
กกพ. เคาะขึ้นค่าเอฟที งวดเดือน กันยายน - ธันวาคม 2565 ที่ 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายจริงอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย สูงขึ้นจากงวดปัจจุบันที่จ่ายอยู่ 4 บาทต่อหน่วย ทำลายสถิติสูงสุดอีกครั้ง 



สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ที่ประชุม (บอร์ด) กกพ.ได้สรุปอัตราค่าไฟฟ้าฝันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นจะปรับอัตราเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากเป็นต้นทุนที่แท้จริงตามราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น และเมื่อรวมกับค่า Ft งวดปัจจุบัน (พ.ค. –ส.ค. 2565) ที่เก็บอยู่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ จะส่งผลให้ค่า Ft โดยรวมในเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 มาอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อนำมารวมกับค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.79 บาทต่อหน่วย จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่าย 4.72 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2565 ที่ประชาชนจ่าย 4 บาทต่อหน่วย
สำหรับ 3 แนวทางที่ กกพ. เปิดรับฟังความเห็นค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค. 2565 ระหว่างวันที่ 12-25 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา คือ
1. ค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตรา 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่า Ft รวมเป็น 139.13 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงิน กฟผ. ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี
2. ค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่า Ft รวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ช้าลง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 69,796 ล้านบาท โดย กฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี
3. ยังไม่คืนหนี้ กฟผ. 83,010 ล้านบาท โดยคิดค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ อัตราค่าเอฟทีที่ปรับขึ้นดังกล่าว เป็นการคิดตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นจริง และยังไม่มีแนวทางช่วยเหลือประชาชนด้านค่าไฟฟ้าจากรัฐบาลในรอบนี้ เพราะหากภาครัฐต้องการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าประชาชนจริง ก็จำเป็นต้องเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินเอง เพราะ กกพ. ไม่มีงบประมาณสำหรับช่วยเหลือได้
"เมื่อพิจารณาตามต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แท้จริงและภาระหนี้ที่ กฟผ. แบกรับภาระแทนประชาชน 83,010 ล้านบาท หากจะใช้หนี้ให้หมดภายในงวดเดือน ก.ย-ธ.ค. 2565 ค่า Ft จะต้องปรับขึ้นมาถึง 236.97 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายจริงอยู่ที่ 6.12 บาทต่อหน่วย ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนมากนัก จึงใช้แนวทางที่ 3"
นอกจากนี้ การที่ยังไม่ชำระหนี้คืนให้กฟผ. คาดว่า สิ้นเดือนส.ค. 2565 ภาระที่กฟผ.แบกอยู่จะขึ้นมาอยู่ที่ 109,672 ล้านบาท จากเดิมถึงสิ้นเม.ย. 2565 ที่แบกรับค่าไฟแทนประชาชนที่ 83,010 ล้านบาท ซึ่งทางกฟผ.ได้ทำหนังสือมายังกกพ. เพื่อเสนอความเห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยมองว่า เพื่อลดผลกระทบผู้ใช้ไฟฟ้า ทางกฟผ.จะแบกรับแทนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน 109,672 ล้านบาท โดยจะนำไปบริหารจัดการเรียกเก็บภายในปี 2566 ต่อไป
4 เหตุผลที่ต้องขึ้นค่าไฟฟ้า 
1. ปริมาณก๊าซในประเทศที่ลดลง จากเดิมสามารถจ่ายก๊าซได้ 2,800 – 3,100 ล้านลูกบาศก์ฟุต ต่อวัน (MMSCFD) ลดลงเหลือราว 2,100 – 2,500 MMSCFD ทำให้ต้องนำเข้า Spot LNG เข้ามาเสริมหรือเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ามันเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซที่ขาดแต่ในช่วงสงครามรัสเซีย - ยูเครน
ส่งผลให้ ราคา Spot LNG มีราคาแพงและผันผวนในช่วงประมาณ 25-50 USD/MMBTU เทียบกับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีราคาประมาณ 6-7 USD/MMBTU ดังนั้นการทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยด้วย LNG หรือใช้น้ำมัน จะส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
2. การผลิตก๊าซจากพม่าที่ไม่สามารถผลิตได้ตามกำลังการผลิตเดิม และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566 ซึ่งอาจทำให้มีความต้องการนำเข้า LNG มากกว่าที่ประมาณการไว้เดิม
3. สถานการณ์ผู้ผลิต LNG ชะลอการลงทุน อันเนื่องมาจากมีความต้องการใช้พลังงานน้อยในช่วงโควิด-19 ในปลายปี 2564 หลังจากที่หลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากโควิด ทำให้ความต้องการใช้ LNG มีมากกว่ากำลังการผลิตในตลาดโลก ส่งผลกระทบต่อราคาและการเจรจาสัญญาซื้อขาย LNG โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2564 และต่อเนื่องตลอดปี 2565 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปในปี 2566
4. สภาวะสงครามรัสเซีย - ยูเครน ทำให้รัสเซียลดหรือตัดการจ่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อไปยังยุโรป ส่งผลให้ความต้องการ LNG เพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรป และส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคา LNG ในตลาดเอเชีย
ตารางเปรียบเทียบค่าไฟฟ้า จากการปรับ FT เดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 

คลิกดูรูปภาพใหญ่
รีวิวค่าไฟฟ้าเฉลี่ย จาก การปรับ FT เดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 

คลิกดูรูปภาพใหญ่
เชิญชวนให้ประชาชนประหยัดพลังงาน 
ในช่วงวิกฤตราคาพลังงานขาขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง จะส่งผลต่อต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในระดับที่สูงขึ้นในช่วง 1 - 2 ปีนี้ สำนักงาน กกพ. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้ใช้ไฟร่วมกันประหยัดการใช้พลังงาน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า 4 ป. ได้แก่
- ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ
- ปิด หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งาน
- ปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา
- เปลี่ยน มาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 จะสามารถช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพง ซึ่งจะเป็นการลดภาระค่าครองชีพสำหรับตัวท่านเอง และยังจะเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันลดภาระโดยรวมให้กับประเทศชาติอีกทางหนึ่งด้วย
ในเมื่อจะมีการปรับค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นนั้น หลังจากนี้ทุกคนควรหันมาประหยัดไฟฟ้ากันมากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรที่ไม่จำเป็นก็ควรจะปิดเครื่อง เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่กินไฟน้อย เพื่อที่จะได้เซฟค่าใช้จ่ายของที่บ้านเราเองอีกด้วย 