
เทรนด์ในการออกแบบบ้านไม่เคยหยุดนิ่ง ในแต่ละปีจะมีทิศทางใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง อย่างในปีก่อนต้องยกให้บ้านสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรศาสตร์ ส่วนในปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์โรคระบาด และฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อทุกมิติการใช้ชีวิต จนสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดคำถามว่า “บ้านสำหรับยุคปัจจุบันควรเป็นเช่นไร”
เทรนด์บ้านปีนี้จึงเริ่มเห็นการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยภายนอกที่ไม่เหมือนเดิม ต้องมีความชัดเจนด้านฟังก์ชันหรือประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น เนื้อหานี้ เลยรวบรวม 5 เทรนด์บ้านที่น่าสนใจควรค่ากับการลงทุน ทั้งในเรื่องการจัดฟังก์ชันควบคู่ไปกับนวัตกรรมที่มุ่งเพิ่มคุณภาพในการใช้ชีวิตที่ยิ่งอยู่ ยิ่งคุ้ม ลงทุนครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้ดีในระยะยาว

1. บ้านทำงานได้ พร้อมอยู่ตลอดทั้งวัน
ปกติแล้วเรามักจะแยกบ้านออกจากการทำงาน แต่ในช่วงหลายปีมานี้รูปแบบของการใช้ชีวิตและมุมมองการทำงานของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปมาก เพราะโลกถูกเชื่อมต่อด้วยการสื่อสารไร้สาย ทำให้หลาย ๆ อาชีพไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิศ สามารถนั่งทำงานที่ใดก็ได้ขอเพียงแค่มีคอมพิวเตอร์และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ประจวบกับไวรัสโควิดที่กำลังระบาด ทำให้หลายออฟฟิศจำเป็นต้องแยกห่าง ต่างคนต่างทำงานที่บ้านลักษณะ Work From Home บางออฟฟิศแค่ชั่วคราวและมีหลายออฟฟิศเปลี่ยนแปลงการทำงานไปตลอดกาล
เมื่อการทำงานที่บ้านกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน บ้านสมัยใหม่จึงไม่ใช่แค่พื้นที่พักผ่อนหลับนอนเท่านั้น แต่ต้องมีพื้นที่สำหรับนั่งทำงานของคุณพ่อ คุณแม่ นั่งเรียนออนไลน์หรือทำกิจกรรมของเด็ก ๆ ใครที่กำลังออกแบบบ้านใหม่จึงต้องวางแผนห้องเหล่านี้เผื่อไว้ ซึ่งตำแหน่งห้องทำงานที่ดีหากเป็นไปได้ควรจัดให้ตำแหน่งอยู่ห่างจากห้องนอน เพื่อให้ระยะห่างของพื้นที่ช่วยเบรคอารมณ์ ไม่รบกวนการพักผ่อน กรณีบ้านสองชั้นที่มีห้องนอนชั้นบน ควรเลือกห้องทำงานไว้ชั้นล่าง จัดไว้ฝั่งทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ เป็นทิศที่แสงแดดไม่ร้อนมาก แสงที่ส่องเข้ามาจะไม่กระทบรบกวนสายตา การจัดวางห้องทำงานไว้ชั้นล่างยังมีข้อดีหลายด้าน ช่วยให้ผู้ใช้งานใกล้ชิดพื้นที่สวน และโดยปกติแล้วชั้นล่างจะเย็นสบายกว่าชั้นบน จึงช่วยลดพลังงานไฟฟ้าได้ดี
แต่สำหรับบ้านคนที่อาศัยอยู่บ้านหลังเดิม การปรับปรุงบ้าน Home Renovation ให้สอดคล้องกับการใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว โดยอาจเปิดผนังในส่วนที่ปิดทึบให้กว้างด้วยกระจก เพื่อเพิ่มความโปร่งโล่ง นั่งทำงานได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด หรือกั้นผนังแบ่งโซนเป็นมุมนั่งทำงานเล็ก ๆ ให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และไม่เพียงแค่การปรับปรุงในโซนพื้นที่ทำงานเท่านั้น เพื่อให้บ้านพร้อมอยู่ตลอดทั้งวัน อาจทำการปรับปรุงห้องครัว ให้ทำอาหารได้สนุกกว่าเดิม รองรับยุค New Normal ที่ใคร ๆ ก็เป็นเชฟได้

2. บ้านในสวน สวนในบ้าน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าบ้านที่มีแต่สิ่งก่อสร้างขาดพื้นที่สีเขียว เป็นบ้านที่ดูแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา เทรนด์ที่อยู่อาศัยยุคปัจจุบัน ผู้คนเน้นสิ่งแวดล้อม เน้นอนุรักษ์ธรรมชาติกันมากขึ้น โดยการนำแนวคิด “Inside out-Outside in” ที่มีหลักการนำพาธรรมชาติเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบ้านอย่างใกล้ชิดและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับผู้พักอาศัยมากขึ้น วิธีการง่าย ๆ คือการนำไม้ประดับมาวางไว้ในมุมหนึ่งของห้อง จัดโต๊ะทำงานด้วยแคคตัสต้นเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มความสบายตา หรือบ้านไหนที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ สามารถสวนแนวตั้งตามจุดต่าง ๆ ได้เช่นกัน ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
ส่วนบ้านที่สร้างใหม่หรือกำลังรีโนเวท อาจออกแบบคอร์ทยาร์ดไว้ใจกลางตัวบ้าน เสมือนสวนเป็นองค์ประกอบหนึ่งของภายในบ้าน ไม่ได้ถูกจัดแยกอยู่หน้าบ้านหรือหลังบ้านเหมือนบ้านยุคก่อน ๆ เป็นสวนที่ก่อให้เกิดการใช้งานจริง ผู้อยู่อาศัยมองเห็นสวนในขณะนั่งอยู่ภายในบ้าน หากบ้านที่มีที่ดินจำกัดหรือทิศทางบังคับ จำเป็นต้องออกแบบให้เปิดโปร่งจากหน้าบ้าน อาจแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีเพิ่มฟาซาด ออกแบบให้มีระแนงบังตา จะช่วยให้บ้านสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันยังได้การอยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัว

3. บ้านยุคใหม่ ต้องผลิตพลังงานเองได้
เมื่อการอยู่อาศัยภายในบ้านยุคปัจจุบัน มีระยะเวลายาวนานกว่าอดีต สิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น ประจวบกับเทรนด์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ต้องการพลังงานสะอาดเพื่อลดการสร้างมลพิษ บ้านยุคปัจจุบันจึงต้องการพลังงานทางเลือก อย่างพลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์
ปัจจุบันการนำโซลาร์เซลล์มาใช้กับบ้านพักอาศัยในประเทศไทยได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยตลอดทั้งวันจะเกิดความคุ้มค่ามากกว่าบ้านที่อยู่อาศัยเฉพาะช่วงเย็นหรือกลางคืน เนื่องด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สามารถผลิตได้ในยามกลางวัน การใช้เครื่องไฟฟ้าขณะที่แสงแดดเจิดจ้า จึงสามารถใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ได้โดยตรง ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ารายเดือนได้มากถึง 60% แต่สำหรับบ้านที่ใช้งานเฉพาะกลางคืน อาจยังไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน
สิ่งที่ผู้ออกแบบต้องคิดเผื่อ คือ พื้นที่การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ หลังคาบ้านตำแหน่งดังกล่าวจะต้องหันรับแสงแดดได้ดี โดยแนะนำให้หันด้านทิศใต้หรือตะวันตกเฉียงใต้ จะช่วยให้การผลิตไฟฟ้าเต็มประสิทธิภาพ การนำระบบโซลลาร์เซลล์มาใช้ร่วมกับบ้าน เป็นหลักการออกแบบแนวคิด Passive Design แม้เจ้าของบ้านจะต้องลงทุนจ่ายก่อนในตอนแรก แต่ต้นทุนนี้จะถูกผ่อนให้กับค่าไฟฟ้ารายเดือนในระยะ 7-9 ปี และหลังจากนั้นคือกำไรที่เจ้าของบ้านจะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีไปอีก 20-30 ปี หรือตลอดอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์ เป็นอะไรที่ ยิ่งใช้ ยิ่งคุ้ม

4. บ้านแห่งเทคโนโลยี ( Smart Home )
ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุค 5G ยุคที่ช่วยให้อุปกรณ์ Smart Home ต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างลื่นไหลและเสถียร ปัจจุบันเราจึงสามารถเปิดดูทีวีได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่จำเป็นต้องต่อสายจากเสาอากาศหรือต่อดาวเทียมให้วุ่นวาย เพียงแค่มีกล่องรับสัญญาณและอินเตอร์เน็ต เพียงเท่านี้ก็สามารถเปิดดูทีวีแบบไร้สายได้อย่างคมชัดและลื่นไหล
เทคโนโลยี Smart Home จะถูกนำมาใช้กับบ้านยุคปัจจุบันมากขึ้น เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตที่ต้องการความสะดวกสบายให้มากขึ้นไปอีกระดับ มีการใช้นวัตกรรมอัจฉริยะทั้งภายนอกและภายในมาช่วยในการควบคุมระบบต่าง ๆ ของบ้านผ่านเครื่องมือสื่อสารไร้สายทางไกลหรือทำงานร่วมกับอุปกรณ์เฉพาะของบ้านโดยอัตโนมัติตามคำสั่งของเรา เช่น คำสั่งเปิดปิดไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ , การตั้งเวลาทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า, การตรวจสอบกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ แม้ไม่อยู่บ้านก็สามารถดูแลบ้านให้เรียบร้อย สะอาด ปลอดภัย พร้อมต้อนรับการกลับบ้านและยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้นด้วย หรือแม้แต่ผู้ช่วยทำความสะอาดอย่าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น หุ่นยนต์ถูพื้น ปัจจุบันสามารถตั้งค่าให้หุ่นยนต์เหล่านี้ทำงานอัตโนมัติได้เช่นกัน บ้านสร้างใหม่หรือบ้านที่กำลังปรับปรุง จึงมักออกแบบให้พื้นมีความราบเรียบ ไม่ต่างระดับกันจนเกินไป เพื่อให้หุ่นยนต์ทำงานได้อย่างทั่วถึง และแม้ว่าการลงทุนเกี่ยวกับอุปกรณ์ Smart Home จะมีต้นทุนค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ทั้งการทุ่นแรง การสร้างความปลอดภัย การประหยัดไฟฟ้าในระยะยาวก็นับว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว

5. บ้านสุขภาพดี (Home Wellness)
เทรนด์สุขภาพในปี 2021 ไม่ใช่แค่ตื่นตัวเรื่องการออกกำลังกายหรือทานอาหารสุขภาพเท่านั้น หลังจากต้องเผชิญกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และไวรัสมากว่า 1 ปี จึงเริ่มไม่มั่นใจกับการทำกิจกรรมนอกบ้านและหันมาทำกิจกรรมในบ้านมากขึ้น หลายคนจึงลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ภายในบ้านปลอดฝุ่นพิษและสามารถกรองเชื้อโรคได้ เพื่อรักษาระดับคุณภาพอากาศที่ดีและเหมาะกับการสูดลมหายใจในทุก ๆ เวลา อาทิ การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ, ติดตั้งมุ้งลวดกันฝุ่น หรือการติดตั้งระบบ Active Airflow ที่ครอบคลุมทั้งในการระบายอากาศ ป้องกันฝุ่น ลดความอับชื้น รวมถึงลดความร้อนสะสมภายในบ้าน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 เทรนด์บ้านอยู่สบายในยุค New Normal นี้ ที่จะช่วยให้ชีวิตง่ายและสดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไปพร้อมกับยุกใหม่ ที่เวลาของการอยู่ในบ้าน นั้นมากกว่าการออกนอกบ้าน