
13 สไตล์การแต่งห้อง สวย เท่ ในสไตล์ที่แตกต่าง
การตกแต่งบ้านไปในสไตล์ตัวเองชอบ ถือเป็นความสุขของใครหลายๆ คน ที่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เราเป็นคนสรรค์สร้างขึ้นมา ซึ่งในปัจุจบันสไตล์การตกแต่งห้องนั้น เรียกได้ว่ามีอยู่หลากหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปในเรื่องวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ โทนสี แต่ล้วนแล้วมีความสวย และเท่ในแบบของสไตล์นั้นๆ อยู่ที่ว่าเรานั้นชอบในรูปแบบสไตล์แบบไหนมากกว่ากัน
วันนี้เราก็ได้รวบรวมสไตล์การตกแต่งห้อง ไว้เป็นไกด์สำหรับการตกแต่งห้องในสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป

1 สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Style)
ไม่ได้มีข้อจำกัดแน่นอนว่าจะต้องสีนั้นสีนี้ หรือเน้นหนักไปที่การใช้วัสดุชนิดใดชนิดหนึ่ง เรียกได้ว่าค่อนข้างฟรีสไตล์ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล เลยทำให้เป็นสไตล์ตกแต่งบ้านที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนตัวตนออกมาอย่างชัดเจน แต่มีจุดที่สังเกตได้ชัดๆ เลยก็คือ การตกแต่งบ้านสไตล์โบฮีเมียนมักจะสีสันจัดจ้าน เล่นกับเส้นสายลวดลาย ภายใต้แสงไฟซอฟต์ๆ บรรยากาศสบายๆ ออกแนวชวนฝัน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือของตกแต่งจากธรรมชาติ เช่น ขนนก หิน กิ่งไม้ หรือการปลูกต้นไม้กระถางเล็กๆ ไว้ในบ้าน นอกจากนี้ก็ยังมีของแฮนด์เมด โมบาย งานโครเชต์ และดรีม แคชเชอร์ (Dream Catcher) ที่มักจะได้เห็นกันบ่อยๆ จากการตกแต่งบ้านสไตล์นี้ด้วย

2 สไตล์โคสตัล (Coastal Style)
หากใครชอบฟีลกู้ดของบรรยากาศบนชายหาดละก็ ขอแนะนำเป็นการตกแต่งบ้านสไตล์นี้เลย ซึ่งการตกแต่งบ้านในสไตล์นี้จะเน้นไปที่การใช้สีโทนเย็น เช่น สีฟ้า ขาว น้ำเงิน เขียว และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก อาทิ โต๊ะไม้ เก้าอี้หวาย รวมถึงของตกแต่งชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ อย่าง เปลือกหอย โมเดลประภาคาร หรือภาพวาดของท้องทะเล

3 สไตล์คอมเทมโพรารี (Contemporary Style)
เป็นการตกแต่งบ้านแบบร่วมสมัย โดยการผสมผสานระหว่างรูปแบบบ้านในอดีตกับปัจจุบันเข้าด้วยกัน โทนสีที่นิยมใช้ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีกลาง เช่น สีครีม ขาว น้ำตาล เทา เปลี่ยนลุคบ้านให้ดูเรียบหรู แต่ก็ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังมีการจัดวางเลย์เอาต์ที่ชัดเจน ไม่สะเปะสะปะ เน้นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และของที่ใช้งานได้จริงมากกว่าของตกแต่งเพื่อความสวยงาม

4 สไตล์คอตเทจ (Cottage Style)
การตกแต่งบ้านที่มีทั้งกลิ่นอายของแนวคันทรี ออกวินเทจนิดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับย้อนยุคซะทีเดียว เพราะแฝงความทันสมัยอยู่ ซึ่งสีที่ถูกนำมาใช้ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มสีเอิร์ธโทน ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง และของเก่าที่เป็นกิมมิกของการตกแต่งบ้านสไตล์นี้ บางครั้งก็มีการนำลายดอกและโทนสีพาสเทลเข้ามาเป็นส่วนประกอบ เพื่อทอนความแข็งกระด้าง เพิ่มความละมุน สวยหวาน แต่ก็ไม่เลี่ยนจนเกินไป

5 สไตล์วินเทจ (Vintage Style)
สไตล์การตกแต่งบ้านแบบย้อนยุค และมีการดีไซน์พิถีพิถันในทุกรายละเอียด มักใช้ลวดลายที่ดูพลิ้วไหว อ่อนช้อย อย่างเช่น ลายดอกไม้ สำหรับสีที่นำมาใช้กับสไตล์วินเทจมักจะเป็นสีอ่อนๆ อย่างสีขาว ครีม แดงอ่อน เหลืองอ่อน และม่วงอ่อน อีกทั้งรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์จะดูคล้ายกับเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ แต่มีการลดทอนรายละเอียดลงมา

6 สไตล์อิเล็กทริก (Electic Style)
อีกหนึ่งสไตล์การแต่งบ้านที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ อยู่นอกกรอบขอบเขตของกฎเกณฑ์ต่างๆ เพราะเกิดจากการนำสิ่งของที่มีสีสัน ลวดลาย ขนาด และรูปแบบที่แตกต่างกันมาจัดวางเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

7 สไตล์ลอฟท์ (Loft Style)
สไตล์การตกแต่งบ้านที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้ง 2 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ หลายบริษัทต้องปิดตัว และส่งผลให้เกิดโกดังร้างจำนวนมาก ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นที่พักอาศัย ก่อนจะถูกหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบบ้านในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นห้องเพดานสูง การเปิดช่องประตู - หน้าต่างขนาดใหญ่ โชว์งานระบบต่างๆ การเปลือยผิววัสดุแบบไม่มีการตกแต่ง เน้นของตกแต่งที่ทำจากอิฐ เหล็ก ปูน และไม้

8 สไตล์โมเดิร์น (Modern Style)
การตกแต่งบ้านสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่หรูหราอลังการ แต่ดูดีด้วยโทนสีและรูปทรงธรรมดา ซึ่งโทนสีที่นำมาใช้บ่อยครั้งในสไตล์โมเดิร์น ได้แก่ สีขาว ดำ และเทา บางครั้งก็ใช้แม่สีมาเติมความสดใส และของตกแต่งรูปทรงเลขาคณิต เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่และการใช้งาน

9 สไตล์มินิมอล (Minimal Style)
หลักการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลก็คือ การตัดส่วนที่ไม่จำเป็น และเหลือไว้เฉพาะสิ่งสำคัญ ตามคอนเซ็ปต์ "Less is More" หรือน้อยแต่มาก โดยการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น สิ่งของถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ สะอาดตา และเน้นใช้สีอิงกับธรรมชาติแบบสีเอิร์ธโทนหรือสีอ่อนๆ เช่น สีขาว น้ำตาล สีเขียว และสีฟ้า

10 สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian Style)
สไตล์การตกแต่งบ้านที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศในกลุ่มนอร์ดิก (ยุโรปตอนเหนือ) ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเท่านั้น แต่ยังมีดีไซน์ที่สวยงามให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลปะที่มีความเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน นิยมใช้งานไม้ และตกแต่งด้วยโทนสีกลาง หรือสีอ่อนๆ เช่น ครีม เทา น้ำเงิน หรือฟ้าอ่อน บรรยากาศภายในเน้นความโปร่งสบาย สว่าง และอบอุ่นด้วยแสงจากธรรมชาติ

11 สไตล์รัสติก (Rustic Style)
สไตล์การตกแต่งบ้านที่อาจดูคล้ายๆ กับสไตล์ลอฟท์ แต่มีความแตกต่างตรงที่สไตล์รัสติกมีกลิ่นอายของวินเทจนิดๆ และคันทรีหน่อยๆ เน้นเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่และของที่ทำจากงานไม้ แม้จะเปลือยผิววัสดุ แต่ก็มีการตกแต่งให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังนิยมใช้ของเก่ามารียูสใหม่หรือของ DIY ที่ทำขึ้นเอง

12 สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Style)
สไตล์การตกแต่งบ้านที่ดูสดใสมีชีวิตชีวา นิยมใช้สีและลวดลายเลียนแบบธรรมชาติในเมืองร้อน เช่น สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง ผ้าพิมพ์ลายใบไม้ใหญ่ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักร้อน เหมาะกับการพักผ่อน สบาย และผ่อนคลาย

13 สไตล์โอเรียนทอล (Oriental Style)
การตกแต่งบ้านที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมและศิลปะจากฝั่งตะวันออก การดีไซน์และออกแบบของต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นและอากาศ โทนสีที่ใช้ส่วนมากนิยมใช้สีทอง น้ำตาล ดำ แดง และใช้วัสดุจากธรรมชาติ หาได้ง่ายจากท้องถิ่น เน้นความสบายมากกว่าความหรูหรา สะท้อนตัวตนของผู้คนในเอเชียได้เป็นอย่างดี
ทั้ง 13 สไตล์ที่ยกมาก็เป็นเพียงไกด์หรือแนวทาง ในการตกแต่งห้องในสไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งการจะแต่งห้องแบบไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบในสไตล์ต่างของผู้ที่อยู่อาศัย อาจจะแต่งเป็นสไตล์เดียวกันทั้งหลัง หรือแบ่งโซนแต่งแยกตามสไตล์ หรือจะนำสไตล์ต่างๆ มาผสมผสานกันก็สุดแล้วแต่ความพอใจของเจ้าของพื้นที่นั้นเอง
“ ไม่มีรูปแบบสไตล์ไหนที่สวยหรือดูดีกว่ากัน
แต่อยู่ที่ว่าเราแต่งรูปแบบสไตล์ไหน ที่ถูกใจเรามากที่สุด ”