
กองทุนรวม SSF คืออะไร
กองทุน SSF (Super Saving Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อการออม ที่รัฐบาลอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาวให้กับประชาชน ซึ่งเป็นกองทุนที่สามารถเลือกลงทุนได้ในหลายสินทรัพย์ และยังสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกด้วย โดยใช้สิทธิได้ตั้งแต่ปี 2563-2567 หลังจากนั้นรัฐบาลจะประเมินผลอีกครั้งว่าจะต่ออายุหรือไม่ SSF มีเงื่อนไขอย่างไร ขายได้เมื่อไหร่
กองทุน SSF ลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง
ความน่าสนใจของกองทุน SSF ก็คือ การที่เราสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท เช่น หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้, อสังหาริมทรัพย์, ทองคำ และอื่น ๆ อีกมากมาย นักลงทุนจึงสามารถเลือกลงทุนในกองทุน SSF เพื่อบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว
จุดเด่น และเงื่อนไขของกองทุนรวม SSF
- สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อนำมารวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนการออมแห่งชาติ, ประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือการออมเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- มีเงื่อนไขว่าต้องถือครองให้ครบ 10 ปีนับตั้งแต่วันซื้อ ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
- มีการจ่ายผลตอบแทน 2 แบบ คือ แบบปันผล และแบบสะสมมูลค่า
- แบบปันผล: เมื่อกองทุนที่เราเลือกลงทุนได้รับผลกำไร เราก็จะได้รับเงินปันผล โดยจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
- แบบสะสมมูลค่า: เมื่อกองทุนที่เราเลือกลงทุนได้รับผลกำไร ผู้จัดการกองทุนก็จะสะสมผลกำไรนั้น ๆ ไว้ในกองทุน และนำไปลงทุนต่อ เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น
- กองทุนรวม SSF ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ และไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

กองทุนรวม SSF เหมาะกับใครบ้าง
☑ คนที่มีเงินได้มากกว่า 150,000 บาท เมื่อหักลบกับค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้ว และกำลังมองหากองทุนมาเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม
☑ คนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว
☑ คนที่ต้องการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์
☑ คนที่มีรายได้และมีสภาพคล่องเหมาะกับการลงทุน
☑ คนที่เข้าใจถึงความเสี่ยงในการลงทุนเป็นอย่างดี
วิธีเลือกกองทุนรวม SSF
✔️ เลือกตามความเสี่ยงที่เรารับได้ : ใครอายุยังน้อย รับความเสี่ยงได้สูง และหวังผลตอบแทนสูง อาจเลือกกองทุน SSF ที่ลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทอง แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ต่ำ กลัวขาดทุน หรือไม่มีความรู้ในการลงทุนมากนัก ก็ควรเลือกกองตลาดเงิน ตราสารหนี้ เป็นต้น แต่ผลตอบแทนก็จะน้อยลงไปด้วย
✔️ จัดพอร์ตลงทุนให้กระจายกันไป : ไม่จำเป็นต้องเน้นลงทุนในหุ้นไทย ตราสารหนี้ไทยอย่างเดียว อาจเลือกกองทุนที่ลงทุนในหุ้นประเทศต่าง ๆ หรือตราสารหนี้ต่างประเทศบ้าง เพื่อกระจายน้ำหนักของพอร์ต หรือจะเลือกตามธีมการลงทุนก็ได้ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสุขภาพ กลุ่ม ESG กลุ่มพลังงานสะอาด กลุ่มบล็อกเชน เป็นต้น
✔️ เปรียบเทียบสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตกองทุน : กองทุนรวมแต่ละกองจะนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่ต่างกัน เช่น แม้เป็นกองทุนหุ้นไทยเหมือนกัน แต่ย่อมลงทุนในหุ้นไทยคนละตัว อีกทั้งให้น้ำหนักที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งตรงนี้มีผลต่อกำไร-ขาดทุนของกองทุนนั้น เราควรศึกษาและเปรียบเทียบกองทุนที่เราสนใจว่ามีการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ซ้ำซ้อนกันหรือไม่ มีสัดส่วนการลงทุนเป็นอย่างไร โดยควรเลือกกองทุนที่ลงทุนในกลุ่มที่แตกต่างกันเพื่อกระจายความเสี่ยง
✔️ นโยบายการจ่ายปันผล : หากเลือกกองทุนแบบจ่ายปันผล เราจะได้เงินปันผลกลับคืนมาบางส่วนในช่วง 10 ปีที่ถือกองทุนอยู่ แต่เงินปันผลนั้นยังต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ส่วนกองทุนที่ไม่จ่ายปันผลก็จะไม่ถูกหักภาษี และมีโอกาสที่ราคากองทุนจะเพิ่มสูงได้มากกว่า เพราะไม่ต้องจ่ายกำไรออกมาให้ผู้ลงทุนทุก ๆ ปี เหมือนกับกองที่มีปันผล
✔️ พิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง : ผลการดำเนินงานจะเป็นเครื่องชี้วัดความสามารถของผู้จัดการกองทุนที่คอยบริหารพอร์ตกองทุนนั้น อย่างไรก็ตาม ผลงานในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต

SSF กองทุนรวมตลาดเงิน
กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) เป็นกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำที่สุด (ระดับ 1-2) เพราะเน้นลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ซึ่งมีความผันผวนต่ำ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความเสี่ยง หรือยังไม่แน่ใจว่าจะลงทุนสินทรัพย์ประเภทไหนดี จึงใช้เป็นที่พักเงินในระยะสั้น ๆ เพื่อดูทิศทางของตลาด เนื่องจากซื้อง่ายขายคล่อง
1 KKP MP-SSF กองทุนเปิดเคเคพี มันนี่ โพสิทีฟ ชนิดเพื่อการออม
KKP MP-SSF จาก บลจ.เกียรตินาคินภัทร เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐในประเทศไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตร ธปท. บัตรเงินฝาก และเงินฝาก
ระดับความเสี่ยง : 1
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 100 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 1.47%
ผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง : 0.69%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
2 MMGOVSSF กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน ชนิดเพื่อการออม
กองทุนจาก บลจ.เอ็มเอฟซี เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐในประเทศ ที่จะครบกำหนดชำระคืนไม่เกิน 397 วัน อาทิ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ระดับความเสี่ยง : 1
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 100 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 1.22%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.เอ็มเอฟซี
3 1AM-DAILY-SSF กองทุนเปิดวรรณเดลี
กองทุนเปิดวรรณเดลี จาก บลจ.วรรณ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นที่ได้เรตติ้งระดับ A ขึ้นไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ระดับความเสี่ยง : 2
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 1.31%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.วรรณ

SSF กองทุนรวมตราสารหนี้
กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ (ระดับ 3-4) มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชน เช่น หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นต้น เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง
1. LHSTPLUS-ASSF กองทุนเปิด แอล เอช ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส ชนิดเพื่อการออมและสะสมมูลค่า
กองทุนรวมตราสารหนี้จาก บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินสดของรัฐหรือเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% ของ NAV
ระดับความเสี่ยง : 4
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : ไม่กำหนด
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 1.55%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
2. KKP ACT FIXED-SSF กองทุนเปิดเคเคพี แอ็กทิฟ ฟิกซ์ อินคัม ชนิดเพื่อการออม
เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ และตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเอกชน และ/หรือเงินฝาก ทั้งในและต่างประเทศ โดยกองทุนจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% ของ NAV
ระดับความเสี่ยง : 4
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 1.93%
ผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง : 1.62%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
3. K-FIXEDPLUS-SSF กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส ชนิดเพื่อการออม
กองทุนรวมตราสารหนี้จากกสิกรไทย ที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ และในจำนวนนี้มีตราสารหนี้กลุ่มตั้งแต่ BB+ ลงมาไม่เกิน 20% ของ NAV
ระดับความเสี่ยง : 4
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 500 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 1.73%
ผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง : 0.44%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.กสิกรไทย

SSF กองทุนรวมผสม
กองทุนรวมผสม (Mixed Fund) มีความเสี่ยงระดับ 5 เป็นกองทุนที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภททั้งตราสารหนี้และหุ้น ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของการลงทุน จึงผันผวนน้อยกว่ากองทุนรวมหุ้น และให้ผลตอบแทนมากกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ในระยะยาว
1. KT-GCINCOME-SSF กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์ ชนิดเพื่อการออม
กองทุนรวมผสมจาก บลจ.กรุงไทย มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยลงทุนในกองทุน Schroder International Selection Fund Global Credit Income (Class C) เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV รวมทั้งเงินฝากธนาคารและทรัพย์สินอื่น ๆ
ระดับความเสี่ยง : 5
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : ไม่กำหนด
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : จ่ายเงินปันผล
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 2.00%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.กรุงไทย
2. BCAP-GW75 SSF กองทุนเปิดบีแคป โกลบอล เวลท์ 75 เพื่อการออม
กองทุนรวมผสมจาก บลจ.บัวหลวง เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหุ้น สินทรัพย์ทางเลือก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 75% ของ NAV
ระดับความเสี่ยง : 5
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 500 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : -0.81%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.บัวหลวง

SSF กองทุนรวมตราสารทุน
กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 6-7 เหมาะกับสายเสี่ยงสูงที่ยอมรับความผันผวนของราคาได้ เพื่อแลกกับโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารทุนประเภทต่าง ๆ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) หน่วยลงทุนของกองทุนรวม โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 65%
1. ASP-DIGIBLOC-SSF กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน เพื่อการออม
กองทุนรวมตราสารทุนจาก บลจ.แอสเซท พลัส เน้นลงทุนหุ้นในกลุ่มบริษัทเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผ่านกองทุนรวม VanEck Digital Transformation ETF
ระดับความเสี่ยง : 6
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 100.86%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.แอสเซท พลัส
2. TNEXTGEN-SSF กองทุนเปิด ทิสโก้ Next Generation Internet
กองทุนรวมจาก บลจ.ทิสโก้ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ ARK Next Generation Internet ETF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธีม Next Generation Internet ที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีจากฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปยัง Cloud Computing
ระดับความเสี่ยง : 6
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 54.24%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารทิสโก้
3. TLUSNDQ-H-SSF กองทุนเปิดทาลิส หุ้นยูเอส เอ็นดีคิว-เฮดจ์ ชนิดเพื่อการออม
กองทุน SSF จาก บลจ.ทาลิส ลงทุนในดัชนี NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา ผ่านกองทุน Invesco NASDAQ 100 ETF (กองทุนหลัก) และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
ระดับความเสี่ยง : 6
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 31.02%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.ทาลิส

SSF กองทุนรวมทรัพย์สินทางเลือก
เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่ระดับ 8 เพราะลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาผันผวนสูงมาก เช่น ทองคำ น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ ตราสารอนุพันธ์ เป็นต้น รวมทั้งมีความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือการลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
1. SCBGOLDH-SSF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดเพื่อการออม)
กองทุนรวมจากไทยพาณิชย์ ลงทุนในทองคำแท่งผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำต่างประเทศ คือ SPDR Gold Trust และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ
ระดับความเสี่ยง : 8
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : จ่ายปันผล
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : 9.13%
ผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง : 0.83%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.ไทยพาณิชย์
2. PRINCIPAL iPROPEN-SSF กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซ์ อินคัม SSF
กองทุนรวมจาก บลจ.พรินซิเพิล ที่เน้นลงทุนทั้งในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ทั้งในและต่างประเทศ
ระดับความเสี่ยง : 8
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่มี
ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลัง : -4.11%
ผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง : -3.28%
✎ข้อมูลเพิ่มเติม : บลจ.พรินซิเพิล
คำเตือน
* การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นในอดีตไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้น ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ ตลอดจนความเสี่ยงของกองทุนรวม และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่