอง เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีขั้นตอนการลงทะเบียนแทนบุคคลในครอบครัวได้
วิธีย้ายสิทธิบัตรทองด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. 
1. วิธีลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. 



ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน สปสช. สำหรับ IOS และ สำหรับ Android
หรือ “เปิดกล้องสแกน” ที่รูปเลย ระบบจะลิ้งค์ไปยังแอปพลิเคชันทันที เพื่อให้คุณดาว์นโหลด
ก่อนอื่นคุณจะต้องดาว์นโหลดแอปพลิเคชันลงมือถือสมาร์ทโฟนของคุณก่อน จากนั้นแอปจะเด้งขึ้นมาเป็นหน้าหลักทันที แต่คุณยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ เนื่องจากคุณยังไม่ได้ลงทะเบียน ดังนั้นคุณจะต้องลงทะเบียนก่อน โดยสิ่งที่ต้องเตรียมมีเพียงแค่บัตรประชาชนและเบอร์มือถือเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 1
เมื่อเข้ามายังแอป จะพบหน้าหลักดังรูปภาพ ให้คุณกดเลือก "ตรวจสอบสิทธิตนเอง" หรือ "ลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ" กดอะไรก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อที่ระบบจะลิ้งค์ไปยังหน้าลงทะเบียน

ขั้นตอนที่ 2
กดที่ "ลงทะเบียน" จากนั้นกดที่ "ยอมรับ" เงื่อนไข และกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตามรูปเลย

ขั้นตอนที่ 3
เมื่อกรอกเลขบัตรประชาชนแล้ว ระบบจะแสดงชื่อ-นามสกุล ของคุณ และให้คุณกรอกตัวเลขหลังบัตรประชาชนอีกครั้ง และตามด้วย วัน-เดือน-ปีเกิดของคุณ และเมื่อคุณกรอกข้อมูลทุกอย่างต้องถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ระบบจะให้คุณกรอกรหัสผ่านในการเข้าใช้งานแอปนี้เป็นรหัสผ่าน 6 หลัก (ต้องกรอก 2 ครั้ง) โปรดจำรหัสผ่านนี้ให้ได้ด้วยนะคะ เพราะคุณจำเป็นต้องใช้เมื่อคุณจะเปิดแอปครั้งต่อไป

ขั้นตอนที่ 4
กรอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณ และกด “ขอรหัส OTP” รอให้ SMS แจ้งรหัสเข้ามาในมือถือของคุณ จากนั้นกรอกรหัส 6 ตัว ลงในแอปและกด “ตรวจสอบ” หากทุกอย่างดำเนินการถูกต้องระบบจะขึ้นแสดงหน้าการยืนยันตัวตนสำเร็จ

ขั้นตอนที่ 5
เมื่อยืนยันตัวเรียบร้อย ระบบจะแสดงข้อมูลปัจจุบันของคุณ อาทิเช่น ชื่อ-นามสกุล, จังหวัดที่ลงทะเบียนรักษา, สิทธิที่ใช้เบิก, สิทธิย่อย, วันที่เริ่มใช้สิทธิ, สถานพยาบาลที่เข้ารักษาเบื้องต้น และสถานพยาบาลที่รับส่งต่อ ดังรูปเลยค่ะ สำหรับใครที่ต้องการย้ายสิทธิบัตรทองของคุณไปโรงพยาบาลอื่น ก็ให้คุณแตะที่หน้าจอตรงไหนก็ได้ จากนั้นหน้าแสดงข้อมูลจะหายไป และขึ้นเป็นหน้าหลักให้คุณเลือกใช้บริการ ให้คุณเลือกกดที่ "ลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ"

2. ย้ายสิทธิบัตรทอง ผ่านแอป สปสช. กรณีที่ที่อยู่ตรงกับบัตรประชาชน 


- หากที่อยู่ปัจจุบันของคุณตรงกับที่อยู่บนบัตรประชาชน ให้คุณกด "ตกลง"
- ระบบจะทำการยืนยันตัวตนของคุณ โดยการให้คุณถ่ายรูป 2 ครั้ง (1) ถ่ายรูปบัตรประชาชนของคุณ (2) ถ่ายรูปเซลฟี่คุณคู่กับบัตรประชาชน จากนั้นกด "บันทึก"
- จากนั้นให้คุณเลือกสถานพยาบาลแห่งใหม่ที่คุณต้องการใช้บริการตามสิทธิบัตรทองของคุณ และกด "ยืนยัน"
- จากนั้นคุณจะต้องรอให้ระบบทำการอนุมัติการใช้สิทธิที่สถานพยาบาลแห่งใหม่ก่อน ซึ่งจะแจ้งสถานะให้ทราบทุก ๆ วันที่ 15 และ 28 ของเดือน

3. ย้ายสิทธิบัตรทอง ผ่านแอป สปสช. กรณีที่ที่อยู่ ไม่ตรงกับบัตรประชาชน 


- กรณีที่ที่อยู่ของคุณไม่ตรงกับบัตรประชาชน ให้คุณกดเลือกที่ "ไม่ตรง"
- จากนั้นให้คุณแนบไฟล์เป็นหลักฐานการยืนยันที่อยู่ อาทิเช่น บิลค่าน้ำ, บิลค่าไฟ, หนังสือรับรองการเป็นเจ้าของบ้าน เป็นต้น เมื่อแนบรูปหรือไฟล์เรียบร้อยให้คุณกดที่ "ยืนยัน"

วิธีย้ายสิทธิบัตรทองด้วยตนเอง ผ่านไลน์ สปสช. (Line) 
ขั้นตอนที่ 1 ทำการสแกน QR Code ของไลน์ สปสช.

ขั้นตอนที่ 2
กด "เพิ่มเพื่อน" จากนั้นระบบจะขึ้นบริการมาให้คุณเลือกใช้งาน กดที่ "เปลี่ยนหน่วยบริการ" จากนั้นกดอนุญาตขอใช้สิทธิ์ 2 ครั้ง และกดยืนยันยอมรับเงื่อนไข

ขั้นตอนที่ 3
กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก กรอกตัวเลขหลังบัตรประชาชนอีกครั้ง และตามด้วย วัน-เดือน-ปีเกิดของคุณ และกรอกรหัสผ่านสำหรับการเข้าใช้บริการครั้งถัดไป โดยคุณจะต้องจำรหัสนี้ให้ได้ด้วยนะคะ และกรอกเบอร์โทรศัพท์สำหรับการรับรหัส OTP (ทำทุกอย่างขั้นตอนเหมือนกับการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน)

ขั้นตอนที่ 4
สำหรับคนที่มีที่อยู่ตรงกับบัตรประชาชน ให้ทำการถ่ายรูปบัตร และ ถ่ายรูปเซลฟี่คุณคู่กับบัตรประชาชน จากนั้นกดเลือกสถานพยาบาลแห่งใหม่ที่คุณต้องการใช้บริการ (ทำทุกอย่างขั้นตอนเหมือนกับการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน)
ขั้นตอนที่ 5
สำหรับคนที่มีที่อยู่ไม่ตรงกับบัตรประชาชน ให้คุณแนบไฟล์เป็นหลักฐานการยืนยันที่อยู่ อาทิเช่น บิลค่าน้ำ, บิลค่าไฟ, หนังสือรับรองการเป็นเจ้าของบ้าน เป็นต้น (ทำทุกอย่างขั้นตอนเหมือนกับการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน)
สมัครสิทธิบัตรทอง ทำอย่างไร 


1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะสมัครทำบัตรทอง 
- มีสัญชาติไทย และต้องมีบัตรตัวประชาชน (เพราะต้องใช้ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก)
- ไม่มีหน่วยสวัสดิการรักษาพยาบาลอื่นอยู่แล้ว
2. เอกสารที่ใช้ในการทำสิทธิบัตรทอง 
- บัตรตัวประชาชน พร้อมสำเนา หากมีอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้ใช้ใบสูติบัตร
- สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อของคุณ กรณีอยู่บ้านเช่า หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ตามสำเนาทะเบียนจริง ให้แนบสำเนาทะเบียนบ้านที่คุณอาศัยอยู่ พร้อมหนังสือรับรองของเจ้าบ้าน
- หลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงว่าคุณพักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นจริง อาทิเช่น สัญญาเช่าที่พัก เป็นต้น
- แบบคำร้องลงทะเบียนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า / หรือขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ (ขอเปลี่ยนสถานพยาบาลเป็นที่อื่น)
3. หน่วยงานพื้นที่ใน กทม. สำหรับติดต่อขอทำบัตรทอง 
สำนักงานเขต 19 แห่ง เวลาทำการ วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00- 16.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
- คลองสามวา
- คลองเตย
- ธนบุรี
- บางกะปิ
- บางขุนเทียน
- บางพลัด
- บางแค
- ประเวศ
- พระโขนง
- มีนบุรี
- ราชเทวี
- ราษฎร์บูรณะ
- ลาดกระบัง
- ลาดพร้าว
- สายไหม
- หนองจอก
- หนองแขม
- หลักสี่
- ห้วยขวาง
ธนาคาร ธ.ก.ส. 3 สาขา
- สาขาย่อยหมอชิต 2 (เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 19.00 น.)
- สาขาย่อยตลาดยิ่งเจริญ (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น.)
- สาขาย่อยวัดไทร (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30 – 15.30 น.)
สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00 – 19.00 น. และในวันเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในเวลา 08.00 – 17.00 น.
4. หน่วยงานพื้นที่ต่างจังหวัด สำหรับติดต่อขอทำบัตรทอง 
- สถานีอนามัย
- โรงพยาบาลของรัฐที่คุณสะดวกที่สุด
- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)
- โรงพยาบาลของรัฐที่คุณสะดวกที่สุด
คลินิกและโรงพยาบาลที่ยกเลิกใช้สิทธิบัตรทอง 



คลิกดูรูปภาพใหญ่ได้ที่นี่
ติดต่อสอบถามข้อมูลหรือปรึกษาได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง