[CR] Review บ้านใหม่ สไตล์ลอฟท์บ้านสวน โดย คุณ ลิงน้อย ณ อัมพวา
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน พอดีมีโอกาสสร้างบ้านใหม่จึงขอรีวิวและแชร์ประสบการณ์การสร้างบ้านให้กับทุกท่าน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นี้ไม่มากก็น้อยนะคะ หากมีข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หากเป็นคนหนึ่งที่ชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ วันนี้ คุณ ลิงน้อย ณ อัมพวา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีประสบการณ์การสร้างบ้านในสวนมาฝาก ภายในประกอบด้วย 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ห้องครัวไทย และห้องนั่งเล่น ไว้เป็นไอเดียให้กับคนที่กำลังจะสร้างบ้านหรือกำลังศึกษาขั้นตอน ปัญหา อุปสรรคในการสร้างบ้านว่ามีอะไรบ้าง รับรองว่าได้ข้อมูลไปครบแน่นอน
เริ่มต้นด้วยสมัยพ่อยังอยู่ ได้มีการคุยกับแม่ว่าชีวิตวัยเกษียณอยากจะปลูกบ้านอยู่ในที่ดินทางบ้านฝั่งแม่ ซึ่งจะอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่อีกอำเภอหนึ่งที่ไม่ไกลกันมาก ด้วยเหตุผลที่ต้องการความเงียบสงบกว่าบ้านปัจจุบันที่อยู่ ซึ่งทางลูก ๆ ก็เห็นดีด้วย และเรื่องนี้ก็ถูกหยิบมาพูดถึงบ่อย ๆ บนโต๊ะอาหารเย็น จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อได้จากไปในที่ไกลแสนไกล เรากับแม่ และน้องชาย จึงได้ยกโปรเท์จคนี้ขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มลงมือทำ
คำถามแรกที่ถูกกล่าวถึงคือ เราจะสร้างบ้านใหม่ตรงไหนดีล่ะ เหมือนเทวดาจะเป็นใจ คุณตาบอกให้สร้างบ้านอยู่บนที่ดินเดียวกับบ้านของคุณตา เมื่อได้ที่ดินที่จะสร้างแล้ว เรา 3 คนแม่ลูกจึงเริ่มขั้นตอนต่อไปคือ แบบบ้าน แต่ในระหว่างนั้นเราก็ทำการปรับพื้นที่เตรียมไว้สำหรับสร้างบ้าน โดยการตัดต้นไม้ออกและถมที่
27/06/2015 : เริ่มถมที่ด้วยลูกรัง 36 คันรถ แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับสร้างบ้านขนาด 19x20 เมตร และโรงเก็บของด้านข้างประมาณ 6x9 เมตร ระหว่างรอดินเซตตัว เราก็หาแบบบ้านโดยเริ่มจากโจทย์ที่แม่ให้มาคือ
1. บ้านชั้นเดียวและยกพื้นสูง 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ หน้าต่างเยอะ ๆ และหน้าบ้านอยู่ทิศเหนือ
2. ไม่เอาหลังคาเพิงหมาแหงน
3. พื้นบ้านขอเป็นไม้
4. ใช้ของเก่าที่พ่อกับแม่ซื้อเก็บไว้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ส่วนโจทย์ของลูกทั้ง 2 มีเพียงอย่างเดียวคือ ขอเป็น "ลอฟท์" นะแม่
แม่ : อะไรคือลอฟท์ ??
ลูก : บ้านที่ไม่ทาสี เป็นปูนเปลือยขัดมันทั้งหลัง แล้วก็สายไฟร้อยใส่ท่อเหล็กแบบในโรงงานอุตสาหกรรมหน่ะแม่
แม่ : อ๋อ...บ้านที่เหมือนสร้างไม่เสร็จสักที ส่วนสายไฟพอนึกออกเคยเห็นตอนสมัยแม่ฝึกงานในโรงงานทอผ้า
ลูก : (สุดยอด แม่เราเข้าใจง่ายที่สุด)
แม่ : แต่ขอให้ความรู้สึกว่าเป็นบ้านสวนด้วยนะ
ลูก : (ร้องไห้)
ลูก ๆ สตั้นค่ะ แล้วลอฟท์กับบ้านสวน จะมาผสมกันยังไงหว่า
หลังจากเราสตั้นกับลอฟท์ ที่เป็นบ้านสวนด้วยแล้วนั้น เราจึงเริ่มหาแบบใน Google แต่ก็ไม่ถูกใจเราทั้ง 3 คน จึงตัดสินใจว่าออกแบบเองซะเลย โดยเรารับหน้าที่ออกแบบแปลนบ้านเองแล้วมานำเสนอ ปรับแก้อยู่หลายรอบจนได้แปลนบ้านตามความต้องการของทั้ง 3 คน
เมื่อได้แปลนมา แม่เกิดความมองภาพไม่ออกอีก เราเลยเข้าโปรแกรม Sketchup ทำเป็นภาพ 3D ขึ้นมา ทีแรกเราใช้ไม่เป็นหรอก ก็ได้พี่ที่รู้จักคอยสอนให้จนได้เป็นรูปเป็นร่างออกมา
เมื่อได้แบบบ้านเรียบร้อยแล้ว จึงนำแบบไปให้ช่างตีราคาให้โดยราคาค่าแรงอยู่ที่ 570,000 โดยแบ่งจ่ายเป็นงวด ส่วนค่าของเราเป็นคนสั่งซื้อและจ่ายเงินเอง ช่างที่สร้างบ้านเรานั้นเป็นคนกันเอง ดังนั้น สัญญาใจล้วน ๆ ค่ะ
เนื่องจากเราและน้องชายทำงานใน กทม. และเราเรียนปริญญาโท วันเสาร์-อาทิตย์อีก รูปส่วนใหญ่จะเป็นรูปที่เราถ่ายเองเมื่อมีโอกาสได้กลับมาดู และเป็นรูปที่แม่ถ่ายส่งมาให้ดูบ้าง ขั้นตอนต่าง ๆ อาจจะก้าวกระโดดไปบ้างนะคะ
23/08/2015 : หลังจากรอดินเซทตัวเรียบร้อยแล้ว ทำการปักหมุดสำหรับตอกเสาเข็ม
29/08/2015 : เอาฤกษ์เอาชัย ทำพิธียกเสาเอกกันค่ะ แม่กับทีมช่างมาทำพิธี ส่วนเรากับน้องทำงานอยู่กทม. จึงไม่ได้มา ขออภัยเราหารูปไม่เจอเลยไม่ได้นำมาให้ชมค่ะ
หลังจากนั้นวาร์ปมาเดือน 02/2017 ค่ะ พื้นที่ยังว่างเปล่า ยังไม่ได้ดำเนินการต่อใด ๆ ถั่วเขียวและงาที่โปรยไว้ได้เจริญงอกงามจนเก็บผลผลิตได้ 2 ครั้ง แต่ที่มีเพิ่มขึ้นคือโรงเก็บของด้านขวามือของภาพค่ะ (ที่ทิ้งเวลาให้นานเพราะว่าทีมช่างติดสร้างบ้านคิวก่อนหน้าอยู่ แต่ก็เป็นขอดีของเราที่ดินจะเซตตัวมากขึ้น)
24/03/2016 : ฐานรากเสร็จแล้ว
11/05/2016 : ในที่สุดเราก็ได้คิวช่างสร้างบ้านของเราแล้ว เสาบ้านเริ่มมาแล้ว
13/05/2016 : เริ่มเทพื้นใต้ถุนบ้าน
หลังจากนั้นงานอื่น ๆ ในเดือน 05/2016 ก็ตามมา
พื้นบ้านบางส่วนจะเป็นปูน ได้แก่ ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และส่วนครัวบน
ตรงนี้เป็นส่วนของชานหน้าบ้าน
24/06/2016 : เสาบ้าน คาน และโครงหลังคามาครบแล้ว โครงหลังคาบ้านเราเป็นโครงไม้เต็งทั้งหลัง
26/06/2016 : เริ่มปูหลังคา แม่เลือกเป็นกระเบื้องลอนสีส้มอิฐ
ระหว่างนั้นเราก็ขนย้ายบานหน้าต่างไม้สักกับประตูไม้สักเก่าที่พ่อเคยซื้อเก็บไว้ไปชุบตัวใหม่ที่โรงไม้ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อซื้อบานหน้าต่างไว้เยอะขนาดนี้ ซึ่งเป็นหน้าต่างและประตูจากอาคารเรียนไม้เก่าที่เขารื้อและเตรียมสร้างใหม่เป็นอาคารปูน (ภาพซ้าย : บานหน้าต่างที่ยังมีกลอนและบานพับอยู่ครบ ภาพขวา : บานประตูที่เขาเอาไม้หน้าสามมาตอกไว้เพื่อใช้สำหรับทำเวทีการแสดงของนักเรียน)
18/07/2016 : ปูหลังคาเสร็จแล้ว ผนังบ้านก็มา โดยบ้านเราใช้อิฐบล็อกผสมกับอิฐมอญ
เรามาทัวร์ด้านในกันค่ะ
08/2016 : เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการฉาบขัดมันค่ะ ขัดมันทั้งภายนอกและภายใน แอบสงสารช่างเหมือนกันนะคะ ขัดมันทั้งหลัง คาดว่าขัดเสร็จ ไม่กล้ามเนื้ออักเสบก็กล้ามแขนขึ้นแน่ ๆ เลยค่ะ
09/2016 : เดือนนี้คืบหน้าไปมาก มีทั้งติดบานหน้าต่างและทาสีย้อมไม้หน้าต่าง ทำห้องครัวบนและครัวไทย ทำห้องน้ำ ปูกระเบื้อง ไปชมภาพกันเลยค่ะ
ภาพมุมกว้างของบ้านหลังติดและทาสีหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว
ปูกระเบื้องครัวบน ซึ่งเป็นกระเบื้องที่เหลือจากการปูพื้นที่บ้านหลังเก่า แม่เก็บไว้ดีมาก ๆ และโชคดีมากที่มีเพียงพอสำหรับปูพื้นครัวบนนี้
ส่วนนี้เป็นครัวไทย จากแบบครั้งแรกที่มีขนาด 2x5 เมตร แต่แม่ขอกว้างกว่านี้เลยจัดให้เป็น 4x5 เมตรไปเลย ครัวที่ออกแบบให้แม่เป็นรูปตัว I โดยมี Reference จากใน Google นี่แหละ ส่วนอ่างล้างจานได้แรงบันดาลใจมาจากอ่างล้างจานในโรงครัวของวัด 555+ ส่วนช่องว่าง ๆ ด้านบนนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องคอยชมต่อไปค่ะ ^^
อีกมุมของห้องครัวไทย ประตูนี้ได้มาจากบ้านเก่าของย่า ซึ่งพ่อก็เก็บไว้อีกเช่นกัน จับมาแต่งตัวนิด ๆ หน่อย ๆ สวยเลย ซึ่งเพื่อน ๆ ของเราตั้งชื่อให้ว่า ประตูทวิภพ
อีกภาพหนึ่งเป็นมุมที่มองจากครัวขึ้นไปบนบ้าน บันไดยังไม่มามีแต่เสา
ปูกระเบื้องห้องนอนน้องชายเสร็จ น้องเลือกกระเบื้องลายไม้และผิวสัมผัสให้เหมือนไม้ได้มาจากบุญถาวร ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่ากระเบื้องโก่งทั้ง Lot ที่ซื้อมาเลย ซึ่งก็คงเป็นความผิดของเราเองที่ไม่เช็กคุณภาพของตอนซื้อ และช่างก็ไม่เคยปูกระเบื้องลักษณะนี้มาก่อน ลุงช่างนึกว่าเป็นรูปแบบของกระเบื้อง เมื่อมาตรวจงานก็พบว่าแย่แล้วจะเอาของไปเปลี่ยนก็ไม่ได้ ทำอย่างไรดี แต่เจ้าของห้องนี้เขาบอกว่าไม่เป็นไรคิดซะว่าเราเดินอยู่บนบ้านไม้เก่า ซึ่งเราลองไปดู เฮ้ยมันให้ความรู้นั้นจริง ๆ อย่างน้อยในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอยู่นะ
10/2016 : เดือนนี้งานใหญ่ ๆ จะทำในส่วนของชานหน้าบ้านและปูพื้นบ้าน ในที่สุดบ้านก็มีพื้นสักทีไม่ต้องเดินตรวจบ้านแบบกลัวตกอีกต่อไปแล้ว
ชานบ้านอยากให้สว่างไม่ทึบ จึงเลือกเป็นหลังคาใสโพลีคาร์บอเนตและทำที่นั่งหน้าบ้านทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งมีความสูงไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นไอเดียของน้องชายที่อยากจะมีมุมจิบกาแฟ ที่ให้ความรู้สึกที่ต่างกันไปเมื่ออยู่คนละด้านของชานบ้าน
ชานบ้านปูด้วยกระเบื้องดินเผาที่เรา 3 คนขับรถไปซื้อด้วยตนเองที่ด่านเกวียน ถือซะว่าขับรถเที่ยวไปในตัว
ช่างเริ่มปูพื้นบ้านแล้ว แม่เลือกเป็นไม้แดงแบบที่เป็นไม้พื้นรางลิ้น
ปูพื้นเสร็จแล้ว ประตูก็มา ในที่สุดบ้านก็มีประตูแล้ว
บันไดครัวไทยมาแล้วจ้า กระเบื้องที่เห็นนั้นเป็นไอเดียของช่าง ซึ่งทำออกมาได้ถูกใจเรา 3 คนมาก
12/2016 : เดือนนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของงานตกแต่งในหลายๆ จุดของบ้าน และการทำระบบไฟ ห้องนอนของแม่ เป็นเพียงห้องเดียวของบ้านที่ผนังไม่มีการฉาบขัดมันใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นความต้องการของแม่ และแม่อยากได้ผนังห้องเป็นไม้อัด OSB คนเป็นลูกก็จัดให้อย่างเต็มที่ สีที่ทาจะเป็นสีเขียวมิ้นตามความชอบของแม่ (ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ โดยเฉพาะผู้สนับสนุนหลักของเรา อิอิ)
ห้องน้ำเสร็จแล้ว เราออกแบบให้แยกกันระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้งอย่างชัดเจน ขนาดของห้องน้ำมีความกว้างพอสำหรับรถเข็นที่อาจจะต้องใช้ในอนาคต
สำหรับห้องอเนกประสงค์ เราได้ใช้ปีกไม้มากรุผนัง ตรงนี้เราออกแบบไว้สำหรับวางตู้โชว์และตั้งทีวี (ปีกไม้นี้ย้ายมาจากบ้านเก่า เป็นหนึ่งในของสะสมของพ่ออีกเช่นกัน)
ในขณะที่ช่างเก็บรายละเอียดของงาน ระบบไฟฟ้าภายในบ้านก็เริ่มเข้ามา ซึ่งเราโชคดีมากที่เราได้เพื่อนสมัยเรียนประถมมาช่วยเดินระบบไฟฟ้าให้ โดยเราออกแบบระบบไฟที่เราต้องการไปให้เพื่อน ปรึกษาและปรับแก้ไขนิดหน่อย เพื่อนก็เข้ามาหน้างานลงมือทำ
เนื่องจากบ้านเรามีฝ้า ดังนั้นเราจะใช้ท่อเหล็กแค่ส่วนที่พ้นออกมาจากฝ้า และใช้ท่อ PVC ในส่วนที่อยู่เหนือฝ้า เราใช้กระดาษ post it ในการบอกตำแหน่งของปลั๊กและสวิตช์ไฟ เพราะเราทำงานอยู่กทม. จึงไม่สามารถมาดูหน้างานได้ทุกวัน ซึ่งมันก็เป็นวิธีที่ใช้ได้ดีเลยทีเดียว (ถ้ากระดาษไม่ปลิวหลุดนะ 55+)
01/2017 : เวลาก็ล่วงเลยขึ้นปีใหม่ เดือนนี้เป็นเหมือนกับเดือนตกแต่งภายในมีทั้ง เหล็กดัด กระจกหน้าต่าง ฝ้า มุ้งลวด และงานติดตั้งโคมไฟ ในส่วนของงานเหล็กดัด เราอยากได้แบบเหล็กดัดโบราณ แต่ไม่ผ่านการอนุมัติจากแม่ เพราะแม่มีความทรงจำในวัยเด็กที่ถูกคุณยายให้เช็ดลูกกรงเป็นประจำ เราเลยเสนอว่าอยากได้เหล็กดัดลายดอกพิกุลเพื่อที่จะให้บ้านดูอ่อนลง แต่น้องชายไม่อยากได้ และเสนอว่าเฉพาะห้องของเขาขอแบบที่ไม่มีลายดอกพิกุลแล้วกัน เราจึงออกแบบเหล็กดัดเองซะเลย บ้านเรามีหน้าต่าง 2 ขนาด จึงต้องออกแบบให้ต่างกันตามขนาดของหน้าต่าง
พอได้แบบเหล็กดัดที่ต้องการแล้ว จึงส่งแบบให้กับร้านเหล็กดัดทำขั้นตอนต่อไป จากนั้นงานฝ้าและกระจกหน้าต่างก็เริ่มเข้ามาทำงาน โดยเราเลือกเป็นแบบฝ้าเรียบและให้ดรอปลงมาน้อยที่สุดเพื่อให้บ้านโปร่งสบาย ตอนนี้บ้านจึงมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.90 เมตร ส่วนกระจกเราเลือกเป็นกระจกโบราณลายดอกพิกุล เลือกสี 3 สีที่สดใส แต่ตอนช่างมาติด เราไม่ได้อยู่คุมงาน การติดกระจกจึงเป็นไปตามที่ใจช่าง
ระหว่างเราเดินตรวจงานฝ้าซึ่งเป็นเวลาบ่าย แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกสีทำให้เกิดแสงตกกระทบกับผนังปูนขัดมัน มันก็สวยไปอีกแบบนะ
แม่ : ตะแกรงเหล็กฉีกคืออะไร
น้อง : (น้องก็อธิบายให้แม่ฟังเป็นวิชาการเชียว)
แม่ : (ทำหน้างง ๆ)
น้อง : เหมือนโครงเหล็กที่เอาไว้แขวนโคมไฟโชว์ในโฮมโปรไงแม่หรือไม่ก็ตามร้านกาแฟ (พูดพร้อมเปิด Google ให้แม่ดู)
แม่ : ถ้าอยากได้ก็ลองทำดู
จากนั้นน้องก็ไปหาแบบที่อยากได้แล้วส่งมาให้เราช่วยออกแบบให้อีกทีเพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
เมื่อถึงวันประกอบติดตั้ง เห็นครั้งแรกแล้วแบบ โอ้โห...ใหญ่โตแท้
และแล้วเราก็พบปัญหา...เหล็กกล่องที่ทำมามีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างเรากับช่าง แต่ถ้าจะกลับไปทำใหม่มันก็เสียเงินเพิ่มและเสียเวลาไปอีกเราจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันต่อไป...เนื่องจากฝ้าเหล็กมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากและถ้าให้แขวนแบบฝ้าเรียบปกติคงจะไม่ได้ ช่างจึงใช้วิธีนำราวเหล็กมาพาดกับคานเพื่อช่วยถ่ายน้ำหนักอีกแรง และแขวนฝ้าทั้งหมดด้วยสลิง
นี่คือทีมช่างทั้งหมดที่มาติดฝ้าในวันนี้
และนี่คือฝ้าเหล็กฉีกที่ติดเสร็จแล้ว เจ้าของห้องปลื้มมากทีเดียว
จากภาพจะเห็นว่าเราแก้ปัญหาของกล่องเหล็กที่มีขนาดหนาเกินไปด้วยการวางสลับขึ้นลงเพื่อสร้างมิติ (คิดไปเอง 55+) หลาย ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านถึงตรงนี้คงเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วไม่ร้อนเหรอ ฝุ่นจะเกาะไหม ทำความสะอาดยังไง แล้วถ้ามีเพื่อนที่ไม่ได้รับเชิญ เช่น จิ้งจก หนู งู ล่ะจะทำอย่างไร คำถามเหล่านี้ เรากับแม่ได้ถามน้องมาหมดแล้วค่ะ 555+ แต่น้องยืนยันความต้องการของตัวเอง เราก็ต้องตามใจผู้อยู่ค่ะ แต่ที่เราพิสูจน์ได้หลังจากติดตั้งไปแล้วคือ 1. ห้องนี้ไม่ร้อนอย่างที่คิด และ 2. บ้านอยู่ในสวนห่างไกลถนนพอควรปริมาณฝุ่นที่เกาะจึงไม่เกิดขึ้นเร็วค่ะ
งานฝ้าเสร็จหมดแล้ว มุ้งลวดก็ตามมา เราเลือกสีมุ้งลวดเป็นสีชาเพื่อให้เข้ากับวงกบมากที่สุด และในขณะเดียวกัน ช่างไฟฟ้าก็เข้ามาติดตั้งโคมไฟตามจุดต่าง ๆ โคมไฟของบ้านหลังนี้มีทั้งที่ซื้อและทำเองซึ่งเราก็ได้ไอเดียมาจากของที่อยู่ในบ้านเก่า
โคมไฟผนังนี้ได้จากโฮมโปร และโคมไฟแขวนได้จากงานบ้านและสวน
นอกจากโคมไฟต่าง ๆ แล้ว เราติดดาวน์ไลท์ในห้องนอนของแม่และของเรา รวมถึงโถงทางเดินของบ้าน
โคมไฟนี้อยู่ในครัว เราทำเองกับแม่ เพื่อน ๆ พอจะมองออกไหมคะว่ามันทำมาจากอะไร เฉลยเลยแล้วกัน มันทำมาจากกาละมังที่ใช้ล้างผักเวลาทำครัวนี่แหละค่ะ ไอเดียนี้เป็นของแม่ล้วน ๆ เลย
เรากำลังคิดว่าโคมไฟหน้าบ้านจะใช้โคมแบบไหนดี แล้วแม่นี่แหละเป็นผู้ให้คำตอบ แม่ใช้กาละมังที่มีขนาดใหญ่กว่าในครัวเจาะรู ต่อขั้วหลอดไฟเอง แล้วให้ช่างไฟช่วยติดให้เหมือนเดิม
โคมไฟห้องเราเองค่ะ นอกจากติดดาวไลท์แล้ว เราขอแม่ติดโคมไฟกลางห้อง ซึ่งโคมไฟนี้ทำมาจากไหมพรม แล้วให้แม่ช่วยต่อขั้วใส่หลอดไฟให้ (เราต่อไฟไม่เป็น แหะๆ)
โคมไฟห้องน้องค่ะ ได้มาจากงานบ้านและสวน ห้องนี้คงเป็นห้องที่สไตล์ลอฟท์มากที่สุดของบ้านแล้ว
ส่วนห้องอเนกประสงค์ เราอยากได้ไฟที่แตกต่างไปจากห้องอื่นๆ มีอยู่วันหนึ่งก็เล่น Facebook ตามปกติแล้วมีเพื่อนแชร์ไอเดียโคมไฟที่ทำจากท่อนไม้ เราก็ปิ๊งไอเดียทันที แต่พอทำออกมาได้แบบนี้แทนค่ะ คนละเรื่องกันเลยใช่ไหมคะ 555+ เราไปเดินสำรวจหมอนรถไฟแล้วเราก็พบว่ามันแพง ถ้าจะทำเทียมแม่ก็ไม่ให้งบ หันไปหันมา ไปเจอท่อนไม้นี้กองอยู่เฉย ๆ แบบรอวันย่อยสลาย เราเห็นแล้ว นี่แหละโคมไฟของฉัน เราไปชมโคมไฟนอกบ้านกันบ้างค่ะ
นี่เป็นส่วนหนึ่งของโคมไฟตะเกียงหน้าบ้าน มีทั้งหมด 4 อัน เรากับแม่ดัดแปลงมาจากตะเกียงโบราณที่พ่อได้ซื้อสะสมไว้ เอามาพ้นสีดำและสีทอง เอาโป๊ะแก้วออกและต่อขั้วหลอดไฟใส่เข้าไป ส่วนแป้นก็ใช้กิ่งไม้สักที่หล่นอยู่ในสวนมาลอกเปลือก ขัดด้วยกระดาษทรายแล้วทาสีเคลือบ
โคมไฟรอบบ้าน ตรงจุดนี้คือหน้าบ้านตั้งใจให้เป็นไฟรอบบ้านและเป็นไฟส่องเลขที่บ้านไปในตัว
ภาพโคมไฟซูมใกล้ๆ จะเห็นว่ามันหาซื้อไม่ได้จากที่ไหน เพราะมันคือโคมไฟตั้งโต๊ะสมัยพ่อยังเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครู เอาไว้ใช้อ่านหนังสือ เรากับแม่ไม่อยากทิ้งและถ้าตั้งไว้มันก็เฉยๆ จับมาเป็นโคมไฟแบบนี้ก็เท่ไปอีกแบบ
อีกฝั่งของทางหน้าบ้าน ก็เป็นโคมไฟของพ่ออีกเช่นกัน
ส่วนนี้เป็นโคมไฟข้างบ้าน ทำจากกระป๋องนมตราหมีสมัยเรายังเป็นเด็กน้อย ปัจจุบันเห็นตามร้านขายของเก่าแถวบ้านตกใบละ 180 บาท โห !! รีบกลับไปนับที่บ้านเลยว่าตัวเองมีกี่ใบ 555+ เหมือนเดิมค่ะ จับมาเจาะรู ต่อขั้วหลอดไฟ (โดยแม่อีกเช่นเดิม) กิ่งไม้สักหาได้ในสวน ขัด ทาสี และให้ช่างช่วยติดให้
ตรงนี้เป็นส่วนหลังบ้านตรงครัวค่ะ โคมไฟตรงนี้สนองความต้องการของตัวเองล้วน ๆ ค่ะ 555 ตะเกียงเจ้าพายุนี้พ่อกับแม่หวงมาก ๆ ขอแม่ตั้งหลายรอบกว่าแม่จะยก (อันที่แย่ที่สุด) ให้มาทำ
ซูมดูใกล้ ๆ ตะเกียงได้มาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แค่พ่นสีใหม่ที่จานเพียงอย่างเดียว
พื้นที่หลังบ้านเราเลือกติดสปอร์ตไลท์ เพราะหลังบ้านเป็นสวนที่ต้นไม้เยอะ เราจึงต้องการแสงในมุมกว้างและในอนาคตอาจจะทำเป็นที่ใช้สำหรับปาร์ตี้เมื่อเพื่อนมาได้
05/2017 : ช่วงเดือนนี้เป็นคิวของงานตกแต่งและแก้ไขเพิ่มเติมทั้งสิ้น ซึ่งแม่เราก็ได้กำหนดวันขึ้นบ้านใหม่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาเหล็กดัดก็มาติดเรียบร้อย พร้อมกับผนังห้องของเราที่กรุไม้เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เราชอบมาก ๆ ไม่คิดว่ากิ่งไม้สักที่วางอยู่ในสวนเฉย ๆ จะมีลายไม้ที่สวยขนาดนี้
ประตูครัวก็ตามมา ประตูนี้ได้ไอเดียมาจากต่างประเทศเช่นกัน โดยเราสั่งทำกับร้านแถวบ้าน ขนาด 90x100 เซนติเมตร และเป็นไม้สัก เมื่อได้บานประตูมาแล้วก็ยกไปให้ร้านทำเหล็กดัด ช่วยใส่กรอบเหล็กและทำรางเลื่อนเหล็กแบบโบราณให้ ซึ่งทางร้านเกือบจะไม่รับทำแล้วแต่ด้วยความที่เฮียเจ้าของร้านคุ้นเคยกับแม่เป็นอย่างดี เฮียจึงยอมทำให้
มาต่อกันที่ครัวค่ะ หลังจากช่างไปทำบ้านอื่นมาหลายเดือน ช่างก็มาติดลูกกรงครัวให้ค่ะซึ่งใช้กิ่งไม้สักมาทำ รูปจากด้านใน (ยังไม่ได้ทาน้ำยาย้อมไม้นะคะ)
เมื่อมองจากด้านนอก (ยังไม่ได้ทาน้ำยาย้อมไม้นะคะ)
แล้วเราก็คุยกับน้องว่าเราไม่ถูกใจเคาน์เตอร์ในห้องน้ำที่ทำออกมาเลย เลยตัดสินใจว่าเปลี่ยนเถอะ เราจึงบอกช่างให้แก้ไขเพิ่มเติม
และเหมือนบ้านที่จะเสร็จแล้ว...ไม่ค่ะ มันยังไม่จบค่ะ ส่วนของบันไดที่จะลงไปยังครัวไทยที่ทำไว้คือไม่มีราวบันได แม่มีความกลัวว่าตื่นเช้าลงมาทำครัวแบบง่วง ๆ แล้วกลัวตกบันได จึงให้ช่างทำราวบันไดเพิ่มโดยใช้กิ่งไม้สักอีกเช่นเดิม
ทำออกมาสวยถูกใจแม่ยิ่งนัก ส่วนลูก ๆ บอกได้คำเดียวว่าเท่สุด ๆ ส่วนไม้พื้นบันไดได้มีการให้ช่างขัดพื้นไม้บนบ้าน มาช่วยขัดและทาสีย้อมไม้ใหม่ สวยถูกใจแม่เขาล่ะ (ลืมบอกไปว่า ไม้พื้นบันไดทำจากไม้สะเดา ที่แม่เคยตัดเก็บไว้เป็น 10 ปี เพิ่งมีโอกาสได้นำมาใช้ก็งานนี้แหละ)
06-08/2017 : ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่ตัวบ้านเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่งานรอบบ้านและงานจัดสวน โดยที่เรา น้องชาย และแม่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่อย่างถาวร ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงเคลียร์สิ่งของที่เหลือจากการก่อสร้าง และเตรียมงานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งแม่ได้กำหนดไว้เป็นวันที่ 13/08/2017 ซึ่งเป็นฤกษ์สะดวกและตรงกับวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่
คืนก่อนวันงานขึ้นบ้านใหม่ 1 วัน ป้ายเลขที่บ้านก็เสร็จสมบูรณ์และนำมาติดไว้ในจุดที่เหมาะสมที่สุด (ภาพนี้ถ่ายตอนหลังติดป้ายเสร็จ ขออภัยที่มีเต้นมาบังนะคะ)
ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ป้ายเลขที่บ้านนี้ได้ไอเดียมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศเช่นกัน และก็ต้องขอขอบคุณวิธีทำจากกระทู้จาก Pantip นี้ค่ะ
13/08/2017 : วันทำบุญขึ้นบ้านใหม่
ประธานของงานวันนี้ คุณตาผู้ใจดีและเป็นที่เคารพรักของลูกหลาน
ณ ตอนนี้บ้านก็ยังคงตกแต่งไปเรื่อย ๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์จากบ้านเดิมซึ่ง 90% เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหมด หากเพื่อน ๆ สนใจและต้องการจะรับชม สามารถแจ้งในช่องความคิดเห็นได้เลยนะคะ หากตกแต่งได้เป็นที่พอใจแล้วจะนำมาให้ชมกันอีกค่ะ
สุดท้ายนี้ เรารู้สึกดีใจมากที่บ้านหลังนี้สร้างสำเร็จลงได้ บ้านมีความสวยงามตามต้องการเกือบทุกอย่าง ซึ่งมันก็คงจะเรียกว่า ลอฟท์บ้านสวนได้ละมั้ง (งานมโน 555+) แต่การสร้างบ้านหลังนี้ทำให้เราได้รับบทเรียนชีวิตต่างๆ มากมาย การทำงานไปด้วย เรียนปริญญาโทด้วย และยังสร้างบ้านไปด้วยนี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยสำหรับการบริหารจัดการชีวิต แต่มันก็ทำให้เราได้โตขึ้นเป็นอย่างมากในเรื่องของการคิด การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และที่สำคัญทำให้เรา 3 คนแม่ลูกได้พบหน้ากันบ่อยขึ้น (เพราะต้องกลับมาดูบ้านทุกสัปดาห์) และสำคัญสุด ๆ บ้านนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ได้โดยไม่ได้เป็นหนี้แม้แต่บาทเดียว ขอบคุณนะคะพ่อ...
ป.ล. 1 จำนวนเงินที่ใช้ในการสร้างบ้านครั้งนี้อยู่ที่ 2,239,000 บาท (โดยใช้วิธีปัดเศษขึ้น) แบ่งเป็น
1. เตรียมพื้นที่ (ถมที่ + โรงเก็บของ) 174,000 บาท
2. ก่อสร้าง (ค่าของ + ค่าแรง) 1,634,000 บาท
3. ตกแต่งภายใน 300,000 บาท
4. จิปาถะ 21,000 บาท
5. ระบบไฟ 110,000 บาท
รวม 2,239,000 บาท
ป.ล. 2 สำหรับงานสวน เราตกลงกันว่าจะช่วยกันทำ อาศัยวันเสาร์-อาทิตย์นี่แหละค่ะค่อย ๆ ทำไป ถ้าเราจัดเสร็จเมื่อไหร่จะนำมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้รับชมกันอีกนะคะ
สำหรับโอกาสนี้ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมการรีวิวของเรานะคะ สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ลิงน้อย ณ อัมพวา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม