
บ้านที่คุณอยู่ปัจจุบันก็สามารถแปลงสภาพให้เป็น บ้านประหยัดพลังงาน ได้เหมือนกัน ลองสังเกตแต่ละมุมของบ้านจาก 10 เทคนิคต่อไปนี้ แล้วปรับเปลี่ยน ปรับปรุงในมุมที่ไม่เวิร์กเสียใหม่ตามคำแนะนำที่ว่าไว้ เท่านี้บ้านทั้งหลังของคุณก็จะกลายเป็นบ้านพลังงานหารสองที่สมบูรณ์อย่างแน่นอน

1. วางเฟอร์นิเจอร์ไม่ขวางทางลม ถือเป็นหลักการตกแต่งที่เหมาะสม และถือเป็นพื้นฐานทางการออกแบบที่ควรกระทำ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตู้หรือชั้นวางของแบบบานปิดทึบนั้น หากนำไปตั้งวางขวางทางลมแล้ว ก็จะก่อให้เกิดพื้นที่อับทึบและขาดการหมุนเวียนอากาศที่ดี
ดังนั้นการวางเฟอร์นิเจอร์ไม่บังลมจึงช่วยให้กระแสลมสามารถพัดผ่านเข้า - ออกได้มากและสะดวกที่สุดเมื่อมีการถ่ายเทและหมุนเวียนอากาศที่ดี ก็จะลดความอบอ้าวและความอึดอัดภายในห้องได้มาก โดยอาจจะไม่จำเป็นต้องอาศัยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์สำหรับวางสิ่งของในพื้นที่ หรือช่องทางเดินลม อาจจะพิจารณาเป็นตู้บานเปิดแทนก็ได้

2. ปลูกต้นไม้ใหญ่ รอบนอกบริเวณบ้าน หากต้นไม้นั้นอยู่ใกล้บริเวณบ้าน ก็จะช่วยลดความร้อนให้กับสภาพแวดล้อมและบ้าน เมื่อบ้านเย็นลงย่อมทำให้ใช้เครื่องปรับอากาศและพัดลมน้อยลงได้ ถือเป็นการช่วยประหยัดพลังงานทางหนึ่งนั่นเอง ต้นไม้จึงเปรียบเสมือนเครื่องปรับอากาศจอมขยัน ช่วยลดความร้อนให้บ้านตั้งแต่เช้าจรดเย็น ดังนั้นทุกครั้งที่เราปลูกต้นไม้ใหญ่ในบริเวณบ้าน เรากำลังได้ประโยชน์จากธรรมชาติหรือต้นไม้ 4 ประการด้วยกัน คือ ให้ร่มเงา สร้างอากาศบริสุทธิ์ ทำความเย็น และช่วยประหยัดพลังงาน
การปลูกต้นไม้ใหญ่ควรคำนึงถึงทิศทางลมในตอนช่วงเย็นด้วยว่า เข้ามาทางบริเวณจุดไหนของบ้าน จึงไม่ควรปลูกไม้ให้บังทางลม และให้เว้นบริเวณนั้นไว้ไม่ให้มีสิ่งกีดขวางให้มีพื้นที่โล่งให้มากที่สุด

3. ปลูกพืชต้นเล็กบนกระถาง หรือ ปลูกพืชคลุมดิน เพื่อช่วยลดความร้อนจากพื้น ลานคอนกรีตที่ไม่มีร่มเงาอุณหภูมิผิวจะสูงมาก คือ 42 องศาเซลเซียส ดังนันควรนำพื้นชนิดต้นไม้เล็กมาวางไว้ในบริเวณลานคอนกรีต เพื่อให้ช่วยบังแดดที่จะกระทบกับพื้นคอนกรีตโดยตรง และการปลูกพืชชคลุมในบริเวณที่ไม่มีพื้นคอนกรีต ช่วยลดความร้อนและเพิ่มความชื้นให้กับดิน จะทำให้บ้านเย็นไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจนเกินไป

4. เลือกใช้ผ้าม่านทึบแสง ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ การใช้เลือกผ้าม่าน Blackout หรือ ผ้าทึบแสงนั้น เป็นผ้าม่านที่กันแสงได้ถึง 99% และผ้าม่าน Blackout ส่วนใหญ่ก็จะมีการเคลือบกันรังสี UV เมื่อแดดที่เข้ามาถูกลดลงไป ความร้อนที่เข้ามาก็ลดน้อยไปด้วย ทำให้อุณหภูมิให้ห้องเย็นขึ้น ผู้อาศัยสบายตัว ประหยัดเงินในกระเป๋าเพราะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟ แอร์ก็ทำงานหนักน้อยลง

5. เลือกตำแหน่งการวางคอมเพรสเซอร์แอร์เอาไว้ในที่ที่โดนแดดน้อยที่สุด เช่น บริเวณผนังด้านทิศเหนือ หรือทิศตะวันออก หรือตั้งไว้ในพื้นที่ร่มและโล่ง เพื่อจะได้ดูแลรักษาได้ง่าย รวมทั้งไม่วางของแกะกะบริเวณช่องลมกลับเวลาเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้เครื่องปรับอากาศสามารภทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานนั่นเอง

6. เวลาเปิดเครื่องปรับอากาศแต่ละครั้ง อย่าลืมตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส และหากต้องการความเย็นไปตลอดทั้งคืนที่นอน แถมยังประหยัดไฟล่ะก็ ให้เปิดพัดลมทิ้งไว้ด้วย และตั้งปิดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติไว้สักประมาณตีหนึ่ง หรือตีสอง โดยพัดลมที่เปิดทิ้งไว้จะช่วยให้ความเย็นยังคงหมุนเวียนอยู่ในห้อง ทำให้คุณเย็นสบายได้ถึงเช้าเชียวล่ะ

7. บ้านสว่างด้วยกระจก กระจกเงา กระจกใส สามารถนำมาใช้ในการตกแต่งบ้านประหยัดพลังงานให้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะช่วยให้ห้องดูกว้างขวางขึ้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงที่ดีอีกด้วย
ดังนั้นควรนำมาตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม จะช่วยกระจายแสงได้มากขึ้นนั่นเอง สำหรับบ้านที่มีบานหน้าต่างมากเพื่อเปิดรับลมชมทิวทัศน์นั้น กระจกที่ใช้ในด้านที่ไดัรับแสงแดดโดยตรงควรเป็นกระจกชนิดพิเศษที่ยอมให้แสงเข้ามาได้มากแต่ความร้อนเข้ามาได้น้อย อย่างกระจกฮีตมิเรอร์ และฮีตสต็อป เป็นต้น

8. ติดฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดาน ก่อนเริ่มติดตั้งควรตรวจสอบบริเวณที่จะติดตั้ง เช่น ชนิด การรับน้ำหนักของฝ้าเพดาน เพื่อจะได้สามารถเลือกฉนวนกันความร้อนได้อย่างเหมาะสมกับสถานที่และการใช้งาน ซึ่งแบบของฉนวนนั้นควรที่มีความหนาไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว

9. ติดตั้งกันสาด อุปกรณ์บังแสงอาทิตย์ให้กับหน้าต่าง ซึ่งสามารถป้องกันลำแสงตรง ของแสงอาทิตย์ไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านหรือตัวอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ การติดตั้งกันสาด หรือแผงกันแดด เป็นการป้องกันความร้อนและแสงแดด ไม่ให้ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เป็นความร้อนสะสมอยู่ในบ้าน กันสาดหรือแผงกันแดดที่ดีนั้น ต้องกันแสงแดด ไม่ให้ส่องผ่านเข้ามาในบ้านให้มากที่สุด แต่อย่าให้มากไปจนทำให้บ้านมืด การติดตั้งกันสาดให้กับ หน้าต่างมีทั้งในแนวราบ แนวดิ่ง และทั้งแนวราบและแนวดิ่งผสมกัน

10. ติดฟิล์มกรองแสง ช่วยประหยัดไฟได้ บ้านไหนที่มีประตูหรือหน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่ๆ วิธีง่ายที่สุดคือการติดฟิล์มกรองแสง เพื่อป้องกันความร้อนที่จะเข้ามาภายในบ้านได้ โดยฟิล์มรุ่นใหม่ๆ จะมีความใสมากขึ้นแต่กันความร้อนได้มากกว่าเดิม อาจจะจ่ายมากกว่าเดิมหน่อย แต่คุ้มค่ากับค่าไฟที่เราต้องจ่ายไปแน่นอน
" ด้วย 10 เทคนิคนี้ คุณก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงาน แต่เหนือประโยชน์อื่นใดก็คือ คุณได้ช่วยเซฟกระเป๋าเงินตัวเอง ไม่ให้รั่วไหลไปกับค่าไฟที่บานเบอะในแต่ละเดือนได้แน่นอนค่ะ "