
เจ้าของบ้านตั้งใจอยากให้พื้นที่ใจกลางบ้านมีบรรยากาศสวยงามสดชื่นแบบกรีนเฮ้าส์ จึงเป็นที่มาของการปลูกต้นไม้และรื้อพื้นที่บางส่วนของชั้นสองออก พร้อมการเจาะช่องแสง เปลี่ยนกระเบื้องหลังคาให้เป็นแบบโปร่งแสง เพื่อเปิดโอกาสให้แสงแดดสาดส่องมาสู่พื้นที่ด้านล่างได้อย่างทั่วถึง ส่วนผนังมีการขัดสีและกระเทาะกำแพงบางส่วนออก เพื่อสร้างความสะอาด สบายตา พร้อมเผยให้เห็นเสน่ห์ของอาคารเก่าแก่ที่มีความสวยงามเหนือกาลเวลา

การใส่ใจสุขภาพ การกินอาหารที่ดี อาศัยอยู่ในที่ปลอดโปร่ง และใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์สมดุล ถือเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งการใช้ชีวิตแนวทางนี้มีการยึดถือปฏิบัติมาแล้วระยะหนึ่งในยุโรป และดูเหมือนจะยิ่งได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมากขึ้น เกือบสิบปีของการใช้ชีวิตในเบอร์ลิน ปารีส และนิวยอร์ก ที่ซึ่งมีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตอย่างใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับธรรมชาติมาอย่างเหนียวแน่นและยาวนาน แน่นอนว่าการปลูกผักสวนครัว การรับประทานอาหารออร์แกนิกส์ การเดินทางด้วยสองเท้าหรือปั่นจักรยาน เป็นสิ่งที่ปลูกฝังอยู่ในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเมื่อต้องเดินทางกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด คุณติ๊บ ฉัตรทิพย์ พึ่งธรรม ผู้ผลิตคอมบูฉะ (Kombucha) หรือชาหมักออร์แกนิกส์แบรนด์ Pure Luck จึงมองหาบ้านหลังใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตน


“ครั้งแรกที่เพื่อนพามาดูอาคารหลังนี้ ก็รู้ทันทีว่านี่คือสเปซที่ใช่” คุณติ๊บกล่าวถึงอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น อายุร้อยกว่าปีบนถนนเจริญกรุง ย่านเยาวราชที่เธอเลือกใช้เป็นบ้านและโรงหมักคอมบูฉะ ที่ย้ายฐานการผลิตจากนิวยอร์กมาสู่กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน“ประทับใจอาคารหลังนี้ตรงที่เป็นอาคารประวัติศาสตร์ มีงานสถาปัตยกรรมสวยงาม พื้นที่ภายในมีมุมมืดซอกหลืบ เหมาะสำหรับการหมักชาที่ต้องการความมืดและความเย็น” เธอกล่าวเสริมพร้อมอธิบายว่า คอมบูฉะเป็นเครื่องดื่มโพรไบโอติก(Probiotic) ที่เกิดจากการหมักชากับยีสต์รูปร่างคล้ายเห็ดที่เรียกว่า สโกบี้ (SCOBY- Symbiotic Colony of Bacteriaand Yeast) โดยเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยเรื่องการย่อยอาหารและการขับถ่าย ซึ่งผู้ที่แนะนำให้คุณติ๊บรู้จักกับเครื่องดื่มชนิดนี้ก็คือ คุณเบรตต์ แคสเปอร์ (Brett Casper) คนรักและพาร์ตเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์Pure Luck ที่เธอชักชวนให้มาใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านหลังนี้


เมื่อพบสถานที่ในฝัน เธอเริ่มต้นการรีโนเวตด้วยการรื้อพื้นและผนังของพื้นที่ชั้นสองออก พร้อมเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบางส่วนให้เป็นแบบโปร่งแสงเพื่อเปิดโอกาสให้แสงสว่างส่องมายังพื้นที่ด้านล่างได้ทั่วถึง ด้านโครงสร้างอาคารมีการเสริมคานเหล็กเพื่อเพิ่มความแข็งแรง อีกทั้งยังมีการเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยเพื่อทำเป็นห้องครัวด้านในสุดของบ้าน ส่วนผนังคุณติ๊บเลือกให้ช่างขัดสีออกแทนการทาสีใหม่ เพื่อเผยให้เห็นร่องรอยและเสน่ห์ของอาคารโบราณ โดยมีคุณพลอยพรรณ ธีรชัย สถาปนิกและดีไซเนอร์แห่ง Thinkk Studio เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบโครงสร้างและการจัดแสง

“เราอยากให้พื้นที่ชั้นล่างมีความรู้สึกคล้ายกรีนเฮ้าส์ มีต้นไม้สดชื่น มีแสงแดดสาดส่อง พื้นที่ด้านหน้าบ้านในอนาคตเราอยากจัดเป็น Tea Bar & Grocery Store ที่ทุกคนสามารถแวะมาจิบชาและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พืชผักออร์แกนิกส์ได้โดยไม่ต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่ดาดฟ้าปัจจุบันเป็น Edible Rooftop Garden ปลูกพืชผักสวนครัวออร์แกนิกส์ เช่น มะเขือเทศ กระเจี๊ยบเขียว พริก และโหระพาซึ่งผักบางส่วนนอกจากจะนำมาทำอาหาร เรายังแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านด้วย” คุณติ๊บเล่าพร้อมกับรินเครื่องดื่มคอมบูฉะให้ชิม


“เราอยากนำเสนอไอเดียกับคนทั่วไปว่า แม้จะอยู่ใจกลางเมือง แต่เราก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์ พิถีพิถัน มีสุขภาพดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ โชคดีที่บ้านหลังนี้สามารถถ่ายทอดไอเดียทุกอย่างของเราได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยอยู่สบาย มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเป็นโรงหมักชา มีพื้นที่ปลูกผักสวนครัว อยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางไปที่ต่างๆ ได้สะดวก จะไปทานข้าวที่เยาวราชก็เดินได้ จะไปนั่งเล่นริมแม่น้ำก็เดินไปได้ หรือจะไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดก็สามารถนั่งรถเมล์ไปได้เป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราอย่างแท้จริง”
