เพิ่มโอกาสการกู้ซื้อบ้าน ด้วยการใช้บัตรเครดิตให้ถูกวิธี
การขอสินเชื่อบ้าน หลายๆ คนคงเคยพบเจอกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เรานั้นขอสินเชื่อกันไม่ผ่าน ซึ่งปัญหาหนึ่งที่เรามักจะพบเจอกันได้เจอบ่อย คือ การขอสินเชื่อไม่ผ่อน เพราะ "บัตรเครดิต" เนื่องจากธนาคารต่างๆ จะใช้บัตรเครดิตของเรา เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการตรวจสอบความน่าเชื่อถือทางด้สนการเงินของเรา จากประวัติเครดิตของที่ถูกจัดแก็บ และบันทึกไว้โดย "บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด" ซึ่งจะสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าประวัติทางการเงินของเรานั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร
ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการจะทำการขอสินเชื่อบ้าน ก็ควรวางแผน และสร้างวินัยในการใช้บัตรเครดิตให้ถูกต้อง เพื่อสร้างประวัติทางการเงินที่ดี งั้นเรามาดูกันเลยว่า ควรจะใช้บัตรเครดิตอย่างไร ที่จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อกัน
ใช้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้นเสมอ
ทุกธนาคารนั้นเปิดโอกาสให้เจ้าของบัตรสามารถชำระหนี้บัตรเครดิตได้ต่ำสุดเพียงร้อยละ 10 ของยอดที่ใช้ไปในแต่ละรอบบิล แต่อย่าได้ใช้โอกาสนั้นเป็นอันขาดหากคิดจะกู้ซื้อบ้าน เพราะนอกจากจะเสียดอกเบี้ยที่แพงเป็นอันดับต้นๆ ของวงการเงินกู้แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่าเจ้าของบัตรไม่มีเงินพอจะชำระค่าบัตรเครดิตได้ทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรมการใช้เงินในด้านลบของผู้กู้บ้าน ที่ธนาคารไหนๆ ต่างก็เบือนหน้าหนี
ชำระหนี้บัตรให้ตรงเวลา
การชำระหนี้บัตรเครดิตให้ตรงเวลาตามที่ธนาคารกำหนดไว้ ถือเป็นวินัยทางการเงินอย่างหนึ่งที่ผู้กู้บ้านต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการชำระหนี้ให้ตรงตามรอบบิล เพื่อพิสูจน์ให้ธนาคารเชื่อว่าผู้กู้บ้านมีความรับผิดชอบต่อหนี้ของตนเอง โดยไม่ต้องติดตามทวงถาม ในทางกลับกัน ถ้ามีการค้างชำระบัตรเครดิตจนมีการติดตามทวงถาม ธนาคารก็จะเห็นว่า ผู้กู้บ้านมีโอกาสค้างชำระค่าผ่อนบ้าน และบางธนาคารจะส่งฟ้องศาลทันที หากไม่จ่ายบัตรเครดิต 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาจทำให้หมดโอกาสขอสินเชื่อกับธนาคารไปอีกนาน
ไม่ใช้จ่ายบัตรเครดิตเกินตัว
การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตจนเงินหมดแบบเดือนชนเดือนนั้น เป็นพฤติกรรมที่ธนาคารรับไม่ได้ เช่นเดียวกับการใช้จ่ายจนเต็มวงเงินบัตรเครดิตทุกเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของบัตรมีการใช้จ่ายจำนวนมากเป็นประจำ ดังนั้นผู้กู้บ้านจึงต้องปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยใช้บัตรรูดซื้อสินค้าและบริการเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ธนาคารเห็นว่าผู้กู้บ้านสามารถใช้บัตรเครดิตได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า ในขณะเดียวกันก็มีเงินเก็บออมสำหรับบ้านในฝันของตนเองด้วย
อย่าตกหลุมพรางเงินผ่อน
แม้ว่าการผ่อนบัตรเครดิต 0% นั้น เป็นเรื่องดีที่ทำให้เจ้าของบัตรไม่ต้องเสียดอกเบี้ยและลดภาระในการชำระค่าสินค้า แต่การใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้าก็เหมือนเป็นดาบสองคม ที่ทำให้เจ้าของบัตรมีประวัติหนี้ค้างชำระตามจำนวนยอดเงินที่ยังผ่อนชำระไม่หมดในประวัติเครดิต และมีโอกาสทำให้รายได้ที่ใช้สำหรับประเมินความสามารถในการผ่อนของผู้กู้บ้านน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากธนาคารต้องนำภาระการผ่อนบัตรเครดิตไปหักกับรายได้ของผู้กู้บ้าน
ปิดบัตรเครดิตที่ไม่จำเป็น
ยิ่งเปิดบัตรเครดิตมาถือไว้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีวงเงินรวมมากเท่านั้น โอกาสที่จะเกิดหนี้ก้อนใหญ่ก็มากเป็นเงาตามตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ธนาคารเห็นว่าผู้กู้บ้านมีบัตรเครดิตไว้ใช้จ่ายแต่พอดีและไม่มีโอกาสสร้างหนี้ก้อนโตมาแข่งกับหนี้บ้าน ผู้กู้บ้านก็ไม่ควรถือบัตรไว้มากมายเกินความจำเป็น ซึ่งเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการยกเลิกบัตรที่ไม่ค่อยได้ใช้ แล้วเหลือบัตรเครดิตที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเองเก็บไว้เพียง 2-3 ใบก็เพียงพอแล้ว
อย่ากดเงินสดจากบัตรเครดิต
ผู้กู้บ้านต้องตระหนักอยู่เสมอว่าบัตรเครดิต คือ บัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสดไม่ใช่แหล่งเงินกู้ ถ้าเมื่อใดที่มีการใช้บัตรเครดิตกดเงินสดออกมา ก็ถือว่าจบเกม เพราะนั่นหมายความว่าผู้กู้บ้านกำลังมีปัญหาทางการเงิน ถึงขนาดยอมเสียค่าธรรมเนียมการกดเงินสดและดอกเบี้ยแพงๆ เพื่อนำเงินสดไปใช้จ่าย ธนาคารก็จะมองว่าถ้าเพิ่มหนี้บ้านเข้าไป ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้บ้านแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการปล่อยให้กู้ซื้อบ้าน
ปลดเปลื้องหนี้บัตรก่อนกู้ซื้อบ้าน
หากผู้กู้บ้านมีหนี้บัตรเครดิตอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะผ่อนสินค้าหรือกำลังจ่ายขั้นต่ำอยู่ หากเดินหน้ายื่นเรื่องขอกู้ซื้อบ้านทันทีก็คงจะผ่านได้ยาก ดังนั้นผู้กู้บ้านจึงต้องลงมือบริหารจัดการหนี้สินให้หมดสิ้นไปเสียก่อน และทำให้บัตรอยู่ในสถานะจ่ายเต็มและจ่ายตรงจนหนี้คงเหลือกลายเป็น 0 ทุกเดือน แล้วอย่าจ่ายเกินตัวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 ปี และก่อนยื่นขอสินเชื่อ ไม่ควรใช้จ่ายบัตรเครดิต 3 เดือนสุดท้ายไปกับการผ่อนหรือซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น การขอกู้ซื้อบ้านจึงจะพอมีลุ้นบ้าง
สุดท้ายแล้ว "บัตรเครดิต" ก็เป็นเพียงแค่ปัจจัยส่วนหนึ่งขอการพิจารณาตรวจสอบประวัติทางการเงิน เพื่อขออนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร แต่ยังมีปัจจัยอย่างอื่นๆ อีกหลายประการ ที่สามารถส่งผลให้การขอสินเชื่อบ้านนั้นผ่านหรือไม่ผ่านการอนุมัติได้ ทางที่ดีเราควรสร้างวินัยที่ดีให้กับตัวเองในการจับจ่ายใช้สอย และบริหารการเงินล่วงหน้า เพื่อช่วยให้เรานั้นสามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างไม่ติดขัด
“ ถึงเราจะไม่ได้ทำการขอสินเชื่อบ้าน เราก็ควรสร้างวินัยที่ดีในการใช้บัตรเครดิต
เพื่อให้เราใช้บัตรเครดิตได้อย่างถูกวิธี
และเป็นการสร้างประวัติทางการเงินที่ดีให้กับตัวของเราเอง ”