ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เดินหน้าโครงการบ้านประชารัฐ เตรียมปล่อยกู้บ้านราคาถูก ไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 4 พันบาท ให้ผู้มีรายได้น้อย-ผู้ต้องการมีบ้านหลังแรก-ผู้สูงอายุ รวม 1 แสนหน่วย
บ้าน ธอส
วันที่ 17 กรกฎาคม 2561 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการที่อยู่อาศัยราคาถูก ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี (อ่านข่าว ธอส.-การเคหะฯ เล็งผุดบ้านราคาถูก) ว่า ภายในสิ้นปีนี้ ธนาคารจะจัดทำโครงการบ้านประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้น้อย ในราคาหลังละไม่เกิน 1 ล้านบาท ด้วยการรวบรวมโครงการจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 100,000 หน่วย
โดยจะให้สิทธิ์ 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีรายได้น้อย ผู้ต้องการมีบ้านหลังแรก และผู้สูงอายุ ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 5 ปีแรก ซึ่งเบื้องต้นกำหนดวงเงินผ่อนชำระไม่เกิน 4,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 40 ปี โดยธนาคารจะสร้างระบบสินเชื่อบ้านสำหรับผู้กู้รายย่อย ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมีกำลังผ่อนชำระหนี้ได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ยื่นกู้ร่วมได้ 2 คน ซึ่งจะเหลือค่าผ่อนแค่ประมาณคนละ 2,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ซึ่งแนวทางการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย หลังละไม่เกิน 1 ล้านบาท คาดจะได้ข้อสรุปกรอบการดำเนินโครงการในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้เบื้องต้นได้กำหนดเฟสแรก 100,000 ยูนิต และมุ่งมั่นพัฒนาให้ได้ 1 ล้านยูนิต จึงได้ประสานกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมนำโครงการที่อยู่อาศัยที่มีความพร้อมเปิดให้จอง 30,000 ยูนิต สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย 10,000 หน่วย และทยอยก่อสร้างอีก 20,000 หน่วยในปี 2562
ซึ่งธนาคารมีพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,000 แบรนด์ ในจำนวนนี้มีผู้ที่ทำโครงการบ้านที่ไม่เกิน 1 ล้านบาทอยู่หลายราย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเขตใกล้กรุงเทพฯมีราคาตั้งแต่ 8-9.99 แสนบาท โดยล่าสุด ได้หารือกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วประมาณ 2-3 ราย
“ธอส.กำลังมีแผนให้สินเชื่อสำหรับผู้กู้รายย่อยจากบ้านราคาไม่เกิน1 ล้านบาทเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถผ่อนชำระหนี้เงินกู้ได้ภายในวงเงินผ่อนชำระไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท ระยะเวลากู้ 40 ปี และดอกเบี้ยอาจคงที่ 5 ปี จากเดิม 3 ปีและเปิดทางให้ผู้กู้สามารถยื่นกู้ร่วมได้ 2 คน เมื่อถึงเวลาจ่ายจะตกคนละ 2,000 บาทเท่านั้น”
นอกจากนี้ธนาคารยังพยายามสร้างประวัติทางการเงินสำหรับลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานทางการเงิน โดยให้ลูกค้าใช้ธุรกรรมกับธนาคารเพื่อให้มีข้อมูลทางการเงินในการประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้ในอนาคต
นายฉัตรชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ดีในเรื่องสภาพคล่องของธนาคารมีเพียงพอรองรับการปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และรายย่อยสำหรับกู้เพื่อซื้อบ้าน คาดว่าต้องการใช้วงเงินราว 30,000 ล้านบาท และแม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยบ้านของตลาดมีโอกาสปรับขึ้นแต่ธอส.พร้อมตรึงดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านถึงสิ้นปี 2561 ไว้ที่ 6.75% เพื่อลดภาระผู้กู้