สาระควรรู้ทั่วไป

พื้นที่สีเขียวนับเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดคุณภาพชีวิตของเมืองหนึ่งๆ เพราะมันมีคุณประโยชน์หลากหลายประการทั้งช่วยผลิตออกซิเจน กรองมลภาวะ ที่สำคัญคือการเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนเมือง อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองกลับกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เห็นได้จากการขยายตัวของเมืองได้เข้าไปทำลายธรรมชาติอยู่เป็นประจำ นำมาซึ่งปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงที่โลกกำลังประสบอยู่

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

พื้นสีเขียวในเมืองเหลือน้อยเต็มที ที่อยู่อาศัยจึงต้องเป็นให้มากกว่าบ้านที่พัก

 พื้นที่สีเขียวนับเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดคุณภาพชีวิตของเมืองหนึ่งๆ เพราะมันมีคุณประโยชน์หลากหลายประการทั้งช่วยผลิตออกซิเจน กรองมลภาวะ ที่สำคัญคือการเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนเมือง อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองกลับกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เห็นได้จากการขยายตัวของเมืองได้เข้าไปทำลายธรรมชาติอยู่เป็นประจำ นำมาซึ่งปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงที่โลกกำลังประสบอยู่

 แต่ใช่ว่ามนุษย์จะมุ่งทำลายธรรมชาติกันเพียงอย่างเดียว ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ตระหนักถึงความสำคัญ และย้ำเตือนเราอยู่เสมอให้หันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมกันบ้าง เกิดเป็นเทรนด์การพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์โดยการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาพัฒนาเมืองกับธรรมชาติไปพร้อมกัน ที่อยู่อาศัยยุคใหม่จึงไม่ใช่แค่คำว่า ‘บ้าน’ อีกต่อไป และไม่ใช่แค่ปัจจุบัน แต่หมายถึง ‘อนาคต’ ของทุกคน

 

ธรรมชาติคือพลังเยียวยาแห่งความสุข

 ธรรมชาติคือพลังเยียวยาแห่งความสุข 

มีงานวิจัยที่พูดถึงพลังแห่งการเยียวยาของสิ่งมีชีวิตสีเขียวที่เรียกว่าต้นไม้อยู่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรายงานการศึกษาจากสถาบันเพื่อการพัฒนามนุษย์ Max Planck ที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Nature Scientific Reports พบว่า คนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่สีเขียว เซลล์ประสาทที่ควบคุมความเครียดในสมองจะมีแนวโน้มจัดการกับอาการเครียด วิตกกังวล รวมถึงสภาวะซึมเศร้าได้ดีกว่า งานวิจัยครั้งนี้จึงชี้ว่าต้นไม้หรือป่าเป็นพลังเยียวยาที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง

สอดคล้องกับศาสตร์ ‘ชินริน โยกุ’ หรือที่แปลเป็นไทยเท่ๆ ว่าการ ‘อาบป่า’ (Forest Bathing) ของ ดร. ควิง หลี ประธานสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อน ประเทศญี่ปุ่น เขาทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ต้นไม้มีพลังในการบำบัดรักษาเป็นอย่างดี เช่น การปล่อยน้ำมันหอมระเหยไฟทอนไซด์ (Phytoncide) ออกมา เป็นกลิ่นธรรมชาติบำบัดที่สูดดมแล้วช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต สร้างความผ่อนคลายความวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า และลดความเครียดได้

การวิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีที่ต้นไม้มีผลเชิงบวกต่อมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ฉะนั้นหากเราสามารถยกป่ามาไว้ในเมืองได้ การอยู่อาศัยท่ามกลางพื้นที่เขียวก็จะช่วยให้ผู้คนในสังคมนั้นๆ มีความสุข

 

พัฒนาธรรมชาติอย่างเดียวไม่พอ

 พัฒนาธรรมชาติอย่างเดียวไม่พอ ต้องพัฒนาปฏิสัมพันธ์ทางสังคมด้วย  

ปัจจุบันการสื่อสารโดยผ่านเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจเข้ามาทดแทนการสื่อสารแบบพบปะพูดคุยแบบตัวต่อตัวได้หรอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล จึงบอกว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่ตรงและได้ผลดีมากที่สุดคือ ‘การสนทนาอย่างสร้างสรรค์’ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีแก่ครอบครัว

เพราะถึงแม้สถาบันครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคม ทว่ากลับมีความสำคัญมากที่สุด ครอบครัวเป็นสถาบันที่ให้กำเนิดมนุษย์ ก่อนจะหล่อหลอมบ่มเพาะความเป็นมนุษย์ให้แก่บุคคลนั้นๆ เปรียบเสมือนรากฐานของบ้าน ซึ่งหากแข็งแรงก็จะทำให้บ้านหลังนั้นแข็งแกร่งยั่งยืนตามไปด้วย

เช่นเดียวกัน หากสมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจซึ่งกันละกัน ก็จะส่งผลให้ครอบครัวนั้นๆ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เมืองที่ดีจึงต้องเอื้อให้ครอบครัวได้อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน เอื้อให้ทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ตลอดเวลา นับเป็นการสร้างความสุขที่ยั่งยืนแก่สังคมอีกอย่างหนึ่ง

 

เทคโนโลยีกับธรรมชาติ

 เทคโนโลยีกับธรรมชาติ นวัตกรรมเพื่อโลกที่น่าอยู่ขึ้น 

แนวคิดที่ช่วยให้ป่าและเมืองสามารถพัฒนาควบคู่กันไป เกิดจากศาสตร์ความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในยุคโลกาภิวัตน์ที่ช่วยให้สร้างสรรค์องค์ประกอบเมืองเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หนึ่งในเทรนด์ปัจจุบันที่กำลังมาแรงก็คือ Urban Forest หรือการป่าไม้ในเมือง ซึ่งเป็นการนำองค์ประกอบของการป่าไม้ในเมือง (Urban Forestry) มาวางแผนอย่างเป็นระบบ คำนึงถึงคุณลักษณะพื้นฐานของเมือง ปัจจัยด้านสังคม และเอื้อผลประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มากที่สุด

อาทิ การคิดค้นระบบที่ช่วยลดจำนวนหน่วยทำความร้อนที่เกิดขึ้นในที่อยู่อาศัย โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะรวมความร้อนไปที่จุดเดียว แล้วส่งน้ำเย็นให้เปลี่ยนเป็นแอร์เย็นหล่อเลี้ยงบ้านผู้อยู่อาศัย อุณหภูมิในบริเวณผู้อยู่อาศัยจะลดลงจากภายนอก 2-3 องศาเซลเซียส ระบบนี้จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกสู่อากาศถึง 30,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 750,000 ต้น หรือปลูกป่าถึง 30,000 ไร่เลยทีเดียว

หรือจะเป็นแนวคิดระบบการวางผังใต้ดิน Underground Tunnel ซึ่งจะนำระบบน้ำ ไฟ และเครื่องปรับอากาศไว้ใต้ดิน ทำให้บรรยากาศยังคงความเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำที่สามารถนำน้ำทั้งหมดมารีไซเคิลโดยไม่ปล่อยลงสู่ท่อระบายน้ำ นับเป็นระบบการจัดการน้ำเจ๋งๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ฉะนั้น หากเราสามารถนำเทคโนโลยีมาผสานรวมกับธรรมชาติได้ ไม่เพียงจะพัฒนาศักยภาพของเมืองแล้ว ยังเพิ่มความสุขให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองนั้นๆ อีกด้วย

 

MQDC

 MQDC ผู้สร้างที่อยู่อาศัย และไม่ทำลายพื้นที่สีเขียว 

เป็นที่รู้กันว่า ปัจจุบันคนเมืองเลือกซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้นเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต ทว่าค่าที่ดินกรุงเทพฯ เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ แพงจนไปถึงสุดสายของระบบราง คนเมืองจึงคาดหวังที่อยู่อาศัยอย่างคุ้มค่า และต้องตอบสนองมาตรฐานชีวิตที่ดีสำหรับการสร้างครอบครัวในอนาคต

MQDC หรือ Magnolia Quality Development Corporation Limited จึงมีความตั้งใจสร้างพื้นที่อยู่อาศัยยุคใหม่สำหรับคนเมือง ผ่านคอนเซปต์ Imagine Happiness เป็นหลัก เกิดเป็น  The Forestias  by MQDC โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-Use Lifestyle โมเดลแรกของโลกที่จะสร้างนิยามของความสุขที่แท้จริง ผ่านแนวคิดการผสมผสานกันของธรรมชาติ สัตว์ และระบบนิเวศน์ มาปรับใช้เพื่อให้สังคมการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่ยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการที่ได้แก่

  • 50 Shades of Nature – ความสุขที่เกิดจากธรรมชาติภายใต้พื้นที่ป่าขนาดใหญ่ยาวต่อเนื่องตลอดโครงการ นับเป็นโมเดลของโลกที่ทำให้มนุษย์กลับมาอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติและสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยป่าที่มีลักษณะแตกต่างกัน 4 โซนหลัก ไล่ตั้งแต่พืชพรรณขนาดเล็กจนถึงเขตป่าดงดิบ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข
  • Connecting 4 Generations – ความสุขที่เกิดขึ้นจากการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อให้คนในครอบครัวได้ใกล้ชิดกัน สามารถพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างวัย พร้อมทั้งพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เกิดเป็นความสุขจากปฏิสัมพันธ์ที่เริ่มจากครอบครัว และค่อยๆ ขยายวงกว้างไปสู่ระดับชุมชน
  • Community of Dreams – ความสุขจากการส่งเสริมให้ผู้อาศัยมีปฏิสัมพันธ์กันทั้งกับผู้คน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นเมืองที่ให้คนได้มาทำกิจกรรมนอกบ้านแก้เหงา เช่น ออกกำลังกาย เดิน ปั่นจักรยาน ฯลฯ มีทั้งตลาด สวนพักผ่อน ศึกษาธรรมชาติ ต้นไม้ และสัตว์บนผืนป่าเปิด ซึ่งนอกจากจะมีระบบนิเวศสมบูรณ์แล้ว ยังเป็น Smart City อีกด้วย
  • Sustainnovation for Well-being – ความสุขที่เกิดจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ MQDC นำเอาธรรมชาติและระบบนิเวศน์กลับคืนสู่สังคมมนุษย์ เพื่อให้ทุกชีวิตได้ใช้ประโยชน์ และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

     ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของ MQDC ที่จะสร้างพื้นที่อยู่อาศัยยุคใหม่สำหรับคนเมืองที่เป็นมากกว่าแค่บ้าน แต่เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืนของมนุษย์ทุกคน ฉะนั้นลองจินตนาการถึงเมืองที่ผู้คนอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติในระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ เห็นครอบครัวหลากหลายเจนเนอเรชั่นทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข


  • ห้องสะอาด แล้วแมลงมาจากไหน? เช็คจุคทางเข้าแมลง พร้อมวิธีไล่แมลงแบบง่ายๆ
  • ผักยอดฮิต 8 ชนิดของคนไทย ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย มีข้อควรระวังในการรับประทานด้วย
  • ทริกการดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ให้สวยเหมือนใหม่
  • ติดตั้งทีวีระยะห่างเท่าไหร่...ถึงเหมาะสมกับห้องคุณ
  • อยู่คอนโดสูง สัญญาณโทรศัพท์หาย บอกนิติบุคคลให้จัดการได้
  • สรุปวิธี ลดหย่อนภาษี ปี 2563 มีอะไรบ้าง เช็คเลย!
  • อยากตกแต่งบ้าน จ้างนักออกแบบมัณฑนากร มาตกแต่งภายใน ดีไหม?
  • วิธีต่อก๊อกน้ำแบบผู้หญิงสายสตรอง ง่ายๆแค่ 10 นาที!!
  • สีผ้าปูที่นอน เรื่องของสีมีผลต่ออารมณ์ อย่างไรบ้าง?
  • ระเบียบข้อบังคับจราจร การจอดรถในพื้นที่สาธารณะ ส่วนกลางหมู่บ้าน
  • เลือกอิฐแบบไหน อิฐมอญ อิฐมวลเบา อิฐบล็อก เหมาะกับสร้างบ้าน ประหยัดงบมากที่สุด
  • เช็คสิทธิ ทะเบียนราษฎร "เจ้าของบ้าน" กับ "เจ้าบ้าน" ในทะเบียนบ้าน ใครสิทธิเหนือกว่า หน้าที่ต่างกันอย...
  • เคล็ดไม่ลับ 10 วิธีซักผ้าสีตก คราบสีฝังแน่นอย่าทิ้ง ทำให้เสื้อกลับมาใส่ได้อีกครั้งดีกว่า
  • ข้อควรรู้ ซื้อบ้าน และที่ดินในโครงการจัดสรร เรื่องใดที่ควรทำหลังโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน
  • แอร์ยี่ห้อไหนประหยัดไฟ 2567 ลดการใช้พลังงาน ช่วยประหยัดไฟได้ดี
  • พื้นสีเขียวในเมืองเหลือน้อยเต็มที ที่อยู่อาศัยจึงต้องเป็นให้มากกว่าบ้านที่พัก

    พื้นที่สีเขียวนับเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดคุณภาพชีวิตของเมืองหนึ่งๆ เพราะมันมีคุณประโยชน์หลากหลายประการทั้งช่วยผลิตออกซิเจน กรองมลภาวะ ที่สำคัญคือการเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนเมือง อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองกลับกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เห็นได้จากการขยายตัวของเมืองได้เข้าไปทำลายธรรมชาติอยู่เป็นประจำ นำมาซึ่งปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงที่โลกกำลังประสบอยู่

    © สงวนลิขสิทธิ์ 2567 บริษัท ไทยโฮมทาวน์ จำกัด
    @thaihometown Scroll