หากต้องการยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านสักหลัง แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถกู้ได้ อย่างเครดิตไม่ดี รายได้สุทธิไม่เพียงพอที่จะกู้ซื้อสินทรัพย์ราคาสูง จำเป็นต้องหาผู้กู้ร่วมเพื่อให้การขอสินเชื่อผ่าน แต่การจะขอกู้ร่วมนั้น มีหลายประเด็นที่ควรรู้ เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะตามมาได้
สถาบันการเงินบางแห่งอาจจำกัดจำนวนผู้กู้ร่วมไว้ ยกตัวอย่างเช่น ไม่เกิน 2 คนเท่านั้น ส่วนเรื่องของการอนุมัติสินเชื่อบ้านของการกู้ร่วมจะพิจารณาจากรายได้ของแต่ละบุคคล แล้วหักค่าใช้จ่ายของทุกๆคนด้วย จากนั้นจะประเมินความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน แล้วพิจารณาวงเงินสินเชื่อกู้บ้านต่อไป
ผู้กู้ร่วมจะเป็นใครได้บ้าง ?
ผู้กู้ร่วมต้องเป็นคนภายในครอบครัว มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ หรือใช้นามสกุลเดียวกัน ในกรณีเป็นพี่น้องที่ใช้ คนละนามสกุล สามารถนำทะเบียนบ้านมาแสดงว่ามีบิดา มารดาคนเดียวกัน หรือกรณีคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน ให้นำหลักฐานอื่นๆมาแสดง เช่น ภาพถ่ายแต่งงาน หรือการมีบุตรร่วมกัน ส่วนการเป็นแฟนกันเฉยๆ โดยทั่วไปมักจะกู้ร่วมไม่ได้
กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์
ตามปกติการกู้ร่วม จะกระทำใน 2 ลักษณะ คือ การใส่ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่ใช้หลายคนมากู้ร่วมได้ และ การกู้ร่วมโดยใส่ชื่อทุกคนมีกรรมสิทธิ์ในบ้านร่วมกัน
การถือกรรมสิทธิ์ร่วม มีเรื่องที่ควรคำนึงถึงคือหากภายหลังต้องการขายบ้านนั้น จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมทุกคน หรือแม้ในกรณีจะทำการยกกรรมสิทธิ์ให้กับคนใดคนหนึ่งในผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์อยู่แล้ว การโอนนั้นทางกรมที่ดินจะถือว่าเป็นการซื้อขายบ้าน ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย รวมถึงค่าอากรแสตมป์หรือธุรกิจเฉพาะ
สิทธิประโยชน์ด้านการลดหย่อนภาษี
ดอกเบี้ยที่จ่ายของเงินกู้บ้าน สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท / ปีภาษี สำหรับกรณีของการกู้ร่วมจะต้องนำมาหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้
นอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีหลายๆเรื่องที่ควรใส่ใจ อย่างเช่น อาจเกิดปัญหาผิดใจระหว่างผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม หรือการกู้ร่วมจะทำให้ศักยภาพในการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านครั้งต่อไปลดลง ก่อนจะตัดสินใจขอกู้ร่วม ลองคิดดูให้ดีก่อน