ที่พักท่องเที่ยว

เมื่อถึงเทศกาลกินเจแล้ว หลายๆคนในกรุงเทพ อาจจะมีแค่ไม่กี่ตัวเลือก ที่นึกออก และส่วนใหญ่คงจะไปเยาวราชกัน แต่สำหรับเรา เยาวราชไม่ใช่ตัวเลือกแรกแน่นอน เรามองข้ามช็อตไปแล้ว เพราะเรากำลังจะพูดถึงชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของเยาวราชอีกที แต่จริงๆ ก็เรียกว่าด้านหลังไม่ได้ซะทีเดียวนะ เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเยาวราช กับบางรักครับ น่าจะนึกออกกันแล้วแหละ ใช่ครับ ตลาดน้อยครับ

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

เมื่อตลาดน้อยไม่ได้น้อยอีกต่อไป...แต่มากด้วยของกิน และไลฟ์สไตล์

     เมื่อถึงเทศกาลกินเจแล้ว หลายๆคนในกรุงเทพ อาจจะมีแค่ไม่กี่ตัวเลือก ที่นึกออก และส่วนใหญ่คงจะไปเยาวราชกัน แต่สำหรับเรา เยาวราชไม่ใช่ตัวเลือกแรกแน่นอน เรามองข้ามช็อตไปแล้ว เพราะเรากำลังจะพูดถึงชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของเยาวราชอีกที แต่จริงๆ ก็เรียกว่าด้านหลังไม่ได้ซะทีเดียวนะ เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเยาวราช กับบางรักครับ น่าจะนึกออกกันแล้วแหละ ใช่ครับ ตลาดน้อยครับ

 

     ตลาดน้อย คือชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ตามแนวถนนเจริญกรุง ตั้งแต่ช่วงถนนสี่พระยา ไปจนถึงถนนทรงวาด เป็นชุมชนจีนที่เก่าแก่มากๆ แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ชาวต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยวในบริเวณตลาดน้อยกันมาก เพราะตลาดน้อยคือพื้นที่ที่มีความคลาสสิคในสไตล์จีนโบราณดั้งเดิม ที่หาพบได้ยากมากในปัจจุบัน ซึ่งแม้แต่เยาวราชเองก็ไม่สามารถรักษาความคลาสสิคได้เท่าตลาดน้อยเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งนอกจากตลาดน้อยจะโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ อีกแห่งหนึ่งในเทศกาลกินเจนี้ ที่ชาวไทยเชื้อสายจีน ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ไปจนอาม่า และอาแปะ ต่างก็มาที่นี่กันจากทั่วสารทิศ และหนึ่งในนั้นก็คือผมเอง

 

     เราเป็น "เด็กตลาดน้อย" มาก่อน เคยใช้ชีวิตในวัยรุ่น ตั้งแต่บวชเณร ไปจนเรียนมัธยมแถวๆ ตลาดน้อย เรียกได้ว่าเราก็ผูกพันกับตลาดน้อยมาพอสมควรเลยล่ะครับ กินเจ หรืออะไร ตลอด 20 กว่าปี เราก็ตลาดน้อยนี่แหละครับ ว่าแล้วเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เราก็รีบเก็บกระเป๋า แล้วบึ่งสู่ตลาดน้อยในทันทีเลยครับ !! ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย แล้วพวกคุณล่ะ พร้อมที่จะตามเราไปรึยัง ถ้าพร้อมแล้ว มาเลยครับ แล้วพวกคุณจะรู้ ว่าที่นี่อ่ะ มากกว่าคำว่าชุมชนซะอีก

 

     ทางเข้าสู่ตลาดน้อย สามารถเข้าได้หลากหลายเส้นทาง ด้วยวิธีการเดินครับ แต่จะมีทางเข้าหลักๆ อยู่ 2 ทางครับ คือจากเยาวราช และจากสี่พระยา (ซึ่งตอนเราไป เราไปทางสี่พระยา) ซึ่งเราจะไม่แนะนำให้นำรถส่วนตัวไป โดยเด็ดขาดครับ เพราะที่จอดรถหายากมาก และแทบไม่มีเลย แต่เดี๋ยวเราไปดูแผนที่กันดีกว่า เดี๋ยวจะอธิบายการเดินเข้าตลาดน้อยให้นะ อย่างละเอียดเลย

 

►มาจากเยาวราช (เดินเพียง 700 เมตร ประมาณ 10 นาที)

     ถ้ามาจากเยาวราช จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด ก็คือบริเวณวงเวียนโอเดียน เพราะวงเวียนโอเดียน คือจุดศูนย์รวม ที่มาได้จากทุกเส้นทางจากฝั่งเยาวราช ทั้งจากคลองถม เยาวราช หรือจากหัวลำโพง โดยเราสามารถเริ่มเดินจากวงเวียนโอเดียน เข้าสู่ถนนตรีมิตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทรงวาด แล้วเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าซอยภาณุรังษี ก็จะพบกับตลาดน้อยแล้วครับ

 

►มาจากสี่พระยา (เดินเพียง 500 เมตร ประมาณ 10 นาที)

     ถ้ามาจากสี่พระยา ให้คุณเดินตรงไปตามซอยเจริญกรุง 24 ผ่านศูนย์การค้า River City ได้เลยครับ เมื่อผ่านมาแล้ว เราจะพบกับโรงเรียนกุหลาบวิทยา (โรงเรียนเรา อิอิ) ให้เดินตรงผ่านโรงเรียนไปได้เลยครับ แล้วเราจะพบกับซอยวานิช 2 ก็จะพบกับตลาดน้อยแล้วครับ สำหรับสี่พระยา จะเป็นเส้นทางที่สะดวกมาก สำหรับผู้ที่มาจากบางรับ หรือข้ามมาจากฝั่งธนฯ ด้วยเรือข้ามฟากสี่พระยา หรือถ้าคุณเดินทางมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้คุณนั่งรถเมล์สาย ปอ. 36 มาได้เลยครับ เพราะจะมาสิ้นสุดที่สี่พระยาได้พอดีเช่นกันครับ

     และในเมื่อเราทราบวิธีการเดินทางแล้ว เราไปเที่ยวตลาดน้อยกันเลยดีกว่าครับ

     จริงๆ แล้วเราเดินมาจากทางสี่พระยา เข้ามาทางซอยวานิช 2 นะ แต่เราเริ่มเดินจริงๆ จากทางฝั่งซอยภาณุรังษี (เหมือนกับว่ามาจากทางฝั่งเยาวราชเลย) ว่าแล้วเราเริ่มเดินเที่ยวตลาดน้อยกันเลยดีกว่าครับ

 

     เมื่อเราเริ่มเดินเข้ามา เราจะพบกับร้านเกี๊ยวทอดเจเป็นร้านแรก ซึ่งร้านนี้จะเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิม ที่อยู่คู่เทศกาลกินเจมาหลายปีมากๆ อร่อยครับ อร่อยมาก เจ้านี้เราคอนเฟิร์มเลย และที่สำคัญ เขาขายเฉพาะช่วงเวลาเทศกาลกินเจเท่านั้นนะครับ นอกเทศกาลไป ไม่เจอแน่นอน

 

     แต่นี่มันก็เวลาเย็นมากๆ (เรียกว่าค่ำเถอะ) หิวครับ ก็เลยเดินหาของกินตามซอยวานิช 2 เลย จนมาพบกับก๋วยเตี๋ยวหลอดเจครับ ซึ่งเจ้านี้เราบอกเลยครับ อร่อยมาก หนักเครื่องเต้าหู้สุดๆ ในราคา 50 บาท ซึ่งบอกเลยว่าเราโชคดีมาก ที่ไปทันจานสุดท้ายพอดี (จริงๆหมดเร็วกว่านี้ แต่นี่วันธรรมดาไง เลยหมดช้าหน่อย) ว่าแล้วเข้าร้านกันเลยดีกว่าครับ

 

     ภายในร้านมีพื้นที่กว้างขวาง พร้อมรองรับลูกค้าได้ตลอดเวลาแบบสบายๆ ครับ ไม่ต้องกลัวเลยครับว่าจะไม่มีที่นั่ง

 

     และแล้ว สิ่งที่เรารอคอย ก็มาถึง ก๋วยเตี๋ยวหลอดครับ หลายคนเห็นรูปอาจจะคิดว่าผักเยอะไป แต่จริงๆแล้วผักไม่ได้เยอะอย่างที่คิดครับ ทางร้านให้เครื่องหนักมากกกกกกกกก ทั้งเต้าหู้ เห็ดหอม และหู่กี เรียกได้ว่ามาเต็มแบบสุดๆ ครับ รวมทั้งเส้นก๋วยเตี๋ยว ที่จัดมาได้หนักมากอีกด้วย บวกกับความอร่อยระดับตำนานเคียงคู่ตลาดน้อยแล้ว บอกเลย สมควรแล้วแหละที่จะหมดเร็ว 5555555 ที่สำคัญ มีขายเฉพาะเทศกาลกินเจนี้เท่านั้นนะ

 

     ตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวหลอด เราจะพบกับร้านถาวรราดหน้าครับ เป็นร้านราดหน้าที่อยู่คู่ตลาดน้อยมานานมากอีกร้านนึงครับ และเมื่อถึงเทศกาลกินเจ ร้านราดหน้าร้านนี้ก็จะหันมาขายราดหน้าเจ เพิ่มทางเลือกการกินให้กับนักท่องเที่ยวได้มากมายเลยครับ ซึ่งนอกจากจะมีราดหน้าแล้ว ยังมีผัดหมี่เหลืองโซบะเจ สำหไรับเป็นทางเลือกให้กับใครก็ตามที่ชอบไปทางอาหารญี่ปุ่นด้วยแหละครับ ซึ่งผู้อ่านและนักท่องเที่ยวทุกท่าน ก็สามารถแวะไปชิมกันได้เลยครับ ทั้งในและนอกเทศกาลกินเจ ซึ่งหมดเทศกาลกินเจไป ก็จะเป็นราดหน้าหมูหมักเหมือนเดิมแล้วครับ ก็ยังยืนยันคำเดิมอยู่ดีครับ ว่าอร่อยมาก

 

     เมื่อเราทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็อย่าลืมของหวาน และถึงแม้เราจะไปช้ามาก จนของหมดและเก็บร้านกันไปหลายร้านแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ร้านนึงครับ ที่ยังคงมีคนแน่นตลอดเวลา นั่นก็คือร้านเช็งซิมอี๊ - หมี่หวานนั่นเองครับ ของแท้ต้องมีวงเล็บว่า (เจ้าเก่าโรงเจ) อยู่ด้วยครับ ซึ่งเมนูเด็ดของร้านนี้ก็คือบะหมี่หวานนั่นเองครับ ซึ่งบะหมี่หวานเนี่ย ก็คือการเอาเส้นบะหมี่ใส่น้ำเชื่อม แล้วใส่น้ำแข็งกินคล้ายๆ กับน้ำแข็งไสนี่แหละครับ อาจจะงง เราไปดูกันต่อดีกว่าครับ ว่ารูปร่างหน้าตาของขนมหวานนี้จะเป็นยังไง

 

     แท่แดมมมมมมม...นี่แหละครับคือบะหมี่หวานอันลือชื่อ ต้องขออนุญาตคลุกเคล้าน้ำแข็งเข้ากับเส้นและน้ำเชื่อมก่อนเลยครับ เพราะตอนน้ำแข็งโปะบนชามมันมองไม่เห็นเส้นบะหมี่จริงๆ ก็จะเป็นเส้นบะหมี่ในน้ำเชื่อมนี่แหละครับ ซึ่งเราสามารถเลือกใส่เครื่องได้หลากหลายทั้งแปะก๊วย แห้ว พุทราจีน และอื่นๆ อีกมากมาย เย็นชื่นใจเหมือนทานน้ำแข็งไสเลยครับ

 

     อร่อยมากครับ เวรี่กู้ดดดด !!!!!

 

     ถัดมาจากร้านเช็งซิมอี๊ - หมี่หวาน เราจะพบกับร้านขนมอีกร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านขายวุ้นกรอบครับ เป็นวุ้นที่เคี้ยวกรุบๆ หวานๆ อร่อย ทานเล่นได้สะดวกมากๆ ครับ (เขามีลูกชุบขายด้วยนะ)

 

     เมื่ออิ่มหนำสำราญกับอาหาร และขนมแล้ว ถัดไป เราไปในส่วนของศาลเจ้ากันดีกว่าครับ ซึ่งศาลเจ้าที่เราจะไปกัน ก็อยู่ในตลาดน้อยนี่แหละครับ ก็คือศาลเจ้าโจวซือกงนั่นเอง โดยทางเข้าศาลเจ้าจะอยู่ที่ซอยโจวซือกงเลยครับ และตั้งแต่หน้าซอย ยาวไปจนถึงศาลเจ้า เราจะพบร้านค้าต่างๆ ตั้งเรียงรายสองฝั่งตลอดทางเลยครับ ซึ่งจะมีทั้งร้านขายน้ำ ขนม อาหาร รวมไปถึงอาหารแห้งอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจด้วย ว่าแล้วเราเข้าไปด้านในกันเลยครับ

 

     ด้านในซอยโจวซือกง เราจะพบกับร้านขนม ต่างๆ อย่างมากมายครับ สามารถเลือกซื้อเลือกทานได้อย่างจุใจเลยครับ

 

     เมื่อเราเดินมาตามซอยโจวซือกงเรื่อยๆ เราจะพบกับสมาคมกุศลสงเคราะห์ ซึ่งเป็นที่สถิตของพระสหัสกรอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือเจ้าแม่กวนอิมพันมือนั่นเองครับ สามารถเข้าไปไหว้ได้ครับ และบริเวณด้านหน้าของอาคารสมาคมกุศลสงเคราะห์ จะมีขนมหวานแจกอยู่ด้วยครับ สามารถไปรับประทานกันได้ครับ

 

     ฝั่งตรงข้ามของสมาคมกุศลสงเคราะห์ เราจะพบกับร้านตุ๊บตั๊บเหล่าแปะ ซึ่งเป็นร้านขนมตุ๊บตั๊บที่เก่าแก่ และอร่อยที่สุดในตลาดน้อย (ไม่ได้อวยนะ นี่เรื่องจริง) ถ้าเราไปถึงแล้วจะพบเลยว่าคนต่อคิวซื้อขนมร้านนี้ยาวมากกกกกก (และแน่นอน ผมไปไม่ทัน เขาตัดคิวก่อน 55555 เดี๋ยววันหยุดต้องไปแก้ตัวใหม่) ราคาก็ไม่แรงมากครับ แค่ห่อละ 35 บาท คุ้มค่า ทานกับกาแฟยามเช้าอร่อยมากครับ

 

     ตุ๊บตั๊บๆๆๆๆ เสียงค้อนที่กระหน่ำทุบลงไปบนถั่วนี่แหละครับ ที่เป็นที่มาของชื่อขนมตุ๊บตั๊บ และขั้นตอนการทุบถั่ว ก็เป็นขั้นตอนที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของขนมชนิดนี้ และนักท่องเที่ยวหลายคน ให้ความสนใจกับการทุบถั่วมากครับ

     แล้วเราก็มาถึงศาลเจ้าโจวซือกงกันแล้วนะครับ ซึ่งศาลเจ้าโจวซือกง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของชาวจีนฮกเกี้ยนในประเทศไทย สร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.๑๘๐๔ (พ.ศ.๒๓๔๗) ตั้งอยู่ในย่านตลาดน้อย ซอยวานิช ๒ โดยเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ 清水祖師 และเทพเจ้าอื่นๆที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือ อาทิ พระไทจื่อเอี๋ย 太子爺 เจ้าพ่อกวนอู 關聖帝君 เจ้าแม่ทับทิม 天上聖母 เจ้าพ่อเสือ และที่สำคัญมี สามสิบหกเทพเจ้า 三十六天罡 อยู่อีกด้วย

 

     ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นแบบปลายราชวงศ์ชิง (ค.ศ.๑๕๘๙-๑๙๑๑) ถึงแม้จะมีการซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็คงแบบอย่างเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม หลังคาศาลเจ้าเป็นแบบซานเหมินติ่ง บริเวณบนสุดบนสันหลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้ว และหงส์ คู่ชูดอกโบตั๋น ลวดลายประดับประดาต่างๆล้วนมีความสวยงามยิ่งคู่ควรแก่การอนุรักษ์ให้ชนรุ่นหลังสืบต่อไป ว่าแล้วเราเข้าไปในบริเวณศาลเจ้ากันดีกว่าครับ

 

     ศาลเจ้าโจวซือกงในเทศกาลกินเจปีนี้ มีการประดับประดาไฟอย่างสวยงาม คลาสสิกสไตล์จีนฮกเกี้ยนมากๆ ครับ แต่ทางศาลเจ้าก็มีกฎสำคัญอยู่หนึ่งข้อครับ คือผู้ที่จะเข้าไปในบริเวณศาลเจ้าได้ ต้องใส่เสื้อขาว กางเกงขาวเท่านั้น ถ้าใครใส่เสื้อสีไปก็จะเข้าไม่ได้ ก็จะทำได้แค่ยกมือไหว้จากหน้าศาลเท่านั้นครับ และในเมื่อเราเข้าไม่ได้ (เพราะไม่ได้ใส่เสื้อขาวไป) เราก็ไปดูส่วนอื่นในบริเวณศาลเจ้ากันดีกว่าครับ

 

     บริเวณศาลเจ้า จะมีโรงทาน ที่เปิดเพื่อให้ผู้ที่มาไหว้เจ้า หรือมาเที่ยว ได้ทานข้าวกันครับ ซึ่งภายในโรงทานจะมีทั้งข้าวสวย ข้าวต้ม และกับข้าวเจที่หลากหลายมากๆ ครับ ผมนี่มากินทุกปี บอกเลย

 

     หน่ะ ทานพอเป็นพิธีหน่อย เดี๋ยวเขาหาว่าใส่ใจแต่ก๋วยเตี๋ยวหลอดและบะหมี่หวาน แต่เพราะไปช้าไง ก็เลยเหลือแค่จับฉ่ายนิดหน่อย แต่ก็ทานกับข้าวต้มได้ครับ อร่อยดี

 

     ทานเสร็จอย่าลืมหยอดตู้ทำบุญกันด้วยนะครับ แล้วแต่จิตศรัทธาเลย

 

     สามารถทำบุญปล่อยปลา ปล่อยเต่าด้วยก็ได้นะ แล้วแต่ความเชื่อแต่ละคนได้เลย (แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบการปล่อยปลาเท่าไหร่นะ ไม่รู้สิ เหมือนไปจับเขามาขังไว้ในกะละมังรอขูดรีดเงินจากผู้ใจบุญยังไงยังงั้นเลย เหมือนเรารู้สึกได้บุญ แต่คนจับปลารู้สึกจะได้ตังค์ อยากให้ธุรกิจแบบนี้หายไปจากสังคมนะ บอกเลย)

 

     นอกจากนี้แล้ว ยังมีซุ้มยิงปืนให้เล่นอีกด้วยครับ ก็สามารถไปเล่นได้ สนุกๆครับ เด็กๆชอบ เราโตแล้วยังติดเล่นด้วยเลย

 

     2 นาฬิกา ฟาเรนไฮต์ อุณหภูมิ 155 เซลเซียส เเรงปืน 32 อุณหภูมิความชื้น 22 นาฬิกาปาดขวายิงเพื่อหวังผล...ไม่โดน T_T

 

     และนอกจากไหว้พระ ปล่อยปลา โรงทาน และยิงปืนแล้ว ยังมีงิ้วให้ได้ชมกันอีกด้วยครับ นี่แหละครับ Signature ของศาลเจ้าโจวซือกงเลย ไม่ได้หาชมกันได้ง่ายๆ นะครับเดี๋ยวนี้ บอกเลย

     เมื่อไหว้พระเสร็จแล้ว เราเดินทาต่อที่หลังศาลเจ้าโจวซือกงครับ เราจะพบกับโรงแรม ริเวอร์วิว เกสท์เฮ้าส์ครับ ที่นี่มีดีอะไร เราเข้าไปดูกันเลยครับ

 

     เมื่อเราเข้ามาในโรงแรม ริเวอร์วิว เกสท์เฮ้าส์แล้ว ให้เราเดินผ่านเคาท์เตอร์โรงแรม ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 8 ได้เลยครับ

 

     เมื่อขึ้นมาแล้ว เราจะพบกับร้านอาหารครับ ชื่อร้าน River Vibe เป็นร้านอาหารที่มี Rooftop Bar ที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดน้อยครับ ซึ่งคนไทยน้อยคนนักที่จะรู้จัก ซึ่งร้านนี้ครับ ค่าอาหารหลักร้อย วิวหลักล้าน บอกเลย แต่กินเจอยู่นี่สิ เลยสั่งอาหารไม่ได้แน่นอน เราก็เลยเลือกสั่งเครื่องดื่มมาแทนครับ

 

     เมื่อสั่งเครื่องดื่มกันแล้ว ก็ขึ้นบันไดวนไปบนดาดฟ้ากันเลยครับ วันนี้โชคดีมากครับ ฝนไม่ตก ข้างบนก็เลยเปิดตามปกติ

 

     เมื่อขึ้นมาบนดาดฟ้าแล้ว จะพบกับดาดฟ้าแบบเปิดโล่ง พร้อมโต๊ะอาหารมากมาย แต่ไม่มีใคร เพราะผมซื้อชั้นดาดฟ้าไว้แล้ว พร้อมไล่ทุกคนลงไปหมด (ไม่ใช่ !!!!!) เราจะพบกับดาดฟ้าแบบเปิดโล่ง ที่มีวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นฉากหลัง มองไปทางซ้ายเห็นสาทร มองไปทางขวาเห็นสะพานพุทธ สวยคุ้มค่ามากครับ บอกเลย

 

     เอาภาพวิวแม่น้ำมุมสาทรมาให้ชมกันครับ เราจะเห็นโรงแรงเชอราตัน และฮิลตันอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำนะครับ ซึ่งเป็นวิวเปิดมองไปได้ไกลถึงธนาคารกสิกรเลยล่ะครับ มันคุ้มค่าจริงๆ

 

     ก็จบทริปกันไปเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับทริปกินเจตลาดน้อย ได้ทั้งเที่ยว ทั้งกิน ทั้งทำบุญ รวมไปถึงชมวิวแม่น้ำในยามค่ำคืนอีกด้วย งานนี้ ไม่ว่าจะเจหรือไม่เจ ก็สามารถไปได้ทั้งนั้นครับ ไม่มีแบ่งแยกใดๆ ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่ควรไป ผมแนะนำเลยครับ คือช่วงเวลาประมาณ 4-5 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะอากาศจะไม่ร้อนมาก อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับมื้อเย็นพอดี ก็สามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลายมาก (จริงๆมีเยอะกว่านี้อีกนะ) อีกทั้งเราสามารถอยู่จนถึงค่ำ เพื่อขึ้นมาชมวิวแม่น้ำที่ร้าน River Vibe ได้อีกด้วย และสำหรับทริปนี้ ก็คงจะต้องขอจบที่ร้าน River Vibe กันเลยครับ ขอให้ทุกท่านเที่ยวให้สนุก และได้บุญกันเต็มที่โดยถ้วนหน้าครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ


  • อยากเที่ยวสำรวจถ้ำ ควรปฎิบัติยังไง? เอาตัวรอดยังไง? ถึงจะปลอดภัยและสนุกมากขึ้น!!
  • 5 พิกัด ร้านเล้งสุดแซ่บ ในกรุงเทพฯ นำขบวนด้วยเมนูต้มกระดูกสุดจี๊ด เด็ดโดนใจ
  • แนะนำ 5 ที่พักเที่ยวทะเลปราณ ริมหาดปราณบุรี ชิลล์สุดๆคลายร้อนรับซัมเมอร์
  • ฉลองคืนปล่อยผี กับ 5 ที่เที่ยวในประเทศไทย ช่วง Halloween
  • รวม 10 บ้านพักสุดแปลกทั่วโลกใน Airbnb ให้สัมผัสความตื่นเต้นใหม่ๆที่มากกว่าเดิม
  • 5 สถานที่เที่ยวตามรอยทั่วไทย ไปกับ MV เพลง 77 ดินแดนแสนวิเศษ ของ BNK48
  • วันแม่แห่งชาติ พาแม่ไปเที่ยวตะลุยสวนสัตว์กัน!! 8 สวนสัตว์น่าท่องเที่ยวในประเทศไทย ถูกใจทุกเพศทุกวัยแน่นอน
  • สถานที่จัดกิจกรรมน้อมรำลึกวันคล้ายวันสวรรคต ในหลวง รัชกาลที่ 9
  • เที่ยวปีใหม่ยังไง ไร้รถให้เป็นภาระ จัดไป 9 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ
  • ถึงร้ายก็รัก "เป็ก-โจอี้บอย" ย้อนเรื่องราวความสัมพันธ์จากคู่อริกลายเป็นเพื่อนสนิท พร้อมตะล่อนเที่ยวเชียงใหม่ ร...
  • นั่งรถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลพบุรี ถ่ายรูปได้มุมสวยๆ ปีละครั้ง
  • เที่ยวปีใหม่ 2564 อย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19
  • เทรนด์การท่องเที่ยวสำหรับปี 2021 เมื่อ COVID-19 ยังอยู่กับเรา
  • 5 ที่พักพัทยา ติดทะเลวิวสวย ไม่ง้อมัลดีฟส์
  • สถานที่ดินเนอร์สุดโรแมนติกในกรุงเทพ ต้อนรับ Valentine's 2020
  • เมื่อตลาดน้อยไม่ได้น้อยอีกต่อไป...แต่มากด้วยของกิน และไลฟ์สไตล์

    เมื่อถึงเทศกาลกินเจแล้ว หลายๆคนในกรุงเทพ อาจจะมีแค่ไม่กี่ตัวเลือก ที่นึกออก และส่วนใหญ่คงจะไปเยาวราชกัน แต่สำหรับเรา เยาวราชไม่ใช่ตัวเลือกแรกแน่นอน เรามองข้ามช็อตไปแล้ว เพราะเรากำลังจะพูดถึงชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของเยาวราชอีกที แต่จริงๆ ก็เรียกว่าด้านหลังไม่ได้ซะทีเดียวนะ เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเยาวราช กับบางรักครับ น่าจะนึกออกกันแล้วแหละ ใช่ครับ ตลาดน้อยครับ

    © สงวนลิขสิทธิ์ 2567 บริษัท ไทยโฮมทาวน์ จำกัด
    @thaihometown Scroll