สินเชื่อที่อยู่อาศัย

สินเชื่อต่อเติม-ซ่อมแซม-ตกแต่งบ้านหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้าน เป็นบริการเงินกู้อีกรูปแบบหนึ่งที่ธนาคารส่วนใหญ่มีไว้บริการลูกค้า นอกจากการปล่อยสินเชื่อ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย หรือเรียกโดยรวมว่าสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยมีบ้านที่ดินประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดฯ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

วิธีการขอ "สินเชื่อ ต่อเติม-ตกแต่งบ้าน" บริการสินเชื่อสำหรับผู้ที่มีบ้านเป็นของตัวเอง

1. คุณสมบัติผู้กู้ และ หลักฐาน

บุคคลทั่วไป ที่มีเครดิต ในสายตาของธนาคารที่ให้กู้ คือ ผู้มีรายได้อย่างสม่ำเสมอ จะต้องมีหลักฐาน ยืนยันว่าท่านมีรายได้สม่ำเสมอ มั่นคง สามารถใช้หนี้ คืนได้ ตามระยะเวลากู้ ไม่เป็นหนี้เสีย มีอายยุ 20 ปี ขึ้นไป สามารถทำนิติกรรมได้ด้วยตนเอง อายุสูงสุด แล้วแต่ธนาคาร

 

2. หลักฐานส่วนตัวท่าน

  • บัตร ประจำตัวประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • Bank Statement หรือ บัญชี ธนาคาร
  • ใบรับรอง เงินเดือนต้องตรงและสอดคล้องกับ Bank Statement
  • หลักฐานเกี่ยวกับ การกู้ เช่น สำเนาสัญญา จะซื้อจะขาย สำเนาโฉนด แผนที่ทรัพย์สิน
  • อื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยน นามสกุล ใบทะเบียนสมรส ใบหย่า
  • หลักฐานการประกอบการกู้ อื่นๆ 


   กรณีเป็นกิจการส่วนตัว หรือบริษัทต้องมีอากสารเพิ่มเติมดังนี้

  • ใบจดทะเบียน บริษัท
  • หลักฐานการเสียภาษี
  • บัญชีกระแสรายวัน
  • รูปถ่ายของกิจการ
  • บัญชีรายชื่อลูกค้า
  • ผู้อ้างอิง
  • ใบส่งของ
  • หลักทรัพย์ อื่นๆ รถยนต์ บ้าน ที่ดิน เพื่อที่จะให้ธนาคาร ท่านมั่นใจ ในเครดิต ของท่านเอง

ในกรณีสมรส ธนาคารมักจะให้เป็นผู้กู้ร่วม แม้จะยังไม่จดทะเบียน หลักเกณฑ์การพิจารณาวงเงิน ให้กู้ได้เท่าไหร่

สินเชื่อแบบวงเงินกู้ระยะยาว

จะเหมือนกับการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่มีระยะเวลาการ กู้สั้นกว่า ส่วนใหญ่กำหนดระยะเวลาประมาณ 5-15 ปี (ระยะเวลากู้ขึ้นอยู่กับประเภทของหลัก ประกันด้วย)

blush วงเงินให้กู้

• กรณีลูกค้าใหม่หรือรีไฟแนนซ์ (ที่กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย) ธนาคารจะ ให้วงเงินกู้เพิ่มจากวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประมาณ 5-50%

• กรณีลูกหนี้เดิมของธนาคารที่ผ่อน ชำระเงินกู้กับธนาคารไป 2-3 ปีขึ้นไป (แล้วแต่ธนาคารกำหนด) สามารถขอกู้เพิ่มได้อีก 10-25% ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ หรือให้เท่ากับวงเงินที่ผ่อนชำระไปแล้ว แต่ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนด วงเงินกู้ที่ขอกู้เพิ่มว่าเมื่อรวมกับยอดหนี้เดิมแล้วต้องไม่เกิน 80-100% ของราคาประเมิน 

blush การคิดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยบวกเงินต้นแล้วกำหนดให้ลูกค้าผ่อนชำระ หนี้เป็นรายเดือนเท่ากันทุกเดือน โดยจะมีทั้งแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1-5 ปี ในระยะแรก หลัง จากนั้นก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอิงกับ MLR (อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี) ของ ธนาคาร หรือ MLR บวก-ลบ 

blush ข้อจำกัด ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดวัตถุประสงค์ในการกู้ เช่น เฉพาะเพื่อซื้อเฟอร์เจอร์ ตกแต่ง ต่อเติม หรือซ่อมแซมบ้าน เท่านั้น แต่มี ข้อดี คือ อัตราดอกเบี้ยจะถูกกว่าสินเชื่อแบบวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และระยะเวลาในการก่อนชำระ เงินกู้นานกว่า ทำให้ภาระในการชำระเงินงวด/เดือนของผู้กู้ไม่หนักจนเกินไป 

สินเชื่อแบบวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D)

จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสำรองไว้ใช้ใน ยามฉุกเฉิน หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนส่วนตัว ส่วนใหญ่ธนาคารจะไม่กำหนดวัตถุประสงค์ใน การกู้ ไม่จำกัดเฉพาะเจาะจงว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายอะไร และไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น ซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในชีวิตประจำ ซื้อรถยนต์ เครื่องตกแต่งบ้าน เพื่อการท่อง เที่ยว หรือ เพื่อการลงทุนต่างๆ เป็นต้น 

blush วงเงินให้กู้ กรณีขอกู้เฉพาะวงเงิน O/D วงเงินกู้จะอยู่ที่ประมาณ 5-50% ของราคา ประเมินหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกัน

• กรณีที่ผู้กู้มีบัญชีเงินกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยกับธนาคารอยู่แล้ว และต้องการกู้วงเงิน O/D ธนาคารจะกำหนดวงเงินกู้เมื่อรวมกับวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยแล้วต้อง ไม่เกิน 90-120% ของราคาประเมินหลักประกัน โดยวงเงินที่ได้จะขึ้นอยู่กับประเภทของหลัก ประกันที่ผู้กู้นำมาเป็นค้ำประกันด้วย

• กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินกู้จะต่ำกว่าเพราะ อนุมัติวงเงินมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรายได้ และความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ของผู้กู้ ซึ่ง ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดวงเงินขั้นต่ำและวงเงินสูงสุดเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 6-10 ของรายได้/เดือน 

blush การคิดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารส่วนใหญ่จะคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอิงกับ MLR (อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี) หรือ MOR (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชี) บางธนาคารอาจ จะคิด MLR,MOR บวก หรือ ลบ อีก 1% หรือ 2 % (แต่ละธนาคารแตกต่างกัน) โดยธนาคารจะ คิดดอกเบี้ยเฉพาะจากยอดเงินที่มีการเบิกใช้จริงเท่านั้น 

blush ข้อจำกัด ธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณาอนุมัติเงินกู้เพิ่มเติม จากวงเงินสินเชื่อปกติ ก็ต่อเมื่อผู้กู้มีประวัติการผ่อนชำระที่ดีมาระยะหนึ่ง และวงเงินกู้ที่ได้ก็จะ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดของผู้กู้ด้วย ส่วนข้อดี คือ บางครั้งผู้กู้ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน โดยธนาคารจะพิจารณาจากรายได้เป็นหลัก และ กำหนดวงเงินกู้ขั้นต่ำและสูงสุด ส่วนใหญ่ไม่เกิน 6-10 เท่าของรายได้/เดือน 

2. เราต้องมีศักยภาพมากเกินพอที่จะกู้หรือผ่อนอสังหาฯนั้นๆ

อันนี้ตรงตัวครับ … เราจำต้องมีศักยภาพในการกู้เหลือๆ หรือ อย่างน้อยๆต้องครอบคลุมกับค่าผ่อนต่อเดือน … คิดง่ายๆ ธนาคารมักจะให้กู้ได้ไม่เกิน 40% ของเงินเดือน(หรือไม่เกิน กี่% ต่อรายได้หลังหักค่าให้จ่าย เท่าไหร่ก็ว่ากันไป) แต่ที่สำคัญคือเงิน รายได้ของเราต้องมากกว่ามูลค่ายอดที่เราจะกู้

สมมติ เราเงินเดือน 20,000 บาท กู้ได้เต็มที่ชำระได้ที่ 40% คือ 8,000 บาท กู้เต็มที่ได้ที่ 1.2 ล้านผ่อน 30 ปี แต่เราไปซื้อบ้านที่ราคา 2 ล้านแต่ราคาประเมินมากถึง 3 ล้าน ในกรณีแบบนี้ก็ทำไม่ได้หรือไม่เกิดผล ไม่ได้ส่วนต่างเพิ่มแถมยังต้องจ่ายเงินส่วนต่างให้ธนาคารอีกด้วย ยังไงก็ไม่ได้ส่วนต่างเพราะธนาคารก็จะให้เรากู้แค้ 1.2 ล้านตามศักยภาพที่เราสามารถจ่ายได้จริง

เอาล่ะ ผมอธิบายหลักการไปแล้วที่นี้มาลองดูสถานการณ์จริงกันบ้าง ขอเล่าในแบบสีขาวๆเล่นในเกมนะครับ เรื่องแบบสีเทาๆก็พอรู้บ้างแต่ขออนุญาตล่ะไว้เดี๋ยวของจะเข้าตัว 5555+

 

surprise สถานการณ์ที่ 1 เกิดขึ้นกับเพื่อนผมคนหนึ่ง

เขาเป็นพี่ชายคนโตในครอบครัวที่แตกแยก แต่คุณแม่ใจเด็ดเดี่ยวและแรงใจเป็นเลิศ(กราบรำลึกถึงคุณแม่เพื่อนครับ ไอดอลคุณแม่ตัวอย่าง) ได้พยายามดันและส่งเสียลูกให้ได้เล่าเรียนทุกคน … ด้วยลูกที่หลายคนทำให้ตอนเพื่อนผมเรียนจบออกมานั้น รับปริญญาพร้อมกับหนี้เดิม ภาระของครอบครัว และ หน้าที่ที่ต้องส่งน้องเล่าเรียน

เขาจบออกทำงานได้เงินเดือนไม่กี่บาท(แต่ก็พอที่จะกู้คอนโดนี้) ณ เวลานั้นแน่นอนว่าเงินไม่มีและหมุนไม่ทัน … เขาเลือกที่จะกู้คอนโดเก่าๆสภาพเกือบร้าง(ราคาขายจริงไม่กี่แสนบาทแต่ราคา ประเมินเกือบล้าน) … ซื้อโดยที่ไม่ได้อยู่อาศัยด้วย ปล่อยให้เช่ามองในแง่ความคุ้มค่าแทบไม่มี ซื้อจริงหลักแสน(กู้จริงเกือบล้าน) แต่รับค่าเช่า 1-2,000 บาท คนเช่าก็มีบ้างไม่มีบ้าง ยอมเป็นหนี้ก้อนโตเพื่อหวังที่จะ “ได้เงินส่วนต่าง” มาเสริมสภาพคล่องให้แก่ครอบครัว

ปัจจุบันเพื่อนผมคนนี้ส่งน้องเรียนจนจบทุกคนแล้ว แต่คอนโดที่ซื้อนั้นก็ผ่อนอยู่โชคดีหน่อยที่สภาพแวดล้อมรอบๆคอนโดเจริญขึ้น บ้าง ได้ราคาขึ้นมาอีกนิดหน่อย อัตราการเช่าดีขึ้น

 

surprise สถานการณ์ที่ 2 เป็นเรื่องราวของผมเอง

ผมต้องการจะย้ายที่ทำงานเดิมไปที่ใหม่ เพราะ เจ้าของตึกที่ผมเช่าอยู่ทำอย่างไรก็ไม่ยอมขายตึกให้ผม แต่ค่าเช่ายังคงขึ้นทุก 2 ปี และ มันเริ่มมากเกินกว่าที่ผมจะรับได้ ผมจึงเริ่มมองหาอาคารพาณิชย์ในบริเวณที่สนใจ

ผมไปเจอตึกหนึ่งสภาพโครงการโดยรวมดูไม่ดีพลุกพล่านแต่ก็ไม่ย่ำแย่เกิน ไป(และธุรกิจที่ผมทำไม่จำเป็นต้องใช้หน้าร้าน) ผมไปเจออาคารพาณิชย์ 2 คูหาประกาศขายด่วน

ราคาประกาศขายอยู่ 2.4 ล้าน หรือ ตึกล่ะ 1.2 ล้านบาท ในขณะที่ราคาตลาดหรือราคาตึกอื่นในบริเวณใกล้เคียงที่ซื้อขายจริง(ตามประกาศ ขาย) ของตึกอื่นอยู่ที่ราคา 1.6 ล้าน++ บาทต่อคูหา แสดงว่าตึกหลังนี่ถูกกว่าหลังอื่นมาก ที่ผมจึงเข้าไปสอบถามและขอดูภายใน  สภาพภายในก็ย่ำแย่ สภาพถูกทิ้งมาหลายปี ผนังมีราขึ้นโดยรอบ มีร่องรอยของน้ำซึมตามขอบหน้าต่างและประตูรวมถึงเพดาน(เป็นดาดฟ้า) แต่ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาภายนอกที่สามารถแกไขได้ แต่ในเรื่องของโครงสร้างยังดีอยู่ไม่มีปัญหาแต่ประการใด ค่าซ่อมบำรุงชุดใหญ่แบบยกเครื่องทั้งภายในภายนอกไม่เกิน 200,000 บาทแน่นอน (ก็ไม่เกินจริงๆเพราะทำแล้ว)

กรณีนี้อาจจะมองได้หลายปัจจัยที่ราคาขายต่ำกว่าราคาประเมิน เจ้าของก็อยากขายจริงๆ เพราะ ขายมานานแล้วก็ไม่มีใครสนใจอาจจะด้วยเรื่องของสภาพภายในที่ย่ำแย่ทรุดโทรม อีกทั้งโดยรวมของโครงการนี้ก็ไม่พลุกพล่านมาก จริงๆคือเงียบเลยล่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับร้าง

ผมจึงทำเรื่องกู้ธนาคาร สถานะการเงินของบริษัทที่ผมใช้กู้ซื้อนั้นสถานะการเงินนั้นดีเพียงพอสำหรับ การกู้อสังหานี้ได้ … ในท้ายที่สุดธนาคารให้กู้ที่ 2.8 ล้านบาท (จริงๆธนาคารเสนอให้มากกว่านี้แต่ผมเอาเท่านี้พอ) ในกรณีนี้ผมแทบไม่ได้ใช้เงินสดของตัวเองเลย เลยซื้อจริง 2.4 ล้าน ผู้ขายออกค่าใช้จ่ายที่ดินให้หมด (ยกเว้นค่าจดจำนอง) แต่ธนาคารให้ 2.8 ล้าน ผมซ่อมบำรุงไป 2 แสน เงินเหลืออีก 2 แสนไปทำอย่างอื่นต่อ


 สรุป

การกู้เงินเกินกว่าราคาที่ซื้อขายนั้นทำได้จริง แต่อาจจะยากหน่อยเพราะต้องมีหลายๆปัจจัยมารองรับตามที่กล่าวมาทั้งหมด ข้อดีคือมีเงินสดมาใช้เพิ่ม ในขณะที่ดอกเบี้ยไม่สูงมากนัก แต่อย่างไรก็ตามการกู้เงินได้มากนั้นก็เป็นดาบสองคม ยิ่งได้เงินมามากก็ยิ่งเป็นหนี้มาก ภาระผ่อนต่อเดือนก็ยิ่งมากตาม ถ้าเราบริหารจัดการเงินที่ได้มาไม่ดีพอภาระนี้ก็อาจจะกลับมาทำร้ายเราในท้าย ที่สุด

  • วิธีการขอสินเชื่อบ้านจากทางธนาคาร มีขั้นตอนก่อน และหลังจากการยื่นกู้อย่างไรบ้าง
  • ทำไงดี? ขอกู้ซื้อบ้านยากขึ้น แบงก์เข้มงวดให้สินเชื่อ
  • รวม 7 โปรแรง!! รีไฟแนนซ์ ผ่อนต่อเดือนถูกสุด จำนวนเดือนเท่าเดิม
  • กู้เพิ่มจากบัญชีเดิม ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระกับธนาคาร ธอส.
  • วิธีผ่อนบ้านให้หมดภายใน 7-10 ปี เป็นไกด์ไลน์ให้คนที่กำลังจะซื้อบ้านหรือคอนโด
  • รวมมาตรการ 12 ธนาคารพักชำระหนี้สินเชื่อบ้าน เฟส 2 มีที่ไหนบ้าง เช็กได้ที่นี่!
  • สำรวจความพร้อมก่อนกู้สินเชื่อบ้าน-คอนโด ด้วยการทำ Pre-Approve
  • หลากวิธีถอนชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน ทำอย่างไรดี ?
  • ผ่อนบ้านอย่างไร ให้หมดเร็วแบบสบายๆ แถมยังได้เงินคืนเมื่อผ่อนบ้านหมด
  • 3 เรื่องต้องรู้ ก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน แนะสูตรคำนวณแบบประหยัดดอกเบี้ย หนีดอกเบี้ยสุดโหด
  • สินเชื่อ SME ต่อยอดธุรกิจ กู้เงินเปิดร้าน วงเงินกู้ 3 เท่า สูงสุด 20 ล้าน
  • สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ จากธนาคารกรุงไทย ตัวช่วยของคนอยากมีบ้าน
  • ผ่อนบ้านจัดเต็มกับกรุงไทย ผ่อนนาน 40 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 6 เดือน
  • ออมสินให้วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้าน ใช้เป็นเงินทุนร้านสำหรับพ่อค้าแม่ขาย อาชีพอิสระ ผ่อนยาว 10 ปี
  • สมัครกู้เงินออนไลน์? ออมสินให้กู้ด่วน 200,000 บาท จริงหรือไม่
  • วิธีการขอ สินเชื่อ ต่อเติม-ตกแต่งบ้าน บริการสินเชื่อสำหรับผู้ที่มีบ้านเป็นของตัวเอง

    สินเชื่อต่อเติม-ซ่อมแซม-ตกแต่งบ้านหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้าน เป็นบริการเงินกู้อีกรูปแบบหนึ่งที่ธนาคารส่วนใหญ่มีไว้บริการลูกค้า นอกจากการปล่อยสินเชื่อ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย หรือเรียกโดยรวมว่าสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยมีบ้านที่ดินประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดฯ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้

    © สงวนลิขสิทธิ์ 2567 บริษัท ไทยโฮมทาวน์ จำกัด
    @thaihometown Scroll