ผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีความเสื่อมของร่างกาย ได้แก่ สายตาพร่ามัว การทรงตัวและการเคลื่อนไหวที่ไม่มั่นคงจากการเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก ข้อ รวมทั้งอาจพบอาการหลงลืม หรือสมองเสื่อมได้มากขึ้น เหล่านี้เป็นปัจจัยด้านร่างกายของผู้สูงอายุที่ส่งผลให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ สภาพแวดล้อมรอบตัวผู้สูงอายุ เช่น สภาพแวดล้อมภายในบ้านที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ พื้นเปียก/ลื่น ระดับพื้นไม่สม่ำเสมอ ฯลฯ โดยพบว่าในแต่ละปี 1 ผู้สูงอายุมักมีประสบการณ์ ลื่นล้ม ทั้งนี้สาเหตุของการล้มเกิดจากเสียการทรงตัวของร่างกายเป็นปัจจัยที่พบบ่อยที่สุด เพราะผู้สูงอายุใช้เวลาส่วนใหญ่ในบ้านพักอาศัย ดังนั้นการจัดสภาพแวดล้อมในบ้านที่เหมาะสมเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต โดยหลักการจัดสภาพแวดล้อมในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ
1. พื้น ควรปรับให้มีลักษณะเป็นพื้นเรียบ
ไม่ขรุขระและไม่ขัดมันจนลื่น พื้นห้องที่ต้องให้ความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ คือ ห้องน้ำ/ห้องส้วม เพราะการเปียกลื่นทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายและส่วนใหญ่มักรุนแรง ควรหมั่นทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ/ห้องส้วมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีคราบสบู่หรือตะไคร่ตกค้าง อาจนำแผ่นกันลื่นมาวางไว้ในห้องน้ำ ที่สำคัญควรทำราวเกาะไว้รอบๆ ห้องน้ำ/ห้องส้วม เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้ในการยึดเกาะทรงตัวเวลาผู้สูงอายุเข้าห้องน้ำ/ห้องส้วม จะได้ไม่หกล้มง่ายๆ นอกจากนี้ควรปรับจากส้วมซึมที่ต้องนั่งยองๆ เป็นโถส้วมแบบนั่งราบแทนเพราะผู้สูงอายุมักมีโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ หากเป็นส้วมซึมจะทำให้ลำบากและปวดในการงอเข่า เวลาลุกนั่งอาจเซหรือล้มได้ นอกจากนี้ในบริเวณบ้านไม่ควรมีพื้นต่างระดับ เพราะอาจทำให้สะดุดหกล้มเป็นอันตรายได้
2. บันได ควรติดตั้งราวจับที่มั่นคงเพื่อให้สะดวกในการยึดเกาะเดินขึ้นลง
บันไดในแต่ละขั้นควรมีความสูงเสมอกัน และไม่ชันมากจนเกินไป บริเวณบันไดไม่ควรวาง หรือมีสิ่งของกีดขวางทางเดินรวมทั้งไม่ควรมีพรมวางเพราะจะทำให้ผู้สูงอายุสะดุดหกล้มได้ ควรมีแสงสว่างเพียงพอตลอดแนวบันได ทั้งนี้พบว่าในต่างจังหวัดบันไดบ้านมักจะมีลักษณะแคบ สูงชันและมีพื้นของบันไดที่ไม่เรียบเสมอกัน จึงมักทำให้ผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงมา ดังนั้นควรเพิ่มความกว้างของช่องทางเดิน และขยายความกว้างของขั้นบันได หรือถ้าเป็นไปได้ควรให้ผู้สูงอายุพักอาศัยบริเวณชั้นล่างเพื่อความสะดวกไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้ต้องเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
3. แสงสว่าง
ควรจัดให้มีแสงสว่างที่เพียงพอโดยเฉพาะบริเวณบันได ห้องน้ำ ประตู และทางเดิน สวิตซ์ไฟอยู่ในตำแหน่งที่ผู้สูงอายุสามารถใช้ได้สะดวก เปิด-ปิดง่าย
4. ประตู
ไม่ควรมีธรณีประตูเพราะเป็นสาเหตุของการสะดุดหกล้ม ประตูควรเป็นบานเลื่อน หรือประตูแบบเปิดออก เพื่อให้คนอื่นสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุหกล้ม
5. ห้องนอนควรจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป รวมทั้งมีแสงสว่างเพียงพอ ข้างเตียงควรมีราวจับ เพื่อป้องกันการหกล้มจากเตียงโดยเฉพาะเวลาตื่นนอนตอนเช้า
6. เก้าอี้
ควรมีพนักพิง และมีความสูงในระดับที่สามารถวางเท้าถึงพื้นได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทรงตัวของผู้สูงวัยในขณะที่นั่ง อีกทั้งเก้าอี้สำหรับผู้สูงวัยก็ไม่ควรทำด้วยวัสดุที่หนักเกินไป เพราะจะทำให้ยากต่อการเลื่อนหรือขยับเก้าอี้ได้ และ
7. สัญญาณขอความช่วยเหลือ
เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรติดไว้ตามจุดต่างๆภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ/ห้องส้วม หรือห้องที่ผู้สูงอายุใช้เป็นประจำ เพราะเวลาเกิดเหตุอะไรขึ้นจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทัน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด