สาเหตุที่ทำให้เรานั้น กู้สินเชื่อบ้านและคอนโดไม่ผ่าน
อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการขอสินเชื่อบ้านหรือคอนโด เป็นวิธีการซื้อบ้านหรือคอนโด อีกวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีได้เงินสดก้อนโตพร้อมโปะไปในทีเดียว หรือผู้ที่ต้องการนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นบ้าง แต่ยังซื้อบ้านหรือคอนโดให้ได้เป็นของตัวเองไปด้วย
แต่แน่นอนการกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดนั้น ยอมมีเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ ที่ว่าเมื่อเราไปขอกู้ก็อาจจะผิดหวังกลับมา จากการที่ธนาคารปฏิเสธการปล่อยกู้ หรือไม้ให้วงเงินกู้ตามที่ต้องการ
แล้วอะไรหล่ะ? ที่เป็นสาเหตุของการกู้ผ่าน วันนี้เราจะพาไปดูถึงสาเหตุเหล่านั้นกัน ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้เรานั้นกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดไม่ผ่าน จะมีสาเหตุอะไรกันบ้างตามไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ
1 ติดหนี้บัตรเครดิต
เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุหลัก ลำดับต้นๆ ของการกู้ขอสินเชื่อบ้านและคอนโดไม่ผ่านเลยครับ โดยเฉพาะหากมีหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 40% ของรายได้ แถมจะไม่มีโอกาสในการของกู้สินเชื่อผ่านเลย ซึ่งในจุดนี้เราสรา้งต้องวินัยการใช้บัตรเครดิตที่ดีให้กับตัวเอง เพื่อเป็นการสร้างประวัติการเงินที่ดีขึ้นนั้นเอง
"สร้างวินัยการใช้บัตรเครดิต ช่วยเพิ่มโอกาสการขอสินเชื่อบ้าน คลิก!"
2 ติดผ่อนอะไรสักอย่าง
การผ่อนรถ หรือผ่อนของผ่านบัตรเครดิต จะถูกนำมาคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือน ซึ่งถือเป็นภาระหนี้อีกรูปแบบหนึ่ง และแน่นอนถ้ามีภาระค่าใช้จ่ายเกิน 40% ของรายได้ก็จะถูกปฏิเสธการขอกู้ แต่ถ้ารายจ่ายน้อยกว่านั้นก็จะเอาไปหักจากรายได้ และทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้ไม่เต็มวงเงินรายได้ของเรา ดังนั้นถ้าใครที่ติดผ่อนชำระอะไรสักอย่าง และยังไม่สามารถจัดการชำระหนี้ทั้งหมดได้ ก็ให้รีไฟแนนซ์เพื่อช่วยให้เงินผ่อนต่อเดือนลดลง ก่อนการยื่นกู้
3 ติดค้ำประกัน
คือการที่เราไปเป็นผู้ค้ำประกันให้กับอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งในข้อนี้อาจจะไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก หากคนที่เราค้ำประกันนั้นมีประวัติที่ดี และไม่ค้างชำระหนี้จนขึ้นประวัติเสีย บนบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ดังนั้นก่อนจะไปค้ำประกันให้ใครก่อนเช็คให้ดีๆ ก่อน ว่าสามารถไว้ใจได้หรือเปล่า หรือไม่ก็ไม่ต้องค้ำให้ใครเลยจะดีที่สุด เพราะจะไม่ได้ไม่ต้องมีผลกระทบมาถึงตัวเรา
4 ไม่มีการออมเงิน
ในข้อนี้ อาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักอะไร เพราะธนาคารจะดูเงินเก็บออมก็ต่อเมื่อ ธนาคารขาดความมั่นใจที่จะปล่อยกู้ให้ อย่างเช่น ขอวงเงินกู้สูงเมื่อเทียบกับรายได้ ทางธนาคารก็อาจจะขอดูเงินออม หรืออย่างหากคุณมีรายได้มาก แต่กลับไม่มีเงินออม ซึ่งจริงๆ แล้วการเก็บออมของผู้ที่มีรายได้สูงน่าจะทำได้ไม่ยาก ธนาคารก็จะคิดว่าการที่ไม่มีเงินออมนั้น เป็นเพราะคุณมีหนี้อย่างอื่น หรือกำลังลงทุนอะไรบ้างอย่างหรือเปล่า
5 ปัญหาจากผู้กู้ร่วม
หลายครั้งๆ การที่ขอวงเงินสูงและไม่สัมพันธ์กับรายได้ การหาผู้กู้ร่วมก็เป็นอีกกวิธีหนึ่ง แต่บางธนาคารจะไม่นับรายได้จากผู้กู้ร่วมที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ อย่างผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระต่างๆ ซึ่งหากเงินไม่หนาจริง ไม่มีกิจการเป็นของตัวเอง หรือการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ทางธนาคารจะไม่นำรายได้มาคิดรวม อย่างอาชีพที่ธนาคารชอบจริงๆ จะเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ แพทย์ และอัยการ ถ้ากู้ร่วมกับอาชีพเหล่านี้ และพวกเขาไม่มีหนี้ การที่จะขอกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดนั้น ก็โอกาสสูงเลยทีเดียวที่จะขอผ่าน
6 ปัญหาเรื่องที่ทำงาน
ความน่าเชื่อของสถานที่ทำงานของเราก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ ที่เป็นเป็นวัดว่าเราจะขอกู้ผ่านหรือไม่ผ่าน โดยเฉพาะหากบริษัทที่คุณขาดการจ่ายภาษี ไม่ส่งประกันสังคม จ่ายเงินเดือนไม่ตรง การขอกู้ให้ผ่านก็ยากมากขึ้นนั้นเอง
7 รายได้ไม่ถึง 25,000 บาทต่อเดือน
ตามจริงแล้วเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 ก็สามารถขอกู้ได้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เมื่อเราหักรายจ่ายต่อเดือนไปโอกาสการขอกู้นั้นไปเป็นได้ยากจริงๆ หรือถ้าเป็นไปได้ คิดว่าโอกาสที่จะมีเงินเหลือเก็บออมนั้นก็น้อยเกินไป ซึ่งการวางฐานรายได้ไว้ที่ 25,000 บาท ถือเป็นตัวเลขขั้นต่ำสำหรับการขอกู้สินเชื่อที่อาจจะไม่ได้กระทบกับการใช้ชีวิตมากเกินไป ถ้าเราไม่ไปมีหนี้อย่างอื่นเพิ่มเติม
8 ธนาคารไม่คิดรายได้ทั้งหมด
การคิดรายได้นั้น แต่ละธนาคารก็จะการคิดในส่วนนี้ที่ต่างกันออกไป ซึ่งบางธนาคารอาจจะนับแค่เงินเดือนประจำ บางธนาคารอาจจะนับรวมค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน โบนัส โอที ค่าประชุม ฯลฯ ให้ด้วย บางธนาคารก็คิดค่าใช้จ่ายเหล่านี้แบบนับเป็นเปอร์เซ็นต์ นั้นเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดไม่ผ่าน ดังนั้นก่อนการยื่นกู้ให้สอบถามข้อมูลกับเจ้าที่ของแต่ละธนาคารให้ดี จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา
9 กำลังเปลี่ยนงาน
ถ้าคุณพึ่งเข้าทำงานที่ใหม่และยังไม่ผ่านโปร ธนาคารเองก็จะมองว่าเป็นความเสี่ยงต่อการกู้สินเชื่อเหมือนกัน และยิ่งบางคนที่เปลี่ยนงานบ่อยๆ ทางธนาคารก็จะตั้งข้อสงสัยกับบุคคลนั้น ซึ่งอาจะเป็นอุปสรรคต่อการกู้สินเชื่อด้วย
10 อื่นๆ
เหตุผลที่จะซื้อไม่เพียงพอ
เคสนี้แบบนี้อาจเกิดขึ้น เพราะที่ทำงานไม่โปร่งใส จดทะเบียนไม่ถูกต้อง และดูไม่น่าเชื่อ ทำให้ทางธนาคารมองว่ารายได้ที่เราได้มา อาจจะไม่ใช่รายได้ที่เชื่อถือได้ และมองได้ว่าการซื้อบ้านหรือคอนโดอาจจะเป็นไปในจุดประสงค์ อย่างเช่น การฟอกเงิน โดยเฉพาะถ้าบ้านหรือคอนโดที่จะซื้อ ไม่ได้อยู่พื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
โครงการติด Black List
ทางธนาคารพบว่าโครงการนี้มีหนี้เสียอยู่ในระบบเยอะ คือมีการกู้สำเร็จ แต่กลับไม่มีคนอยู่จริง ไม่มีคนผ่อน แล้วปล่อยให้ห้องโดนยึดไปหลายห้อง ซึ่งตรงนี้ธนาคารอาจจะตั้งข้อสังเกตว่ามีลักษณะของการกู้คอนโดเงินเหลือ คือ กู้สินเชื่อซื้อคอนโดเพื่อเอาเงินส่วนต่างระหว่างเงินที่กู้ได้กับราคาขายจริง ธนาคารจะมองว่าโครงการนี้ดูไม่โปร่งใส และไม่มีศักยภาพเพียงพอ สุดท้ายจะเลือกไม่ปล่อยกู้ให้กับคนที่ยื่นกู้กับโครงการเหล่านี้ ถ้าเครดิตของผู้กู้ไม่สูงพอ
ทั้งหมดก็เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้การขอกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดนั้นไม่ผ่าน หรือโดนลดจำนวนวงเงินกู้ ซึ่งจริงๆ แล้วบางคนก็อาจจะเจอการปฏิเสธการปล่อยเงินกู้จากทางธนาคารด้วยเหตุผลแปลกแบบอื่นๆ อันเนื่องมาจากมาตรฐาน และข้อกำหนดของแต่ละธนาคารที่แตกต่างกันไป สุดท้ายการที่เราจะไปขอกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดนั้น เราควรสำรวจตัวเองให้พร้อม รวมถึงรวบรวมข้อมูลการกู้จากธนาคารต่างๆ เช็คให้พร้อมเพื่อให้กู้สินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นนั้นเอง