ข่าวประชาสัมพันธ์

รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก เผยผลสำรวจด้านเฮลท์แคร์ที่ใหญ่ที่สุด Future Health Index (FHI) 2025 ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน โดยรายงานผลสำรวจนี้ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากบุคลากรทางการแพทย์กว่า 1,900 คน และผู้ป่วยกว่า 16,000 คน จาก 16 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น โดยชี้ให้เห็นว่าถึงแม้ผลตอบรับการใช้เทคโนโลยี AI ในระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะค่อนข้างไปในเชิงบวก แต่ยังมีความกังวลในแง่ความมั่นใจและการนำไปใช้

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

ฟิลิปส์ เผยผลสำรวจด้านเฮลท์แคร์ล่าสุด Philips Future Health Index 2025 พบความล่าช้าและการเสียโอกาสในการรักษา ทำให้ระบบสาธารณสุขใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องเร่งปรับใช้เทคโนโลยี AI

เปิดอ่าน 6,987 ครั้ง

Philips Future Health Index 2025

  • จากผลสำรวจพบ 66% ของผู้ป่วยในเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญกับความล่าช้าในการพบแพทย์เฉพาะทาง โดยระยะเวลารอคอยเฉลี่ยสูงถึง 47 วัน

  • 89% ของบุคคลากรทางการแพทย์ เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์หรือเทคโนโลยี AI และระบบวิเคราะห์เชิงคาดการณ์สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ จากการสนับสนุนให้เกิดการรักษาที่เร็วขึ้น

  • การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วยและบุคคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปรับใช้เทคโนโลยี AI ในวงกว้าง

รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก เผยผลสำรวจด้านเฮลท์แคร์ที่ใหญ่ที่สุด Future Health Index (FHI) 2025 ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน โดยรายงานผลสำรวจนี้ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากบุคลากรทางการแพทย์กว่า 1,900 คน และผู้ป่วยกว่า 16,000 คน จาก 16 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น โดยชี้ให้เห็นว่าถึงแม้ผลตอบรับการใช้เทคโนโลยี AI ในระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะค่อนข้างไปในเชิงบวก แต่ยังมีความกังวลในแง่ความมั่นใจและการนำไปใช้

นายแจสเปอร์ เวสเตอร์ริงค์ รองประธานอาวุโส

นายแจสเปอร์ เวสเตอร์ริงค์ รองประธานอาวุโส และกรรมการผู้จัดการ ฟิลิปส์ ประเทศญี่ปุ่น และรักษาการประธานและกรรมการผู้จัดการ ฟิลิปส์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ความจำเป็นของการใช้เทคโนโลยี AI สูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เมื่อผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยต้องรอพบแพทย์เฉพาะทางนานกว่า
หนึ่งเดือน ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนต้องเสียเวลาทำงานทางคลินิกไปราว 4 สัปดาห์ต่อปี เนื่องจากข้อมูลผู้ป่วยไม่ครบถ้วน ดังนั้น AI จึงมีบทบาทสำคัญที่เข้ามาช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถรักษาผู้ป่วย
ได้เร็วขึ้น  ตัดสินใจได้ดีขึ้น และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น เพื่อยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิมากขึ้นแก่ผู้คนจำนวนมากขึ้นเช่นกัน

ผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพจากการรักษาผู้ป่วยล่าช้า ตัวเร่งให้เกิดการใช้เทคโนโลยี  AI

จากผลสำรวจพบว่า ผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 2 ใน 3 (66%) ใช้เวลาในการรอพบแพทย์เฉพาะทางถึงเดือนครึ่ง ซึ่งระยะเวลารอคอยเฉลี่ยสูงถึง 47 วัน โดยผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 1 ใน 3 (33%) ระบุว่าอาการของพวกเขาแย่ลงจากความล่าช้าในการพบแพทย์ และผู้ป่วย 1 ใน 4 (25%) ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากรอพบแพทย์นานเกินไป

เทคโนโลยี AI มีศักยภาพในการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ และช่วยปรับปรุงผลลัพธ์การรักษาผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

  • 81% ของบุคลากรทางการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเชื่อว่า เทคโนโลยีดิจิทัลเฮลท์อย่าง AI และระบบวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ น่าจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในอนาคตได้

  • 86% ของบุคลากรทางการแพทย์ คาดว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยลดอัตราการทำหัตถการแบบเร่งด่วน หรือการรักษาแบบฉุกเฉินได้

  • 89% ของบุคคลากรทางการแพทย์ เชื่อว่าเทคโนโลยี AI และระบบวิเคราะห์เชิงคาดการณ์จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยจากการเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ

ความท้าทายด้านบุคลากร และด้านข้อมูลผู้ป่วย

ความท้าทายด้านบุคลากร และด้านข้อมูลผู้ป่วย ดันให้เทคโนโลยี AI เป็นตัวช่วยสำคัญ

3 ใน 4 (76%) ของบุคลากรทางการแพทย์ในเอเชียแปซิฟิกระบุว่าพวกเขาเสียเวลาสำคัญทางคลินิก เนื่องจากข้อมูลผู้ป่วยไม่ครบถ้วนหรือไม่สามารถเข้าถึงได้ และเกือบ 1 ใน 3 (31%) ของบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มนี้ยังระบุว่าพวกเขาเสียเวลาทางคลินิกมากกว่า 45 นาทีต่อ 1 กะการทำงาน หรือคิดเป็นเวลารวมถึง 23 วันต่อปีต่อบุคลากรแต่ละคน ขณะเดียวกัน 2 ใน 5 (39%) ของบุคลากรทางการแพทย์กล่าวว่าปัจจุบันพวกเขามีเวลาในการดูแลผู้ป่วยน้อยลง แต่ต้องใช้เวลามากขึ้นในงานด้านเอกสารเมื่อเทียบกับเมื่อ 5 ปีก่อน

ปัจจัยเหล่านี้ซ้ำเติมปัญหาด้านบุคลากรทางการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้แย่ลงกว่าเดิม องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปีพ.ศ. 2573 เฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ถึง 6.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลก

จากผลสำรวจบุคลากรทางการแพทย์กว่า 300 คน พบมีความกังวลหลายประการ หากไม่มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้

  • 45% กังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยตกค้างที่เพิ่มขึ้น

  • 42% กังวลถึงการเผชิญภาวะหมดไฟในการทำงานที่เพิ่มขึ้น จากภาระงานด้านเอกสาร

  • 40% กังวลว่าจะไม่สามารถให้การรักษาที่ทันต่อยุคสมัย

ขจัดความกังวลของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ตัวแปรสำคัญสู่การใช้เทคโนโลยี AI ในวงกว้าง

บุคลากรทางการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 81% มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในองค์กรของตัวเอง อย่างไรก็ตาม 39% ของบุคลากรทางการแพทย์ยังเห็นว่าเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้นไม่สามารถตอบโจทย์ ความต้องการของพวกเขาได้ นอกจากนี้ ข้อกังวลในด้านความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยียังเป็นปัจจัยสำคัญ โดย 71% กังวลเกี่ยวกับความรับผิดต่อกฎหมายจากการใช้เทคโนโลยี AI ในขณะที่ 66% กังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่เป็นกลางในระบบที่ใช้ AI อาจส่งผลให้การรักษาและผลลัพธ์ไม่ถูกต้องได้

ในกลุ่มผู้ป่วยถึง 75% ยอมรับต่อการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น หากสามารถช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขและเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา แต่กว่าครึ่ง (51%) กังวลเกี่ยวกับการถูกลดเวลาในการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์แบบตัวต่อตัว และอีก 54% กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลหากมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในระบบสาธารณสุข

ความเชื่อมั่น คือหัวใจสำคัญสู่การปฏิวัติวงการเฮลท์แคร์

“ความเชื่อมั่น” คือหัวใจสำคัญสู่การปฏิวัติวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผลสำรวจชี้ 84% ของบุคลากรทางการแพทย์เห็นว่าการสร้างความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี AI ต้องมาพร้อมกับกรอบแนวทางปฏิบัติ วิธีรับมือหากเกิดปัญหา และความรับผิดทางกฎหมายที่ชัดเจน มากไปกว่านั้น บุคลากรทางการแพทย์ยังระบุว่าการพัฒนาโซลูชั่นส์ AI ควรจะต้องมีหลักฐานพิสูจน์แน่ชัด มีความโปร่งใส และสามารถเฝ้าติดตามได้ (72%) ตามด้วยความชัดเจนในด้านความปลอดภัยของข้อมูล (51%)

ในกลุ่มผู้ป่วย 3 ใน 4 (74%) มีความยินดีที่จะใช้เทคโนโลยีมากขึ้นในระบบสาธารณสุข หากจะช่วยให้พวกเขาสามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับบุคลากรทางการแพทย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น และหากช่วยปรับปรุงการดูแลรักษาให้ดีขึ้น (75%) ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้ป่วยและเทคโนโลยี AI โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ (86%) จะรู้สึกสบายใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี AI หากได้รับข้อมูลโดยตรงจากแพทย์ของพวกเขา ซึ่ง
ตอกย้ำให้เห็นว่าแพทย์คือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ป่วยแม้แต่ในเรื่องเทคโนโลยี

สิ่งสำคัญ คือ การสร้างความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยให้มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในวงกว้างและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความร่วมมือของทุกฝ่ายในวงการเฮลท์แคร์เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นและลดความกังวลในการใช้เทคโนโลยี AI และขับเคลื่อนการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างรับผิดชอบและครอบคลุมนายแจสเปอร์
กล่าวสรุป

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และผลสำรวจฉบับเต็ม Future Health Index 2025 ได้ที่ Future Health Index | Philips


แท็กที่เกี่ยวข้อง
  • ฟิลิปส์
  • ดูแลสุขภาพ
  • เฮลท์แคร์ที่ใหญ่
  • ปัญญาประดิษฐ์
  • เอเชียแปซิฟิก
  • เทคโนโลยี
  • ปฏิวัติวงการเฮลท์แคร์
  • ระบบสาธารณสุข
  • NYSE
  • PHG
  • AEX
  • PHIA
  • Future
  • Health
  • FHI
  • ไม่ควรพลาด 7 วันสุดท้าย ที่คุณจะได้ลุ้นบินลัดฟ้าเที่ยวเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น กับแคมเปญ ‘The Landmark of Thai Pride: Roof ...
  • SC Asset ปล่อยหมัดเด็ด เปิดตัวแคมเปญ "READY TO LIVE" บ้านหรูแต่งครบ พร้อมอยู่จริง ไม่ต้องรอ! ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์...
  • กลุ่มดุสิตธานี รุกตลาด Branded Residences ด้วยจุดแข็ง จากประสบการณ์ด้าน Hospitality บนโครงการใหม่ "ดุสิต อจารา หัวห...
  • "ท่าแร่" รวมแรงศรัทธา ท้าความหลอนขั้นสุด! สัมผัสประสบการณ์สยองสุดคุ้มที่ เอส เอฟ เท่านั้น!
  • SCX Corporation เร่งเครื่องคลังสินค้าครึ่งปีแรก ยอดผู้เช่าทะลุ 110,000 ตร.ม. เดินหน้าสู่เป้าหมายยอดผู้เช่า 150,000 ตร.ม....
  • คอนโดลาดพร้าว ทำเลยอดฮิต ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก
  • คอนโดสุขุมวิท ทำเลทอง ใจกลางกรุงเทพ เดินทางสะดวกสบาย
  • ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยวรังสิต ใกล้ธรรมศาสตร์ เดินทางสะดวก
  • คอนโดเชียงใหม่ บ้านเชียงใหม่ ย่านดัง นิมมาน คูเมือง แม่ริม
  • SC Asset สานต่อภารกิจ SCeroMission เปิดตัวแคมเปญ "Everyday SCeroMission" สัญลักษณ์แห่งความใส่ใจในทุกมิติของการ...
  • จระเข้ คอร์ปอเรชั่น โตแกร่ง 9.5% กางโรดแมปสู้ศึกเศรษฐกิจไทย รักษาเบอร์หนึ่งมาร์เก็ตแชร์ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ลุยตลาด...
  • SCX Corporation เร่งเครื่องคลังสินค้าครึ่งปีแรก ยอดผู้เช่าทะลุ 110,000 ตร.ม. เดินหน้าสู่เป้าหมายยอดผู้เช่า 150,000 ตร.ม....
  • SC Asset ปล่อยหมัดเด็ด เปิดตัวแคมเปญ "READY TO LIVE" บ้านหรูแต่งครบ พร้อมอยู่จริง ไม่ต้องรอ! ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์...
  • คอนโดเชียงใหม่ บ้านเชียงใหม่ ย่านดัง นิมมาน คูเมือง แม่ริม
  • กลุ่มดุสิตธานี รุกตลาด Branded Residences ด้วยจุดแข็ง จากประสบการณ์ด้าน Hospitality บนโครงการใหม่ "ดุสิต อจารา หัวห...
  • อนันดาฯ มั่นใจ "#ชีวิตเมืองไปต่อ... ไปกับอนันดา" ตอกย้ำผู้นำคอนโดในเมือง และเป็น Solutions ที่อยู่อาศัยคนเมือง...
  • เดินเล่นแบบชิลๆ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" แลนด์มาร์คแห่งใหม่ พื้นที่สีเขียว Roof Park สวนลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประ...
  • ลลิลฯ ฉลอง 39 ปี จัดแคมเปญแบบพิเศษ "ซื้อตอนนี้ มีแต่คุ้ม" พร้อมมอบความคุ้มค่า รับส่วนลดสูงสุด 5 แสน* พบกัน 2-3...
  • "ท่าแร่" รวมแรงศรัทธา ท้าความหลอนขั้นสุด! สัมผัสประสบการณ์สยองสุดคุ้มที่ เอส เอฟ เท่านั้น!
  • ฟิลิปส์ เผยผลสำรวจด้านเฮลท์แคร์ล่าสุด Philips Future Health Index 2025 พบความล่าช้าและการเสียโอกาสในการรักษา ทำให้ระบบสาธารณสุขใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องเร่งปรับใช้เทคโนโลยี AI

    รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก เผยผลสำรวจด้านเฮลท์แคร์ที่ใหญ่ที่สุด Future Health Index (FHI) 2025 ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน โดยรายงานผลสำรวจนี้ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากบุคลากรทางการแพทย์กว่า 1,900 คน และผู้ป่วยกว่า 16,000 คน จาก 16 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น โดยชี้ให้เห็นว่าถึงแม้ผลตอบรับการใช้เทคโนโลยี AI ในระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะค่อนข้างไปในเชิงบวก แต่ยังมีความกังวลในแง่ความมั่นใจและการนำไปใช้

    @thaihometown Scroll