การเตรียมตัวเพื่อซื้อบ้านนั้น มีน้อยคนนักที่มีเงินมากพอที่จะซื้อด้วยเงินสด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะซื้อโดยอาศัยเงินเก็บของตน ซึ่งส่วนหนึ่งต้อง เตรียมเงินดาวน์ไว้ ที่เหลือต้องขอกู้สินเชื่อซื้อบ้านจากธนาคารนั้นเอง อาจจะได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็พอที่จะทำให้ซื้อบ้านได้ ที่เหลือก็ต้องหามาเพิ่มให้เต็มกับจำนวนราคาบ้านที่ต้องการจะซื้อ และไม่ว่าจะซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมินียมก็แล้วแต่ การเตรียมความพร้อมย่อมมีผลอย่างมากในการได้สินเชื่อจากธนาคาร
กู้เงินซื้อบ้านอย่างไรถึงผ่าน
การยื่อนกู้ซื้อบ้านก็จะต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพทางการเงินของเราครับ ถ้าสุขภาพทางการเงินดีคือ หักลบรายรับกับรายจ่ายแต่ละเดือนแล้วยังมีเงินเหลือเก็บครับ ซึ่งถ้าสุขภาพทางการเงินดีมีเงินเหลือสำหรับที่จะส่งค่างวดในแต่ละเดือนก็มั่นใจได้ 100 % ว่าธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อซื้อบ้านของท่านเป็นแน่ครับ สำหรับค่างวดผ่อนบ้านที่ต้องส่งแต่ละเดือนคิดคร่าวๆก็ประมาณกู้เงิน 1 ล้านบาท ต้องผ่อนเดือนละประมาณ 6,000 – 7,000 บาทครับ ทุกคนก็ลองคำนวณดูคร่าวๆ บวกกับราคาบ้านที่ต้องการซื้อดูครับว่าหักจากรายได้แล้วเราสามารถส่งค่างวดค่าดอกเบี้ยตรงนี้ไหวหรือเปล่า
ทั้งนี้หากเตรียมจะกู้ซื้อบ้าน ก็พยายามอัพเดทสมุดบัญชีธนาคารกันทุกเดือนนะครับ ธนาคารจะขอดูความเคลื่อนไหวและรายได้ที่เข้ามาในแต่ละเดือนย้อนหลังนาน 6 เดือนครับ จะได้ไม่ต้องไปขอรายการเคลื่อนไหวในบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนที่ธนาคารครับ เพราะธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมในการขอย้อนหลังด้วยครับ นอกจากนี้หากประกอบธุรกิจส่วนตัว ธนาคารจะขอดูทะเบียนพาณิชย์หรือใบประกอบวิชาชีพครับ สรุปรายการเงินเดินบัญชีสำคัญมากครับ ถ้าไม่มีคงกู้ลำบากหน่อยครับ เพราะธนาคารจะไม่มั่นใจว่ารายได้ของเราจะต่อเนื่องไหม
เป็นหนี้บัตรเครดิตกู้ได้ไหม
หนี้สินส่วนนี้จะไปแสดงที่ศูนย์ข้อมูลส่วนกลาง ที่เรียกว่า “เครดิตบูโร” หากเครดิตบูโรขึ้นบัญชีดำ ( Blacklist) หมายความว่าประวัติการชำระหนี้ของคุณไม่ดี ไม่ตรงต่อเวลา ผิดนัดจ่ายหนี้กับธนาคารอื่นๆ หรือไม่จ่ายหนี้เลย ทีนี้พอธนาคารเห็นก็อาจจะอนุมัติยากหน่อยนะครับ เพราะธนาคารก็ไม่มั่นใจว่าเราจะจ่ายค่างวดให้เขาหรือเปล่า
แต่ถ้าไม่มีบัตรเครดิตเลยละ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกมากครับ สำหรับคนที่มีประวัติสะอาดแบบไม่เคยมีหนี้ ไม่เคยจ่ายหนี้บัตรเครดิต หลายๆธนาคารก็ไม่ปล่อยกู้ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่มีเครดิต” จนธนาคารแนะนำให้ไปทำบัตรเครดิต และชำระหนี้สักรอบ สองรอบเสียก่อนก็มี
เรื่องค่าใช้จ่ายประจำก็ถูกนำมาประเมินร่วมด้วยนะครับ รวมถึงค่าเลี้ยงดูบุตรหรือค่าดูแลบิดามารดา อันนี้ธนาคารจะประเมินตามความเหมาะสมเอง ในการอนุมัติให้สินเชื่อบ้าน ธนาคารแต่ละแห่งจะคิดออกมาไม่เหมือนกันครับ
ทำงานส่วนตัว รายได้ 40,000 บาท/เดือน ไม่มีสลิปเงินเดือน
ขอตอบว่า ต้องให้ทางบริษัทออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้ โดยในหนังสือรับรองเงินเดือนควรระบุว่า เราเป็นพนักงานของบริษัทจริงๆ ในตำแหน่งพนักงาน เริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อไร วันที่เท่าไร และเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือนที่ได้รับต่อเดือนด้วย
กู้ร่วมกับภรรยา หรือบุคคลอื่นๆ
ถ้ารายใดจะกู้ร่วมกับสามี-ภรรยา ขอให้มีทะเบียนสมรสและหลักฐานทางการเงินของทั้ง 2 คน ซึ่งการกู้ร่วม 2 คน น่าเชื่อถือกว่าการขอกู้คนเดียวแน่นอน เข้าทำนอง 2 แรงแข็งขัน ที่เหลือก็ให้ธนาคารคำนวณความสามารถชำระหนี้ว่าเหลือเงินจ่ายค่างวดเท่าไร
เอกสารสำหรับยื่นธนาคาร ประกอบด้วย
►ผู้มีรายได้ประจำ
1. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สลิปเงินเดือน (ย้อนหลัง 6 เดือน)
4. หนังสือรับรองเงินเดือน
5. รายการบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (Statement)
6. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
7. ทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
8. ทะเบียนหย่า (ถ้ามี)
►ผู้มีกิจการส่วนตัว และ ผู้มีรายได้อิสระ
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (Statement) ทั้งบัญชีส่วนตัว และ บัญชีกิจการ
4. สำเนาทะเบียนการค้า หรือ สำเนาการจดทะเบียนบริษัท
5. หลักฐานแสดงการเสียภาษี
6. สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (ถ้ามี)
7. ภาพถ่ายหน้าร้าน หรือ กิจการที่ประกอบอาชีพ
8. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (แพทย์, วิศวกร, สถาปนิก, ทนายความ)
9. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
10. ทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
11. ทะเบียนหย่า (ถ้ามี)
►เอกสารหลักทรัพย์ค้ำประกัน
1. สำเนาโฉนดที่ดิน หรือ สำเนากรรมสิทธิ์ห้องชุด
2. สำเนาเอกสารสัญญาซื้อขาย
3. เอกสารหลักฐานการชำระเงินดาวน์
4. แผนที่โดยสังเขปของที่ตั้งหลักทรัพย์ค้ำประกัน