สวัสดีครับครับทุกคน ช่วงนี้ก็อย่างที่ทราบกันครับว่า ช่วงนี้เป็นฤดูฝน ซึ่งจะเป็นฤดูที่ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง และเป็นช่วงเวลาที่สัตว์ร้ายต่างๆจะเข้าบ้าน ซึ่งหนึ่งในสัตว์ร้ายที่คนในบ้านขยาดกันที่สุดก็คือ งู ขยาดจนจะอยากเป็นทายาทซัลลาซาร์ สลิธิริน ไปเรียนภาษาพาร์เซล หรือจะตามพ่อหมอเมืองอินทร์มาไล่งูอยู่แล้ว แต่ใจเย็นๆนะ เราไม่ต้องทำกันถึงขนาดนั้นหรอก เพราะเรามี 8 วิธีง่ายๆ สำหรับการไล่งูอยู่แล้ว จะมีอะไรบ้าง รีบไปดูกันเถอะ
1. สัตว์เลี้ยง ช่วยได้
หลายๆ ท่านคงจะเห็นกรณีที่สุนัขเวลาพบกับงูนั้น มักจะเห่าและกัดงูไม่หยุด ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเตือนที่ดีที่จะทำให้เรารู้ว่า งูได้เข้ามาในบ้านของคุณแล้ว ดังนั้นสัตว์เลี้ยงจึงเป็นเพื่อนคู่บ้านที่คอยไล่งูแบบได้ผลชะงัด อย่างการเลี้ยงสุนัข แมว ห่าน หรือสัตว์อื่นๆ เพราะสัตว์เลี้ยงประเภทนี้ จะไวต่อกลิ่นของสัตว์ที่เป็นอันตรายแก่ตัวมันเองเป็นอย่างดี และสำหรับสุนัข ท่านผู้อ่านสามารถหาบทความ เกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัขในบ้าน ได้ที่นี่เลยครับ
2. น้ำมันก๊าด
หนามยอกให้เอาหนามบ่ง โบราณว่าไว้ใช้ได้จริง และในเมื่องูไม่ชอบกลิ่นฉุน เราก็ใช้กลิ่นฉุนนี่แหละเป็นตัวกำจัด และสิ่งที่ขึ้นชื่อได้ว่าฉุนและหาง่ายที่สุดในครัวเรือน นั่นก็คือ น้ำมันก๊าด ซึ่งเราสามารถนำน้ำมันก๊าดไปพ่นบริเวณที่มีงูอาศัยอยู่ หรือทางที่งูใช้สัญจรบ่อยๆ แต่อย่าจุดไฟนะ ไม่ได้เลยนะ ซึ่งถ้าพ่นแล้วความแรงและกลิ่นของมันจะช่วยสกัดไม่ให้งูออกมาเพ่นพ่านได้อีก แต่ระวังคือ อย่าพ่นในที่ใกล้ไฟ เพราะอาจทำให้เกิดอัคคีภัย
3. กำมะถัน
ไม่น่าเชื่อว่าผงสีเหลืองอย่างกำมะถันจะช่วยไล่งูได้จริงๆ ให้ใช้กำมะถันนะครับ เพราะกรรมฐานช่วยอะไรท่านไม่ได้ นอกจากยุบหนอ พองหนอ แต่กำมะถันนี่ใช้ง่ายๆครับ เพียงแค่นำผงกำมะถันมาผสมกับน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นราดไปรอบๆ บริเวณที่มีงูเลื้อยผ่าน อาทิ ขอบรั้ว และริมทางเดิน ต้นหญ้าอยู่ในสนาม บ้านนี้จะมีความงามได้ ถ้าไม่มีงู (ไม่ใช่แล้ว !!!) ตามช่องระบายน้ำ หรือพงหญ้ารกบริเวณหลังบ้าน แค่นี้งูที่ท่านเกลียดก็ไม่เข้าหาท่านอีกแน่นอน สบายใจได้
4. อย่าให้มีแหล่งอาหาร หรือที่กบดานของงู
งูนอกจากจะชอบฉกแล้ว ยังชอบกินสัตว์จำพวกหนู กบ เขียด ตุ๊กแก แย้ เป็นอาหารด้วย ซึ่งสัตว์เหล่านี้มักจะอยู่ตามพงหญ้าที่รกรุงรัง ฉะนั้น ไม่ยากครับ หยิบเครื่องตัดหญ้าแล้วไปไล่แย้กันเถอะ เมื่อไม่มีสัตว์เหล่านี้ในบ้านแล้ว งูจะเข้ามากินอะไรล่ะ
5. เรียกหน่วยกู้ภัย หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาช่วยเหลือ
ถ้าเกิดโชคร้ายมีงูเข้ามาแล้ว และเกินกำลังจะไล่ออกไป ให้โทรประสานงานหน่วยกู้ภัย 199 เลย หรือจะให้พนักงานรักษาความปลอดภัยมาช่วยจัดการด้วยก็ได้ การให้ผู้เชี่ยวชาญมาลงมือนับว่าเป็นเรื่องดีกว่า เพราะเขาจะมีวิธีการและอุปกรณ์อยู่แล้ว และสำหรับผู้อ่านที่กำลังอ่านอยู่และอยากหาโครงการบ้านที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สามารถอ่านได้ที่นี่เลยครับ
6. ใช้น้ำมันเครื่องเก่า
น้ำมันเครื่อง นอกจากจะเอาไว้ใช้ถามว่าต้นรถเป็นอะไร ก่อนจะยื่นไดเกียวให้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้กันงูได้อีกด้วยนะ โดยการที่เราต้องถ่ายน้ำมันเครื่องออกมาก่อน เพราะน้ำมันเครื่องถ้าใช้ของใหม่มันจะดูสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่ในเวลาถ่ายน้ำมันเครื่องนี่ไม่ต้องใช้กล้องถ่ายรูปนะ และเมื่อได้น้ำมันเครื่องมาแล้ว ให้นำน้ำมันเครื่องไปชุบกับเศษผ้า แล้วนำไปวางไว้กับขอบรั้ว หรือบริเวณทางงูผ่าน เมื่องูได้กลิ่นน้ำมันเครื่อง งูจะไม่กล้าผ่านไปทางนั้นอีก
7. ใช้ตาข่ายกันงู
นอกจากจะเอาไปใช้เป็นโกลล์ฟุตบอลแล้ว ตาข่ายยังนำมาใช้กันงูได้ด้วย และสำหรับวิธีดังกล่าวสามารถกันงูได้เพียงอย่างเดียว แต่อย่าไปกำจัดด้วยตัวเอง ให้หน่วยกู้ภัย ผู้เชี่ยวชาญ หรือหมองูมารับช่วงต่ออีกที โดยให้นำตาข่ายไนลอนหรือตาข่ายดักนก มาขึงด้วยไม้ไผ่ แล้วนำมาล้อมรั้วบ้านของเราเอาไว้อีกที เมื่องูเลื้อยเข้ามาติดตาข่ายและไปไหนไม่ได้อีก ก็ส่งต่อให้กับหน่วยกู้ภัยมาจัดการในลำดับถัดไป
8. มะกรูด
ใครมีมะกรูด อย่าเพิ่งเอาไปแลกมะนาวครับ เอามาใช้กันงูก่อน อย่าเพิ่งเอามะนาวไปไล่มดครับ ยังมีอีกหลายวิธีที่ไล่มดได้ ไปอ่านกันสิ โดยให้นำผลมะกรูดมาผ่าซีก วางไว้ตามมุมบ้าน รั้ว หรือในที่ที่คาดว่าจะมีงูมาหลบซ่อนอยู่ ในนำมะกรูดที่ผ่าแล้วไปวางไว้ในบริเวณนั้น เมื่องูสัมผัสได้ถึงกลิ่นและความเป็นกรดของมะกรูดเข้า งูจะไม่อยากเข้าใกล้สถานที่นั้นอีกเลย หรือแนะนำว่าให้หาต้นมะกรูดมาปลูก ก็จะดีไม่น้อย เพราะถ้าเหลือจากการไล่งูแล้ว ก็สามารถเอาไปแลกมะนาว แล้วจะได้มีลูกสาวมาแลกลูกเขยด้วยไง
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับเรื่องของการไล่งูในวันนี้ คงจะได้สาระกันไปมากเลยทีเดียว ซึ่งเรายังมีอะไรให้ได้ไล่กันอีกเยอะแยะมากมายเลยในฤดูฝนนี้ ส่วนจะไล่อะไรต่อไป รอติดตามกันได้เลยครับ สำหรับตอนนี้ คนเขียนต้องขอตัวก่อนแล้วแหละครับ เพราะว่า...
"ข้อยจะไปเทวาลัย จะไปลองไล่งู"