ทิศลม และทิศแดด เลือกทิศให้เหมาะกับห้อง ตามหลักฮวงจุ้ย และสถาปัตย์
การเลือกที่ดิน ที่ตั้งของบ้านที่อยู่อาศัย ถึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ในการวางแผนที่จะสร้างบ้าน หรือหาที่อยู่อาศัยต่างๆ แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเรื่องของทิศห้อง ซึ่งหลายๆ คนอาจจะมองข้ามในจุดๆ นี้ไป
การดูทิศห้อง จริงๆ แล้วถือเป็นที่สำคัญอย่างมากต่อการอยู่อาศัย เป็นตัวกำหนดว่าห้องของเราจะร้อน จะเย็น ก็ขึ้นอยู่กับทิศห้อง ในการรับแดดและลม ซึ่งความจริงทั้งหมดนี้ สามารถกำหนดได้แค่ดูทิศห้องให้เป็นตั้งแต่เริ่มแรกเท่านั้นเอง
ทิศห้องสำคัญอย่างไร
องค์ความรู้หนึ่งในเชิงสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือการจัดวางห้องให้อยู่ในทิศที่สอดคล้องกับการใช้งาน ทิศห้องจะเป็นตัวกำหนดว่าควรจะมีช่องลมและช่องรับแสงบริเวณไหน ทำอย่างไรถึงจะรับลมได้ตลอดทั้งปี เพราะทิศทางของแดดและกระแสลมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามแต่ฤดูกาล ซึ่งถ้าจะให้ละเอียดจะต้องอ้างอิงกับสภาพของภูมิประเทศด้วย แต่ในเบื้องต้นก็สามารถพิจารณาแบบง่ายๆ ได้ดังนี้
ทิศทางของแดด ☀️
หลักๆ คือดูทิศตะวันออกและตะวันตก เป็นจุดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ส่วนระหว่างวันการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์จะมีแค่อ้อมไปทางทิศใต้อย่างเดียว จะด้วยมุมสูงหรือต่ำก็แล้วแต่การหมุนของแกนโลกในขณะนั้น นั่นหมายความว่าทุกห้องที่อยู่ทางทิศเหนือจะได้รับความร้อนน้อยกว่าเสมอ
ทิศทางของลม 💨
กระแสลมในแต่ละประเทศจะต่างกันไป ไม่เหมือนกับแสงแดด ในบ้านเราจะมีกระแสลมหลักๆ เพียงแค่ 2 ช่วงเท่านั้น คือ
- ลมฤดูร้อน (พฤษภาคม-ตุลาคม) ลมนี้จะพัดมาจากทางทิศใต้
- ลมฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) ลมนี้จะพัดมาจากทางทิศเหนือ
ลมทั้งคู่จะไม่ได้พัดมาตรงๆ แต่เยื้องไปทางตะวันออกและตะวันตกในมุมองศาที่่ต่างกัน
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำแนะนำตามหลักฮวงจุ้ยที่ว่า ทิศห้องนอนห้ามอยู่ในทิศตะวันตก เพราะเป็นทิศที่เชื่อมโยงกับโลกวิญญาณ ซึ่งสอดคล้องกันกับองค์ความรู้เรื่องทิศทางของแดดและลมนั่นเอง โดยห้องที่อยู่ในทิศตะวันตกจะร้อนมากในช่วงบ่ายไปจนถึงพลบค่ำ เวลานอนจึงไม่สบายเท่าที่ควร และกระตุ้นให้ผู้นอนเจ็บป่วยได้ง่าย เนื่องจากอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมด้วย
ห้องที่ตั้งอยู่ในทิศที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึกสบาย และยังเป็นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ทั้งเรื่องแสง และลม ถือว่าเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว เรียกว่า เลือกทิศห้องดีตั้งแต่แรกก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายไปตลอดระยะเวลาที่อยู่อาศัย
เทคนิคในการเลือกทิศคอนโดมิเนียมก่อนตัดสินใจซื้อ
ถ้าหากว่าเป็นบ้านทั้งหลังจะต้องใช้วิธีการไล่ดูไปทีละห้อง แต่สำหรับคอนโดมิเนียม จะมีทั้งแบบที่เป็นห้องสตูดิโอซึ่งเป็นห้องที่รวมกิจกรรมทุกอย่างไว้ในห้องเดียว ไปจนถึงห้องขนาด 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน หลากหลายรูปแบบ
ดังนั้นหลักในการเลือกทิศที่เหมาะสมจะไม่ใช่การตัดสินใจจากว่าตรงนั้นเป็นห้องอะไร แต่ให้ดูว่าพื้นที่ตรงนั้นมีไว้สำหรับกิจกรรมแบบไหนมากกว่า
1 พื้นที่นั่งเล่นและรับแขก 🛋
ส่วนใหญ่แล้วบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง และมีช่องแสงค่อนข้างมากเพื่อให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้ ช่วยให้รู้สึกโปร่งสบายเมื่ออยู่ในจุดนี้เป็นเวลานาน ทิศห้องที่เหมาะสมจึงควรอยู่ทางทิศเหนือเพราะรับแสงได้น้อย และสามารถเปิดหน้าต่างได้ทั้งวันโดยไม่ร้อน
2 พื้นที่ห้องนอน 🛏
การนอนที่มีประสิทธิภาพต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และทิศตะวันออกก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในช่วงเข้านอนจะรู้สึกเย็นสบายเพราะไม่มีการสะสมความร้อนของโครงสร้างในช่วงบ่าย ส่วนตอนเช้าก็ยังได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ที่จะช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย
3 พื้นที่ห้องครัวและห้องน้ำ 🚿
มักจะเป็นพื้นที่ที่มีความอับชื้น ถึงแม้จะมีระบบระบายอากาศก็ยังไม่เพียงพอ ควรจะได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอด้วย ดังนั้นส่วนนี้จึงควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งจะได้รับแสงแดดตลอดช่วงบ่าย ช่วยลดความชื้นและฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย
4 พื้นที่ซักล้าง 🗑
ถ้าจะให้ดีที่สุดพื้นที่ซักล้างควรอยู่ในจุดที่เปิดโล่งทางทิศตะวันตก เพื่อให้ความชื้นจากกิจกรรมระหว่างวันสามารถระเหยไปได้หมด ไม่มีส่วนใดเหลือไว้ให้เป็นต้นเหตุของเชื้อราหรือคราบสกปรกต่าง ๆ เมื่อต้องการตากอะไรก็แห้งได้เร็ว
วิธีการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ให้ดูทิศห้องโดยอ้างอิงจากทิศทางของแสงแดดตามข้อมูลข้างต้นเป็นอันดับแรก แม้ว่าอาจจะไม่ได้ห้องที่ตรงตามคำแนะนำแบบ 100% แต่ก็ควรได้ใกล้เคียงถึงจะดี เช่น ห้องนอน ถ้าเลือกแบบที่อยู่ในทิศตะวันออกไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรอยู่ในทิศตะวันตกและควรอยู่ทางฝั่งทิศเหนือมากกว่าทิศใต้ เพื่อให้รับแสงแดดได้น้อย
จากนั้นจึงค่อยมาดูทิศทางของลม ว่าแต่ละส่วนของห้องนั้นมีหน้าต่างอยู่ในจุดที่ลมจะพัดผ่านได้มากน้อยแค่ไหน ทิศเหนือและทิศใต้ที่เป็นทิศรับลมประจำปีมีหน้าต่างเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ต้องดูด้วยว่ามีทางลมเข้าแล้วมีทางลมออกหรือไม่ เพราะถ้าเรามีหน้าต่างทางทิศเหนือเพียงแค่บานเดียว คือมีแค่ทางเข้า ลมก็จะพัดเข้ามาได้น้อยเช่นเดียวกัน
สำหรับการดูทิศห้องนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง ที่เราไม่ควรมองข้าม และเป็นสิ่งที่เราควรศึกษาก่อนเริ่มทำการซื้อบ้าน หรือออกแบบบ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของลม และแสงแดด ที่จะมีผลกระทบหลังจากที่เราเข้าอยู่อาศัยแล้วนั้นเองครับ