เข้าหน้าร้อนอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนอากาศเย็นๆ เราก็ไม่เคยคิดจะเปิดเครื่องปรับอากาศกัน แต่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ความเย็นของพัดลมเริ่มเอาไม่อยู่ แต่ครั้นจะเปิดแอร์ตลอดทั้งวันทั้งคืนมีหวังสิ้นเดือนมาหน้าซีดเพราะค่าไฟแน่ๆ
หมดกังวลหายห่วงได้เลยค่ะ เพราะมีเคล็ดลับการเปิดแอร์ไม่ให้ค่าไฟทำให้คุณช้ำใจมาฝาก รับรองนำไปทำตามแล้วเย็นทั้งกายเย็นทั้งใจสบายทั้งคนใช้และคนจ่ายเงินแน่นอน
1. เสื้อผ้าต้องเหมาะสม
หน้าร้อนแบบนี้การเลือกสวมเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าช่วยระบายความร้อน จะทำให้ร่างกายคุณเย็นสบายกว่าการเลือกสวมเสื้อผ้าที่มีเส้นใยหนา ซึ่งหากคุณอยู่ในห้องและเปิดแอร์ก็ไม่จำเป็นต้องปรับอุณหภูมิของแอร์ไปที่อุณหภูมิต่ำเนื่องจากร่างกายของคุณเย็นสบายอยู่แล้วระดับหนึ่ง
1. โครงสร้างอาคาร
พูดแบบนี้แล้วอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่หรือภาพใหญ่เกินตัวไปหรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้วเรื่องของโครงสร้างอาคารนั้นจะมีกฎหมายช่วยควบคุมอยู่แล้วหน้าที่ของเราที่สามารถทำได้คือเช็คเฉพาะห้องของเราว่าเราได้รับพื้นที่ครบตามที่เราระบุไว้หรือเปล่า ตำแหน่งของเสาตรงตามแปลนของห้องบอกไว้หรือไม่
2. คุณภาพเฟอร์นิเจอร์
ตรวจสอบดูว่าคุณภาพของเฟอร์นิเจอร์ทั้งวัสดุ การออกแบบ คุณภาพตรงตามที่ทางคอนโดมิเนียมเสนอให้ตั้งแต่ครั้งแรกหรือเปล่า พวกตู้หรือลิ้นชักควรทดลองเปิด-ปิดดู นั่นรวมไปถึงพวกเครื่องสุขภัณฑ์ต่างๆ ด้วย เช่นการติดตั้ง โถสุขภัณฑ์ใช้งานได้จริงไหม เวลากดมีน้ำซึมออกมาหรือเปล่า โดยลองนำเศษขนมปังแซนวิชแบบเอาขอบออกดึงออกเป็นชิ้นเล็กๆ และโยนลงไป จากนั้นลองกดน้ำดูถ้าเศษขนมปังถูกดูดลงไปทั้งหมดแสดงว่าการทำงานของระบบกำจัดของเสียในชักโครกมีคุณภาพ และอย่าลืมเช็คการทำงานของก๊อกน้ำ อ่างล้างหน้า สายฉีดชำระ ท่อระบายน้ำ
3. เครื่องปรับอากาศไม่เย็น
ต้องลอง เปิด-ปิดแอร์ ดูด้วยว่าเย็นหรือเปล่า โครงการบางที่ มักจะแถมแอร์มาพร้อมบ้านด้วย อาจจะเป็นโปรโมชั่น หรือของแถมก็ได้ ซึ่งบางรายอาจจะได้ของที่เคยใช้มาหลายครั้งแล้วก็ได้ เพราะฉนั้นลองตรวจเช็คความเย็น ลองนำมือไปรับลมตรงช่องแอร์ออก ลองดูว่ามีลมพัดออกมาอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ ความเย็นคงที่มากแค่ไหน ถ้าแอร์ที่ทำการเช็คมีอาการผิดปกติก็ให้แจ้งเปลี่ยนได้ครับ
4. ระบบไฟฟ้า
ตรวจเช็คระบบไฟฟ้าด้วยการเปิด-ปิดสวิตซ์ว่าการทำงานของมันมีปัญหาหรือติดตั้งแน่นดีหรือยัง
5. ระบบน้ำ
มีน้ำรั่ว น้ำซึม ไหลเข้าขอบหน้าต่างหรือเปล่า เพราะน้ำรั่วหรือซึมนั้นจะทำให้เฟอร์นิเจอร์หรือพื้นห้องเสียหาย
6. น้ำรั่วซึม
ใช้ทรายบรรจุถึงหิ้วอุดรูน้ำทิ้งที่ห้องอาบน้ำ เปิดน้ำขังน้ำไว้ประมาณ 30 นาที ถึง1 ชม ดูว่ามีน้ำซึมรอบห้องหรือไม่
7. ห้องน้ำมีกลิ่นไหม
หากห้องน้ำมีกลิ่นแสดงว่าวางท่อไม่ตรงกับชักโครก ทำให้เมื่อเราขับถ่ายของเสียออกไปแล้วท่อไม่สามารถนำของเสียออกไปได้ทั้งหมด
8. ระดับพื้นเสมอกันไหม
โดยทั่วไปให้พิจารณาดูว่าพื้นมีการยุบตัวหรือเปล่า ยาแนวที่พื้นเรียบร้อยดีไหม มีขอบแตก สีสม่ำเสมอกันหรือเปล่า วัสดุเป็นไปตามที่ระบุมาหรือเปล่า วิธีการตรวจสอบคือให้นำลูกแก้วจำนวนมากโยนลงบนพื้น หากลูกแก้วไหลไปกองกันที่จุดใดจุดหนึ่งแสดงว่าพื้นบริเวณนั้นมีความต่ำกว่า นอกจากนี้ในส่วนของพื้นห้องน้ำอาจต้องดูว่าพื้นมีความเสมอเท่ากันหรือเปล่าเพราะมีผลต่อเรื่องการระบายน้ำ ดังนั้นอาจทดลองด้วยการเทน้ำและดูการทำงานของระบบระบายน้ำ
9. ฝ้าเพดาน
การปูฝ้าต้องเรียบร้อยไม่มีรอยน้ำซึม ส่วนฝ้าบริเวณระเบียงต้องเป็นฝ้ากันความชื้น รวมไปถึงเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์บนฝ้าด้วยเช่นไฟฉุกเฉิน เครื่องดูดอากาศ สปริงเกอร์ ฯลฯ
10. ช่องเซอร์วิส
ส่วนมากอยู่ในห้องน้ำ ใช้บันไดช่วยนะครับ เปิดเข้าไปดูครับว่า หลังฝ้าฉาบเรียบมีการเก็บงานเรียบร้อยดีหรือไม่ เช่น สายไฟ้ร้อยท่อหรือไม่ กล่องไฟปิดดี ระบบน้ำดี ไม่มีเศษวัสดุทิ้งอยู่ใต้ฝ้า และอื่นๆ
11. ประตูทางเข้าออก
ลองตรวจเช็คการทำงานของประตูด้วยการลองเปิดประตูเข้า-ออกหลายๆ ครั้งว่ามีการติดขัด ประตูฝืดหรือเปล่า ขอบหน้าต่างมีการยาแนวซิลิโคนเรียบร้อยดีไหม เวลาเปิด-ปิดประตูหน้าต่างไม่มีเสียงรบกวน
12. พื้นที่ต่อเนื่องกับส่วนอื่น
อาจต้องพิจารณาตำแหน่งของห้องเราว่าห้องเราอยู่ตรงไหนถ้าห้องเรามีส่วนเชื่อมต่อกับหลังคาของอาคารอาจต้องพิจารณาเรื่องการรั่วซึม แต่ถ้าห้องอยู่ชั้นล่างอาจต้องดูเรื่องป้องกันความชื้น แต่หากห้องตั้งอยู่ในระหว่างชั้นต้องพิจารณาเรื่องห้องน้ำโดยเฉพาะห้องน้ำที่อยู่ตรงกับห้องเราบริเวณด้านบนเพราะสามารถเช็คระบบท่อของห้องน้ำได้
ได้หลัก 12 ข้อต่อไปนี้แล้วหวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังจะได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมนะคะ