ตรวจสอบ "เงื่อนไขค่าใช้จ่าย" หลังจากการกู้ ที่นอกเหนือจากดอกเบี้ย
หลายๆ คน กว่าจะยื่นกู้ขอสินเชื่อบ้าน เรียกได้ว่ายุ่งยาก กว่าจะทำให้การขอกู้นั้นผ่านได้ได้ด้วยดี ทั้งจะเป็นเช็คประวัติเครดิต เช็คประวัติรายได้ เช็คเอกสารต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ใช่ว่าหลังจากกู้ผ่านแล้วจะสบาย เราก็ยังต้องมีภาระค่าใช้จ่ายหลังจากการกู้เข้ามาอีก
การที่เรานั้นขอกู้สินเชื่อบ้านผ่านแล้ว นั้นก็แสดงถึงประวัติและเครดิตที่ดีของเรา ว่ามีวินัยในการจับจ่ายใช้สอยเงินอย่างมีระบบ แต่หลังจากการกู้แล้ว เราก็ยังต้องสร้างวินัยเหมือนเดิม เพราะภาระค่าใช้จ่ายหลังจากการกู้นั้นยังมีอยู่ อย่างเช่น "ดอกเบื้ย" ที่เราต้องจ่ายทุกเดือนพร้อมกับเงินต้น แต่จริงๆ แล้ว ในสัญญาเงินกู้อาจมีเงื่อนไขอื่นๆ พ่วงติดมาด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ
ปิดหนี้ก่อนกำหนด
การปิดหนี้ก่อนกำหนดเป็นเรื่องดี ที่ช่วยให้เรานั้นปลดล็อคภาระค่าใช้จ่ายได้ไวกว่าปกติ รวมถึงการชำระดอกเบี้ยที่น้อยกว่าเดิม แต่บางธนาคารได้เพิ่มเงื่อนไขพิเศษ สำหรับผู้กู้ที่เลือกโปรโมชั่นดอกเบี้ยแบบคงที่ ระยะ 3-5 ปี หรือ อัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ต่ำกว่าโปรโมชั่นอื่น โดยห้ามไถ่ถอนก่อนกำหนด เช่น ธนาคาร กำหนดเงืิ่อนไขไถ่ถอน หรือปิดบัญชีก่อน 5 ปี มีค่าปรับ 3% รวมถึงต้องสมัครทำบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดกับธนาคาร เป็นต้น
ค่าประกัน MRTA
การกู้นั้น ผู้กู้จะต้องเจอเงื่อนไขพิเศษ คือ การยื่นข้อเสนอให้ทำกรมธรรม์ MRTA พ่วงมากับการอนุมัติเชื่อ ซึ่งจริงๆ แล้ว สามารถเลือกว่าจะทำ หรือไม่ทำก็ได้ เช่นเดียวกับประกันภัยพิบัติที่เป็นทางเลือกเสริม เพราะหากผู้กู้ทำประกัน MRTA ไป แล้วขอยกเลิกในภายหลัง จะมีสัญญาผูกมัดที่ค่อนข้างยุ่งยาก รวมถึงค่าปรับต่างๆ แม้ว่าผู้กู้มีสิทธิบอกยกเลิกสัญญาได้ตั้งแต่ 30 วันแรกของการทำประกันก็ตาม รวมถึงเงินประกันที่อาจจะไม่ได้คืนให้กับผู้กู้ แต่จะนำไปหักเงินกู้ และต้องเซ็นสัญญาเงินกู้ใหม่ เนื่องจากจะต้องปรับอัตร่ดอกเบี้ยเป็นอัตราดอกเบี้ยในกรณีไม่ทำประกัน MRTA
ส่วนประกันที่บังคับให้ผู้กู้ต้องทำ คือ "ประกันอัคคีภัย" เพราะเป็นประกันที่คุ้มครองความปลอดภัยของตัวบ้านกรณีเกิดไฟฟ้าลัดวงจร แก๊สรั่ว ไฟไหม้ โดยกำหนดยอดทำประกันไว้ 0.1% ของราคาบ้าน และให้จ่ายเบี้ยประกันทุกๆ 3 ปี เรื่อยๆ จนครบอายุสัญญา
ผิดนัดชำระจ่ายค่างวด
นอกจากนี้ยังมี "ดอกเบี้ยค่าปรับ" กรณีที่ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ หรือชำระล่าช้าจากวันที่ธนาคารกำหนดให้ต้องจ่ายในทุกๆ เดือน ซึ่งปกติธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน เช่น เงินกู้ 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% ในปีแรกผู้กู้จะต้องเสียค่าดอกเบี้ยประมาณ 100,000 บาท หรือเดือนละ 8 พันกว่าบาท แต่หากผู้กู้ผิดนัดชำระ ดอกเบี้ยที่ต้องชำระจะสูงขึ้น ตามที่ธนาคารต่างๆ ได้ระบุ ซึ่งคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือทั้งหมด
เห็นไหมว่า นอกจากเราจะต้องสร้างวินัย เพื่อสร้างเครดิตที่ดีก่อนยื่นกู้ขอสินเชื่อให้ผ่านแล้ว หลังจากการกู้นั้น เราก็ยังคงต้องมีวินัยเช่นเดิม เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายที่พ่วงติดมากับการกู้ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย ภาระหนี้หลักที่เราต้องชำระอยู่แล้ว ค่าปรับต่างๆ ทั้งการปิดหนี้ก่อนกำหนดในบางกรณี หรือผิดนัดชำระดอกเบี้ย รวมถึงค่าประกันที่ติดมากับสัญญากู้ ซึ่งเราควรเตรียมพร้อมรับภาระต่างๆ หลังจากที่การกู้สินบ้านสำเร็จนั้นเอง
“ สร้างวินัยทางการเงิน ไม่ใช่แค่ก่อนการกู้สินเชื่อต่างๆ
แต่จะต้องมีวินัยในการใช้เงินอยู่ตลอดเวลา ถึงเป็นการสร้างเครดิตที่ดีให้กับตัวเรา ”