
การทางพิเศษ เสนอสร้างทางด่วนอุโมงค์ 2 ชั้น ความลึกที่เท่ากับตึก 10 ชั้น เส้นทาง ถนนแคราย-เกษตร
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่โรงแรมมารวยการ์เด้น การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ได้จัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 เพื่อสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทน ตอน N1 โดยมี นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุม

นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย ช่วง N1 บริเวณจุดตัดระหว่างทางพิเศษศรีรัช-ถนนงามวงศ์วาน สิ้นสุดที่ถนนประเสริฐมนูกิจ และช่วง N2 ถนนประเสริฐมนูกิจถึงถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้านตะวันออก รวมระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร โดยช่วง N2 ศึกษาโครงการเสร็จแล้ว เป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง อยู่ระหว่างเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อขออนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เงินลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท และมีอัตราค่าผ่านทาง 30 บาท

นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ส่วนช่วง N1 อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ รูปแบบจะเป็นโครงสร้างอุโมงค์เป็นหลัก มีจุดเริ่มต้นบริเวณจุดตัดระหว่างทางพิเศษศรีรัช-ถนนงามวงศ์วาน และสิ้นสุดที่ถนนประเสริฐมนูกิจ จะเชื่อมต่อกับ N2 บริเวณแยกสุคนธสวัสดิ์ ระยะทางรวม 10.55 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 49,220 ล้านบาท แยกเป็นค่าก่อสร้าง 44,532 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 3,619 ล้านบาท ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 1,069 ล้านบาท การประชุมครั้งนี้เพื่อนำผลการศึกษานำไปปรับปรุง และพัฒนาโครงการให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อพิจารณาต่อไป
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า รูปแบบโครงการ ประกอบด้วย

1.โครงสร้างอุโมงค์แบบ Cut and Cover อยู่บริเวณทางเข้า-ออกอุโมงค์ของโครงการที่จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดโครงการมีลักษณะเป็นอุโมงค์ 2 ชั้น แบ่งเป็นชั้นฝั่งขาออกและชั้นฝั่งขาเข้า ชั้นละ 2 ช่องจราจร มีความกว้างรวม 15.9 เมตร ระยะทางประมาณ 1.75 กิโลเมตร

2.โครงสร้างอุโมงค์แบบ Tunnel Boring Machine หรือ TBM เป็นโครงสร้างของแนวสายทางหลักโดยจะมีลักษณะเป็นอุโมงค์ 2 ชั้น เช่นเดียวกับรูปแบบ Cut and Cover มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16.3 เมตร ระยะทาง 6.31 กิโลเมตร

3. โครงสร้างทางยกระดับของโครงการ โครงสร้างทางยกระดับที่ต่อจากอุโมงค์ทางลอดใต้ดิน (Cut and Cover) ยกระดับขึ้นสู่ผิวดินที่ระยะประมาณ 800 เมตร จากแยกลาดปลาเค้าเชื่อมต่อกับระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ที่บริเวณแยกสุคนธสวัสดิ์ โดยรูปแบบโครงสร้างทางยกระดับเป็นคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่องแบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป ขนาด 2 ช่องจราจร ความลึก 2 เมตร และความกว้างรวม 11 เมตร รูปแบบเสาตอม่อมีทั้งเสาเดี่ยวและเสาคู่ ระยะทาง 2.49 กิโลเมตร
“ช่วงเป็นอุโมงค์มีระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ถือเป็นอุโมงค์ที่มีขนาดใหญ่และลึกที่สุด โดยมีความลึกกว่า 40 เมตร หรือเท่ากับตึกสูงประมาณ 10 ชั้น โดยทั้งโครงการทั้งช่วง N1 และ N2 จะให้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ ที่ใช้บริการได้ เพราะเราต้องใช้เสาเข็มฐานรากที่ก่อสร้างเมื่อ 25 ปี บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ที่มีอยู่แล้วก่อสร้างต่อ โดยสร้างโครงสร้างยกระดับสูงขึ้นไปอีก จะทำให้โครงการรองรับน้ำหนักได้ไม่มาก” นายสุรเชษฐ์กล่าว
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ตามที่มีประชาชนบางส่วนแสดงความกังวล และห่วงใยต่อการดำเนินโครงการทางด่วนสายนี้ และอยากให้ กทพ.พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกโครงการนั้น กทพ.ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะยกเลิกโครงการนี้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาจากอีกหลายหน่วยงาน และต้องเสนอให้กระทรวงคมนาคม รวมทั้ง ครม.เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาจราจร และช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น รวมถึงช่วยลดระยะเวลาการเดินทางเชื่อมโยงจากฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้ประมาณ 30 นาที ซึ่งโครงการนี้มีการผลักดันมา 25 ปีแล้ว
“ตามแผนเมื่อผลการศึกษาเสร็จปี 2567 จากนั้นในปี 2568 เป็นขั้นตอนการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเริ่มสร้างปี 2569 เสร็จปี 2574 โดยเก็บค่าผ่านทางในอัตราเหมาจ่ายอยู่ที่ 70 บาท ที่เก็บแพงเพราะค่าลงทุนสูง โดย กทพ.อาจขอรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้างเพิ่ม” นายสุรเชษฐ์กล่าว
นายกนก เข็มนาค ผู้ชำนาญการสิ่งแวดล้อมกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา กล่าวว่า โครงการจะมีการเวนคืน จำนวน 342 แปลง ขนาดพื้นที่รวมกว่า 17 ไร่ และสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 52 หลัง มีผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 102 ราย โดยจะอยู่บริเวณช่วงที่เป็นทางยกระดับตั้งแต่แยกลาดปลาเค้าถึงแยกสุคนธสวัสดิ์ โดยใช้ค่าเวนคืน 3,619 ล้านบาท สาเหตุที่ค่าเวนคืนสูงเพราะราคาซื้อขายที่ดินในย่านนี้ค่อนสูง เช่น บริเวณแยกเกษตรอยู่ที่ 800,000 บาทต่อตารางวา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ชาวบ้านคัดค้าน ไม่เห็นด้วยที่จะสร้างทางด่วนตัดผ่านในเมือง แม้ว่า กทพ.จะปรับรุปแบบช่วง N1 จากทางยกระดับเป็นอุโมงค์ก็ตาม เนื่องจากใช้เงินลงทุนสูง รวมถึงส่งผลกระทบต่อผู้ถูกเวนคืนที่ดิน โดยขอให้ กทพ.เปลี่ยนวิธีคิด นำเงินไปลงทุนสร้างถนนวงแหวนรอบนอกเพิ่มน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า และมองว่าจะไม่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาการจราจรได้อย่างยั่งยืน