
ในระบบการลำเลียง หรือการขนส่งสาธารณูปโภคต่างๆ ที่สำคัญสำหรับตัวบ้านนั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการลำเลียงผ่านท่อ ซึ่งนอกจากไฟฟ้าแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันครับ นั่นก็คือระบบประปานั่นเอง ซึ่งก็คือระบบการส่งน้ำไปยังบ้านต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งการอุปโภค บริโภค ซึ่งจะทำการส่งน้ำผ่านทางท่อประปานั่นเองครับ ซึ่งท่อประปานั้น ไม่ได้มีแค่ท่อ PVC สีฟ้าแบบที่เราเห็น หรือคุ้นเคยแค่อย่างเดียวครับ แต่ยังมีท่ออีกหลายประเภทให้เราได้รู้จักกันอยู่ แต่ก่อนอื่น เราไปทำความรู้จักท่อประปาให้ดีกว่านี้กันก่อนดีกว่าครับ
ท่อประปา คืออะไร

ท่อประปาทำหน้าที่ในการลำเลียงน้ำดี หรือน้ำประปา จ่ายผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ก๊อกน้ำ ฝักบัวอาบน้ำ ฟลัชวาล์ว และหม้อน้ำชักโครกเป็นต้น ท่อเมนประปาที่ใช้ตามบ้าน ใช้กันที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3/4 นิ้ว – 1 นิ้ว วัสดุที่ใช้ทำท่อประปาในบ้านเมื่อก่อนใช้ ท่อเหล็กอาบสังกะสี จากนั้นก็พัฒนามาเป็นท่อ พีวีซี ท่อพีอี
ชนิดของท่อประปา สามารถแบ่งได้ 5 ประเภท ดังนี้

1. ท่อประปาเหล็กอาบสังกะสี
ทำจากเหล็กกล้าซึ่งเป็นสนิมได้ยาก ผ่านการอาบ สังกะสี สามารถทำเกลียวได้ง่าย ท่อเหล็กอาบสังกะสี ส่วนใหญ่จะผลิต มายาว 6 เมตร ปลายท่อทำเกลียวมาให้พร้อม มีแบบหนาปานกลาง ที่ท่อจะคาดสีน้ำเงิน และอย่างหนาที่ท่อคาดสีเหลือง ซึ่งจะมีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันและอุณหภูมิที่สูงๆ เช่น เครื่องทำน้ำร้อน แต่ราคาจะค่อนข้างแพง ถ้าใช้ไปนานๆ อาจเกิดสนิมได้ โดยเฉพาะการฝังอยู่ในดิน อาจเป็นอันตรายได้ ถ้าหากเรานำน้ำในท่อมารับประทานแบบโดยตรง

2. ท่อ PVC (Poly Vinyl Chloride)
ท่อที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านเรือน หรือสถานที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความยาว 4 เมตร ยกเว้นท่อ PVC บางประเภท ซึ่งอาจยาว 3 หรือ 6 เมตรบ้าง แบ่งแยกการใช้งาน ตามสีต่างๆ เช่น สีฟ้า สีเหลือง สีเทา หรือ สีขาว ซึ่งจะมีน้ำหนักเบา ราคาถูกสามารถดัดงอได้ และ ไม่เกิดสนิมน้ำในท่อจะสะอาดกว่า แต่จะไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรงๆ ได้ และไม่ทนต่อความดันและอุณหภูมิที่สูง ซึ่งท่อพีวีซี (PVC.) จะสามารถแบ่งตามชนิดการใช้งาน โดยใช้สี ดังนี้
- ท่อสีเหลือง เป็นท่อสำหรับร้อยสายไฟฟ้า และสาย โทรศัพท์ เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้อย่างดี
- ท่อสีฟ้า เป็นท่อที่ใช้กับระบบน้ำ เช่น น้ำดี น้ำเสีย และการระบาย สามารถทนแรงดันน้ำได้มากน้อยตามประเภท การใช้งาน (มีหลายเกรด)เป็นท่อใช้งานสำหรับ ระบบน้ำดื่ม หรือ งานท่อระบายน้ำ มีความหนาตามระดับการรับแรงดัน ตั้งแต่ ชั้น PVC 5 ,8.5 และ 13.5 ตามมาตรฐาน มอก.17-2532
- ท่อสีเทา เป็นท่อที่ใช้สำหรับการเกษตร หรือน้ำทิ้ง ก็ได้ ราคาค่อนข้างถูก ไม่ค่อยแข็งแรง ควรจะเดินลอย ไม่ควร ฝังดิน คุณภาพที่ดี ก็มีของ ตราช้าง รองลงมา ก็เป็น ท่อ สีเขียวขี้ม้า ชื่อ OK ของ ตราช้าง เช่นเดียวกับท่อเทาเกษตรของ ท่อน้ำไทย ใช้ชื่อว่าท่อ 5 ดาว ค่อนข้างแข็ง และกรอบเร็ว นอกจากนี้ก็มีท่อเกษตร ยี่ห้ออื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นของ อริยะ CP TSD เป็นต้น

3. ท่อไซเลอร์
ภายนอกจะเป็นท่อเหล็ก GSP. และภายในเป็นท่อ PE. จะมีข้อดีคือ มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันได้มากกว่า 20 บาร์ และอุณหภูมิสูง ถึง 95 องศา ไม่เป็นสนิม เหมาะสำหรับ ใช้ติดตั้งใน โรงแรม อาคารขนาดใหญ่ สถานที่ ๆ ต้องการความทนทานสูง หรือสถานที่ ที่ยากต่อการซ่อมแซม แต่ราคาสูงมาก

4. ท่อพีพีอาร์
เกิดจากการ Random Copolymer Polypropylene ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง(Thermo Plastic) ที่นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้น พัฒนาทางด้านเทคโนโลยีระบบท่อประปาพลาสติกภายใต้คุณสมบัติด้านฟิสิกส์ และเคมีทำให้ท่อพลาสติกที่ทำด้วยวัสดุพิเศษ ซึ่งจะมีดีที่การเชื่อมต่อระหว่างท่อกับข้อต่อ จะใช้วิธีการให้ความร้อน โดยคุณสมบัติพิเศษของจึงทำให้ท่อและข้อต่อสามารถเชื่อมผสานกันเป็นเนื้อ เดียว จึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาการรั่วซึม ที่บริเวณจุดต่อเชื่อมระหว่างท่อและข้อต่อ ทนอุณหภูมิได้สูง ถึง 95 องศา แข็งแรง ทนแรงดันได้สูงถึง 20 บาร์ อายุการใช้งาน ยาวนานกว่า 50 ปี ไม่เป็นสนิม สะอาด สามารถใช้เป็นท่อน้ำดื่มได้ เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งใน บ้านพักอาศัย คอนโด ตึกแถว อาคารขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ แต่ตัวท่อจะไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรงๆ ซึ่งจะไม่เหมาะกับการติดตั้งใต้พื้นดิน หรือพื้นคอนกรีตที่มีการทรุดตัวมาก

5. ท่อ PE – Poly Ethylene ท่อโพลีเอทิลีน (HDPE)
เป็นวัสดุทางเคมีที่มีค่าความหนาแน่นสูง “ไม่น้อยกว่า 950 Kg/m3” ที่มีคุณสมบัติทางเคมี,ไฟฟ้าและทางกลที่ดีเยี่ยม สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้เป็นวัสดุที่เหมาะสม กับสภาวะการใช้งานในวงการต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งท่อโพลีเอทิลีน หรือ เอชดีพีอี หรือบางหน่วยงานก็เรียกว่า ท่อพีอี PE นั้น ก็คือท่อโพลีเอทิลีน (HDPE) ที่ผลิตจากวัสดุโพลีเอทิลีนที่มาจากขั้นตอนทางเคมีทั้งสิ้น ซึ่งจะมีน้ำหนักเบา 1/5 ของท่อเหล็ก สะดวกในการเคลื่อนย้าย มีความยืดหยุ่นได้ดี ทนแรงกระแทกได้ดี และปลอดสารพิษ สามารถขดเป็นม้วนได้ (ยาวสูงสุดได้ถึง 400 เมตร) ทนต่อสารเคมี และแสงอาทิตย์ มีผิวในท่อเรียบ ของเหลวไหลสะดวก
สาเหตุของปัญหาคุณภาพน้ำ เกิดจากอะไรบ้าง ?

1. ท่อประปา
ท่อเหล็กอาบสังกะสีที่ใช้งานเป็นเวลานานเกินกว่า 5 ปี อาจเป็นสนิม ทำให้น้ำประปามีคราบแดง เนื่องจากตะกอน สนิมปะปนอยู่ ดังนั้น หากพบว่าท่อเก่าเป็นสนิมควรรีบเปลี่ยนใหม่ ทันที และหากพบว่ามีการรั่วไหลเกิดขึ้นทั้งที่เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ จากถังชักโครกหรือถังเก็บน้ำที่ลูกลอยชำรุด ทำให้น้ำไหลทิ้ง อยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงการรั่วไหลมากอันเกิดจากท่อแตกรั่ว ใต้ดินที่มองไม่เห็น ควรรีบซ่อมแซมอุปกรณ์เหล่านั้นให้อยู่ ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ เพราะท่อและ อุปกรณ์ที่รั่วทำให้น้ำสูญเสียไปมาก และอาจเป็นเหตุให้สิ่งสกปรกเข้าไป ในเส้นท่อได้หากท่านใช้เครื่องสูบน้ำ

2. เครื่องสูบน้ำ
การติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่สูบโดยตรงจากเส้นท่ออาจดูดสิ่ง สกปรกจากบริเวณใกล้เคียง เช่น น้ำขุ่นจากท่อแตกรั่ว หรือน้ำแดงจาก ท่อสนิม เข้ามาในระบบท่อประปาในอาคารได้ ดังนั้นควรติดตั้งถังพักน้ำ เพื่อสำรอง น้ำไว้ก่อน แล้วจึงสูบจากถังพักน้ำนั้นจ่ายไปยังท่อประปา ภายในอาคาร จะได้น้ำที่สะอาดปลอดภัย

3. เครื่องกรองน้ำ
เครื่องกรองน้ำที่ใช้งานมานานโดยไม่ล้างหรือเปลี่ยนไส้กรอง อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ ควรทำความสะอาด เครื่องกรองน้ำอยู่เสมอ โดยข้อเท็จจริงเครื่องกรองน้ำไม่ใช่สิ่งจำเป็น สำหรับการใช้ น้ำประปา

4. ถังพักน้ำ / ถังเก็บน้ำ
ควรล้างทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 6 เดือน หากไม่มี การล้างถังพักน้ำ/ถังเก็บน้ำเลย สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เล็ดรอดเข้าไป จะเจริญเติบโตเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้น้ำประปาปนเปื้อนสิ่ง สกปรกโดยไม่รู้ตัว ถังพักน้ำมักเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำ ไม่ได้มาตรฐาน
น้ำ คือสิ่งจำเป็นต่อชีวิต ทั้งในด้านการอุปโภค และบริโภค การดื่มกิน ดังนั้น การรักษาท่อน้ำ หรือแหล่งเก็บน้ำ แหล่งจ่ายน้ำต่างๆ ให้อยู่ในสภาพสะอาด สมบูรณ์ พร้อมใช้งาน จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำมากๆ ครับ เพราะนั่นจะหมายถึงเรื่องของคุณภาพชีวิตทางด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ได้อย่างชัดเจนเลยครับ และหากเราขาดน้ำไป เราเองก็คงใช้ชีวิตได้ยากขึ้นแน่นอนครับ