หลายๆครั้งที่เราคิดว่าของเราสะอาด ปลอดภัยจากเชื้อโรคแล้วแต่ความจริงเชื้อโรคเหล่านั้นแอบแฝงอยู่ตามที่ต่างๆที่เราคาดไม่ถึงเลยเป็นของที่เราใช้ในชีวิติประจำวันทุกวันบางชิ้นนั้นก็เป็นของที่เราใช้ในการทำความสะอาดทุกวันด้วย ลองดูว่ามีอะไรกันบ้าง
1. ไม้กวาด
อีกหนึ่งอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เปิดโอกาสให้เชื้อโรคมาฝังตัวอยู่อย่างหน้าตาเฉย ขืนเราไม่ยอมทำความสะอาดไม้กวาดนั้นก็ต้องลากสิ่งสกปรกไปทั่วทั้งบ้านแน่นอน ส่วนวิธีทำความสะอาดเราก็แค่นำออกไปสะบัดฝุ่นนอกบ้าน ซักล้างหัวไม้กวาดในน้ำสบู่ หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดแทน
2. หลังตู้สูง ๆ ที่เราหลงลืม
ไม่ต้องสงสัยหากมีคนใดคนหนึ่งในบ้านจามขึ้นมาทั้ง ๆ ที่เราก็ทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นเพราะเราอาจจะหลงลืมหรือละเลยการปัดฝุ่นบนหลังตู้ ถึงแม้จะเป็นคราบสกปรกที่มองไม่เห็น แต่อย่าลืมว่าฝุ่นเพียงน้อยนิดก็สามารถทำให้เกิดภูมิแพ้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับฝุ่นหนาเตอะบนหลังตู้ที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานนับเดือน ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่ควรจะหยิบผ้ามาเช็ดฝุ่นเหล่านั้นออกไปเสียที
3. เครื่องครัว
ครัวเป็นหนึ่งสถานที่สำคัญที่เราไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไป แม้จะทำความสะอาดบนโต๊ะบนเคาน์เตอร์ครัวหรือพื้นเรียบร้อยแล้ว แต่ตัวถังขยะ บรรดาด้ามจับทั้งหลาย และอ่างล้างจานต่างก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ทางที่ดีเราควรจะผสมน้ำสบู่ใส่ขวดสเปรย์เพื่อฉีดพ่นและเช็ดด้ามจับ หมั่นล้างอ่างล้างจานทุกวัน และเช็ดตัวถังขยะไปพร้อมกับการเปลี่ยนถุงใส่ขยะบ่อย ๆ ก็จะช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในบ้านได้เยอะเลย
4. ฟองน้ำล้างจาน
ใช่ว่าเครื่องมือทำความสะอาดจานอย่างฟองน้ำล้างจานจะไม่มีเชื้อโรคนะ เพราะทุกครั้งที่เรานำมาขัด ๆ ถู ๆ บนจาน เชื้อโรคก็จะเริ่มก่อตัวและใช้ฟองน้ำเป็นที่ตั้งรกรากรอวันเข้าสู่ร่างกาย ก่อนทำร้ายร่างกายจนต้องเข้าโรงพยาบาลกันไปข้างนึง ฉะนั้นหากไม่อยากให้เหตุการณ์ร้าย ๆ แบบนี้เกิดขึ้นควรทำความสะอาดฟองน้ำทุกครั้งหลังใช้ โดยการแช่ลงในน้ำผสมผงซักฟอกแล้วซักให้สะอาดก่อนนำตากแห้ง หรืออบด้วยคามร้อนในไมโครเวฟประมาณ 3 วินาที 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดไปยันรกรากของเชื้อโรคเลย
5. แก้วใส่แปรงสีฟัน
นอกจากแปรงสีฟันที่เราต้องเปลี่ยนในทุก ๆ 3 เดือนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เราควรจะทำความสะอาดบ่อย ๆ นั่นก็คือแก้วหรือกล่องเสียบแปรงสีฟัน ก่อนที่คราบน้ำและไรฝุ่นจะไปเกาะอยู่ตามแปรงสีฟัน ลองคิดดูสิว่ามันน่าขยะแขยงขนาดไหนถ้ามีเชื้อโรคเป็นล้านเกาะอยู่ที่ฟันของเรา ฉะนั้นอย่าลืมล้างแก้วใส่แปรงสีฟันและเช็ดให้แห้งก่อนนำไปใช้ต่อ ควรทำแบบนี้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
6. มูลี่เปิด-ปิดหน้าต่าง
หลายคนมัวแต่สนใจวิวนอกหน้าต่างจนมองไม่เห็นกองฝุ่นหนาเตอะบนบานเกล็ดมูลี่ไปซะอย่างนั้น อย่าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาดเพราะมันอาจก่อตัวเป็นเชื้อโรคโบยบินในอากาศ เพื่อรอเราสูดหายใจเข้าไป ให้ใช้ถุงเท้าเก่า ๆ หรือผ้าขี้ริ้วชุบน้ำบิดหมาด ๆ มาสวมนิ้ว แล้วถูไปตามเกล็ดมูลี่แต่ละชั้นจนสะอาดพร้อมเช็ดตามด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์อีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้มูลี่มีคราบน้ำ
7. เครื่องดูดฝุ่น
แม้เครื่องดูดฝุ่นจะเปรียบเสมือนมือขวาในการทำความสะอาดของแม่บ้าน แต่หากเราหลงลืมที่จะทำความสะอาดที่ตัวเครื่องดูดฝุ่นก็จะกลายเป็นแหล่งปล่อยตัวเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียให้กระจายไปตามห้องต่างๆในบ้านของคุณ ฉะนั้นหลังการใช้งานควรนำถุงกรองไปซักด้วยน้ำอุ่นแล้วตากให้แห้งก่อนนำกลับมาใช้ทุกครั้งส่วนถุงกรองแบบกระดาษก็หมั่นเปลี่ยนบ่อยๆเท่าที่จะเป็นไปได้
8. พรมผืนนุ่ม ๆ
แม้วัตถุประสงค์ของพรมจะทำให้บ้านแลดูอบอุ่นและมีสไตล์ แต่พอนานวันไปชักไม่อยากจะเชื่อซะแล้วว่าพรมจะให้ประโยชน์กับบ้านเพียงอย่างเดียว เพราะมันคือแหล่งเก็บตัวของกองทัพไรฝุ่นที่พร้อมจะสร้างภูมิแพ้ให้กับคนในบ้าน ดังนั้นจึงควรดูดฝุ่นเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ยังดีหากมีเวลาไม่มาก แล้วก็ไม่ใช่ดูดฝุ่นแค่ด้านบนอย่างเดียวล่ะ อย่าลืมยกพรมขึ้นแล้วดูดฝุ่นที่พื้นด้วยนะ
9. ไม้ดอก-ไม้ประดับในบ้าน
ไม้ดอก-ไม้ประดับในบ้านก็ไม่ต่างอะไรจากเฟอร์นิเจอร์ที่เราต้องทำความสะอาดและคอยกำจัดฝุ่นไปพร้อม ๆ กัน ด้วยการหาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ดตามใบ กิ่ง และลำต้นให้สะอาดเอี่ยม พืชพรรณเหล่านั้นจะได้สร้างบรรยากาศที่สดใสให้กับบ้านเราอยู่เสมอและจะได้ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคด้วย
10. พัดลมเพดาน
ขนาดพัดลมตั้งพื้นยังสะสมฝุ่นจนจะทอเป็นเสื่อได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับพัดลมเพดานที่ยากจะเอื้อมถึงล่ะ ถ้าไม่อยากปล่อยให้ฝุ่นหนา ๆ เหล่านั้นสะบัดลอยมาตามลมให้เราสูดหายใจเข้าไป แนะนำให้หาปลอกหมอนเก่า ๆ มาครอบใบพัดทีละอันแล้วรูดฝุ่นให้ตกอยู่ในปลอกหมอน ก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาดอีกครั้ง