ในช่วงที่ลมหนาวเริ่มพัดผ่านไป ประเทศไทยก็จะถูกแทนที่ด้วยฤดูร้อน และเมื่อฤดูร้อนมาถึง สิ่งที่คนเรามักจะคิดถึงเป็นอันดับต้นๆ เลยก็คือการเที่ยวทะเล แต่ครั้นจะให้ไปแค่หัวหิน หรือพัทยา ผมว่ามันคลิเช่เกินไป บอกตรงๆเลยครับว่าเบื่อ เบื่อมากกกก ชีวิตต้องการอะไรที่มากกว่านี้ ผมว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนผมอยู่แหละ ถ้างั้น ผมจะลองพาไปดูที่ใหม่ๆ ที่สามารถปลุกไฟของการเป็นนักเดินทางได้ แล้วจะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ
1. หาดม้าน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ผมเพิ่งไปมาเลยครับ สดๆ ร้อนๆ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อหาดม้าน้ำมาก่อน แน่นอนครับ ผมก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองครับ เพราะว่าหาดม้าน้ำเป็นหาดลับ ที่ซ่อนตัวอยู่ในฐานทัพเรือสัตหีบ แต่ดีมากในเรื่องของความเงียบสงบ และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชอบกางเต็นท์ครับ ซึ่งผมก็แน่นอน เพราะผมก็เพิ่งไปกางเต็นท์มาเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง แล้วนอกจากจะเป็นจุดกางเต็นท์แล้ว ยังเป็นแหล่งธรรมชาติทางน้ำที่อุดมสมบูรณ์อีกแหล่งนึงเลย จึงไม่แปลกครับที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปตกหมึก ตกปลาด้วยอย่างมากมาย และนอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวแหลมปู่เจ้า และศาลกรมหลวงชุมพรฯ ที่ตั้งอยู่บนเขาให้ได้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคลกันอีกด้วย
2. เขาแหลมหญ้า อ.เมือง จ.ระยอง
ไกลจากสัตหีบมาอีกนิดหน่อย เราจะพบกับเขาแหลมหญ้า แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอีกแห่งที่นับว่าโดนใจวัยรุ่นสายฮิปส์เตอร์ที่สุดในยุคนี้ ด้วยเพราะว่าเขาแหลมหญ้านั้น มีทั้งน้ำทะเลที่ใสสะอาดมาก หาดทรายที่เนียนตา และหาดหินที่เรียงรายสวยงาม การันตีด้วยทริปถ่ายภาพที่มีมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะพรีเวดดิ้ง ผมเห็นไปถ่ายกันเต็มเลย อีกทั้งยังมีวิวจากบนเขา ที่มองลงมาเห็นทั่วทั้งหาดในบริเวณเขาแหลมหญ้าอีกด้วยครับ นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบทั้งทะเล ทั้งเขาเลยครับ
3. เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา
ใครจะคิดล่ะครับว่าเมืองไทยจะมีทุ่งหญ้าสะวันนาอยู่ แล้วดันเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาที่อยู่ในทะเลใต้ซะด้วย ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึงเกาะพระทอง เกาะที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดพังงา และอันดับ 5 ของประเทศไทย ซึ่งเกาะพระทองนี้ เกิดขึ้นมาจากการทับถมกันของเศษซากปะการังมานานหลายล้านปี ด้านตะวันออกสมบูรณ์ด้วยแนวป่าโกงกาง ด้านตะวันตกเป็นหาดทราย ส่วนบริเวณกลางเกาะเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นเสม็ดขาวขึ้นกระจายอย่างงดงาม เกาะพระทองเป็นเกาะที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก บนเกาะมีทั้งชายหาด ป่าชายหาด ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าเสม็ด ทุ่งหญ้า ไม้พุ่ม พืชสังคมทดแทน กล้วยไม้หายาก เรียกได้ว่าเที่ยวเกาะเดียว ได้ครบทุกบรรยากาศเลยครับ
4. เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา
หากอยากสัมผัสกับวิถีชีวิตแบบชาวประมงอย่างแท้จริง เกาะยาวใหญ่ก็ดูจะเป็นคำตอบที่ดีครับ เพราะที่นี่จะมีการชมจุดเพาะเลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลาด้วย อีกทั้งยังได้สัมผัสกับชีวิตของชาวไทยมุสลิม พร้อมพักโฮมสเตย์เก๋ๆ อีกด้วย รวมทั้งยังมีกิจกรรมการพายเรือคายัคชมป่าโกงกางยักษ์อีกด้วย และในเกาะยาวใหญ่นี้ ยังมีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์มากๆ สามารถชมพืชพรรณไม้ที่อุดมสมบูรณ์เขียวขจีได้ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางถึง 4 กม. ได้อีกด้วย จัดเต็มขนาดนี้นี่ผมบอกเลยครับว่ายาวใหญ่ใส่ไม่อั้นจริงๆ
�
5. เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
หากจะพูดถึงใต้สุดแห่งอันดามันแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นเกาะหลีเป๊ะหรอกครับ ซึ่งเกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะกลางทะเลอยู่ในเขตจังหวัดสตูล อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง ห่างจากแผ่นดินของจังหวัดสตูล 85 กิโลเมตร นอกเขตอำนาจการควบคุมของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาในจังหวัดสตูล เป็นชายหาดบนเกาะที่อุดมไปด้วยท้องทะเลที่สดใสสะอาด สวยงาม เป็นเกาะที่เงียบสงบ และมีน้ำที่ตื้นเขิน จุดเด่นของทางเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรายล้อมรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มนวลขาวเหมือนแป้ง เกาะหลีเป๊ะ มีชายหาดที่สำคัญ ๆ อยู่ 4 หาด ได้แก่ หาดพัทยาซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปมากที่สุด,หาดซันไรส์อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะหลีเป๊ะ ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านชาวเล,หาดคาร์มาอยู่ทางตอนเหนือ ซึ่งหันหน้าเข้ากับเกาะอาดัง และหาดซันเซ็ทอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งหันหน้าเข้ารับแสงของพระอาทิตย์ตกดิน ตามชื่อของหาด ซึ่งเกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่มีความกว้างระหว่างหัวเกาะไปถึงท้ายเกาะประมาณ 3 กิโลเมตร จัดเป็นเกาะขนาดเล็ก ถือเป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายทางตอนใต้ของทะเลอันดามันของไทย เนื่องจากพื้นที่ถัดไปคือทะเลสากลที่เชื่อมกับทะเลของประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย
6. เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
กลับมาที่ทะเลฝั่งตะวันออกกันอีกครั้งครับ ครั้งนี้เรากลับมาที่สัตหีบกันอีกครั้ง แต่เป็นบนเกาะครับ และแน่นอนว่าต้องเป็นเกาะที่ชื่อดังที่สุดในสัตหีบด้วยซึ่งก็คือเกาะแสมสารนั่นเองครับ เกาะแสมสารเป็น 1 ใน 9 เกาะ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพฯ (รู้จักกันในนามของ อพ.สธ. ) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมด จึงเปิดให้เกาะนี้เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตาม แนวทางของสมเด็จพระเทพฯ ที่ว่าอยากให้เยาวชนได้ศึกษาธรรมชาติ โดยใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด นอกจากนั้นแล้วยังเป็นการปลูกจิตสำนึกใน การอนุรักษ์ ธรรมชาติให้กับเยาวชน เพื่อให้ มีใจในการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง เป็นเกาะที่สามารถเที่ยวได้แบบไปเช้าไปเย็นกลับมีกิจกรรม ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือคายัค ดำน้ำดูปะการังโดยมีจุดดำน้ำ 2 จุด หรือใครไม่อยากลงน้ำก็มีเรือท้องแบน แบบกระจก ก็จะหมุนเวียนตามคิว พาเราไป ชมประการัง และปั่นจักรยานชมเส้นทางธรรมชาติครับ
7. เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด
เกาะกูด เกาะสุดท้าย สุดขอบตะวันออกของไทย มีหาดทรายขาวสะอาดสวยงาม เต็มไปด้วยดงมะพร้าวเรียงรายอยู่ด้านตะวันตก เช่น อ่าวคลองยายกี๋ (มีน้ำตก 1 แห่ง) อ่าวตะเภา อ่าวคลองเจ้า (มีคลองและป่าชายเลนสมบูรณ์) อ่าวง่ามโข่ อ่าวคลองหิน พื้นที่ส่วน ใหญ่เป็นป่าเขา เชิงเขามีสวนมะพร้าวและป่าชายเลน หาดส่วนใหญ่อยู่ทางด้านตะวันตก หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด มีคลองเจ้าเป็นธารน้ำสายสำคัญหล่อเลี้ยงชีวิตบนเกาะ ซึ่งมีป่าชายเลนที่สวยงาม และสมบูรณ์มากครับ
8. เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง
เกาะพยามอยู่ฝั่งทะเลอันดามัน จ.ระนอง เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากเกาะช้าง(ระนอง) อยู่ห่างเกาะช้างมาทางใต้ 4 กิโลเมตร ตอนกลาง ของเกาะพื้นที่เป็นภูเขามีป่าไม้และสัตว์ป่าประเภทนก ลิงและหมูป่า พื้นที่บางส่วนถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวน ชาวบ้านบนเกาะมี อาชีพทำสวนมะพร้าว สวนยางและสวนกาหยูลักษณะทางภูมิศาสตร์ รอบๆ ชายฝั่งเป็นอ่าวสลับกับโขดหิน บริเวณตอนกลางของอ่าว เป็นหาด เกาะพยามเป็นแหล่งปลูก มะม่วงหิมพานต์ หรือกาหยู ที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัด บนเกาะมีพื้นที่ประมาณ 35 ตารางกิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะสมเดินทางมาเที่ยวที่หมู่เกาะพยามคือ เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม
9. เกาะสุรินทร์ อ.คุระบุรี จ.พังงา
หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องของความสวยงามใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นปะการังนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีปลาทะเลที่สวยงามมากมาย นอกจากนี้ หมู่เกาะสุรินทร์ ยังมีทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก โดยมากประกอบด้วย ป่าใหญ่ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบที่ขึ้นอยู่ทั่วเขา ประเภทที่ 2 คือ ป่าชายหาด ประเภทที่ 3 คือ ป่าชายเลน ซึ่งหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสถานที่ดำน้ำตื้นที่สวยที่สุดก็ว่าได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมมากมาย ใครที่แวะกันมาที่ หมู่เกาะสุรินทร์ จะต้องมีกลับมารอบสองแน่นอน
10. เกาะโลซิน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเกาะโลซินมาก่อน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่เชื่อเถอะครับ ว่าเมื่อหลายคนได้อ่านแล้วจะต้องอยากไปแน่ๆ เพราะเกาะโลซินแห่งนี้ ถือเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของนักดำน้ำเลยก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่นักดำน้ำทุกคนใฝ่ฝันจะมาสักครั้ง รวมถึงผมด้วย (จะไปเรียนดำน้ำเพราะเกาะโลซินอยู่แล้วเนี่ย) เกาะโลซินแห่งนี้ อยู่ในจังหวัดปัตตานี เป็นเพียงกองหินเล็กๆ ที่โผล่พ้นน้ำมาแค่ไม่เกิน 100 ตร.ม. แต่กลับสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไทยมากมาย ด้วยทำให้ไทยได้รับสิทธิ์สัมปทานแก๊สธรรมชาติกลางทะเลกว่า 7,000 ตร.กม. และด้วยความที่เป็นเกาะกลางทะเลที่ห่างไกลจากแผ่นดินมากถึง 72 กิโลเมตร จึงไม่มีผู้คนมารบกวนมากนัก นอกจากชาวประมง และนักดำน้ำ จึงทำให้ที่เป็นแหล่งปะการังเขากวางที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย และที่นี่เรายังจะได้พบกับฉลามวาฬ และปลาโรนัน ซึ่งเป็นปลาที่หายากที่สุดในท้องทะเลไทยอีกด้วย นับว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุด และนักดำน้ำทุกคนใฝ่ฝันจะมาจริงๆ ครับ
แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในประเทศไทย ยังมีอีกเยอะแยะมากมายนอกจากที่ได้นำเสนอไป และยังมีที่แปลกๆ ใหม่ๆ ที่ยังรอคอยการนำเสนอ การไปเยือนของนักท่องเที่ยวอยู่อีกมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวทางทะเลก็คือ เราที่เป็นนักท่องเที่ยว ต้องอย่าลืมรักษาสภาพแวดล้อม เก็บขยะ ไม่ทิ้งขยะลงทะเล หรือชายหาด เพื่อให้ทะเลสวยๆ สะอาดๆ และสัตว์น้ำที่เหลือน้อยยังคงอยู่กับเราต่อไปครับ