สองวันที่ผ่านมานี้ เราคงจะได้ยินข่าวอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของรถไฟฟ้า BTS ที่เกิดขัดข้องขึ้นมา เนื่องด้วยระบบอาณัติส่งสัญญาณเสีย ที่ทำให้รถไฟฟ้าเดินทางได้ช้าลง เพราะคนขับต้องขับเองแบบระบบ Manual และเกิดเหตุผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก จนในที่สุด ปิดระบบรถไฟฟ้าเพื่อซ่อมแซมระบบ ผมนี่ได้ยินมาว่าบางคนเข้างานสายถึงเที่ยง ถึงบ่ายก็มี และในฐานะที่รถไฟฟ้านั้นเกิดเหตุขัดข้องบ่อย จนแทบจะรายวันเลยก็ได้ ผมว่าวันนี้เราเรียกร้องอะไรไม่ค่อยได้แล้วล่ะ เพราะมันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยจำเป็นของคนกรุงไปเสียแล้ว นอกเสียจากการปรับตัว การพลิกแพลง แก้ปัญหาต่างๆ จากตัวเราเอง ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเราก็เถอะ แต่เราก็ต้องปรับตัว เพื่อให้ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ
1. ตื่นให้เช้าขึ้น
ลองปรับกิจวัตรประจำวันดูครับ ลองตื่นให้เร็วขึ้น สักครึ่งชั่วโมง ถึงหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้เรามีเวลาจัดแจงตัวเองได้มากขึ้น รวมไปถึงให้เราออกจากบ้านได้เร็วขึ้นด้วย เมื่อเราออกมาเร็วขึ้น จะมีหนึ่งสิ่งที่เราไม่เจอ ก็คือรถติดครับ ณ จุดๆ นั้น เราก็อาจจะนั่งรถเมล์ได้แบบสบายๆ รถไม่ติดมากนัก หรืออาจจะได้ขึ้นรถไฟฟ้าเร็ว ในช่วงเวลาที่ยังไม่เกิดปัญหาใดๆ เรียกได้ว่าเปิดก่อนได้เปรียบนั่นเองครับ
2. เตรียมชุดทำงานในวันต่อไปตั้งแต่ก่อนนอน
อันนี้ผมสังเกตเห็นมาจากหนังที่ผมชอบดูมากๆ เรื่องหนึ่งครับ ชื่อเรื่องว่า The Intern ซึ่งตัวเอกของเรื่องเป็นคุณลุงวัยเกษียณอายุ 70 ปี ที่มักจะมีกิจวัตรประจำวันแบบ Old school คือทำทุกอย่างแบบคนยุค Babyboom มีระเบียบ เตรียมความพร้อมในการทำงานวันต่อไปตั้งแต่ก่อนนอน ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการเลือกชุดทำงานในตอนเช้าได้เป็นอย่างมากเลยครับ
3. เปลี่ยนไปใช้การเดินทางแบบอื่นแทน
ระบบการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ นั้นไม่ได้มีแค่รถไฟฟ้า BTS เพียงอย่างเดียว ให้เราลองพลิกแพลงการเดินทางดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการรถตู้ รถเมล์ที่ขึ้นทางด่วน หรือหากมีเรือด่วนตามคลอง หรือเรือด่วนเจ้าพระยาให้ใช้ หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์ หรืออาจจะยอมอ้อมนิดหน่อย ด้วยการลงรถไฟฟ้า MRT แทนก็ได้ จริงๆแล้วมันก็อยู่บนพื้นฐานที่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ไปทำงานทัน ก็แค่นั้นเองครับ
4. แกรปวิน
ในกรณีทีึ่ฉุกเฉินที่สุด เราไม่สามารถเรียกอะไรได้แล้ว ไม่มีรถเมล์ผ่าน รถติด หรือไม่สามารถรอรถที่ป้ายรถเมล์ได้อีกแล้ว งั้นเราก็แค่ เรียกรถให้มาหาเราเองเลยก็ได้ครับ ให้หยิบมือถือ เปิดแอพแกรป เรียกแกรปวินเลยครับ รับรอง กู้ชีวิตคุณได้แน่ๆ เชื่อผมเถอะ ผมอ่ะ หลายรอบละ
5. ใช้มอเตอร์ไซค์ หรือปั่นจักรยานแทน
เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยได้ในระดับนึงเลยครับ กับรถมอเตอร์ไซค์ ที่สามารถไหลตามช่อง เลี้ยว คดเคี้ยว และแทรกตามถนนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่จะช่วยให้การเดินทางไปได้เร็วขึ้น หรือถ้าที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากที่พักนักล่ะก็ ลองเปลี่ยนเป็นการปั่นจักรยานดูก็ได้ครับ เพราะจะค่อนข้างมีอิสระ และคล่องตัวมากกว่าจักรยานอยู่มาก แถมยังได้ออกกำลังกายด้วยล่ะครับ
6. เปิด Google Maps วางแผนการเดินทางทุกครั้ง
Google Maps ไม่ได้มีดีแค่การเป็น GPS นำทางครับ แต่ยังสามารถบอกถึงความหนาแน่นของการจราจรได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้เราทราบ ว่าเส้นทางไหนเดินทางได้สะดวก เส้นทางไหน เราสามารถเลี่ยงได้บ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเดินทางให้มาทำงานทันได้ ผมเองก็ใช้วิธีนี้แหละครับ ถึงได้ไม่เคยสายเลย (ถึงจะเคยแต่ก็น้อยมากอ่ะ บอกเลย พนักงานดีเด่นไปอีก 555555)
จริงๆแล้วการเดินทางนั้นมีวิธีที่หลากหลายมากๆ แต่คนเรามักจะคิดไปเองว่ารถไฟฟ้าคือ Needs เดียวที่เราต้องการ จนเราลืมมองสิ่งต่างๆ ที่ยังมีอยู่อีกมากมาย เพียงแค่เรามีการจัดสรรเวลาที่ดี วางแผนการใช้ชีวิต การเดินทางให้ดี เข้าใจการเดินทาง แค่นี้ทุกปัญหาก็จะหมดไปครับ