เช็คความพร้อมตัวคุณก่อนจะ "ซื้อคอนโด"
หลายคนอาจจะตกใจที่ ถามกันแบบนี้ ที่ต้องถามเพราะหลายคน โดยเฉพาะคนทำงานรุ่นใหม่ๆ อยากจะซื้อคอนโดไว้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้คิดถี่ถ้วนมากพอ ผมเลยอาสามาชี้แจงกันซะหน่อย
"ด้วยประเด็นง่ายๆ คือ ที่ดินในเมือง ติดเส้นทางเดินทางหลัก (รถไฟฟ้า) ราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ และการได้อยู่แบบคุ้มค่าที่สุดคือ ที่พักแบบคอนโด (ส่วนบ้านเดี่ยวก็ เขยิบไปอยู่ชานเมือง) รวมทั้งคอนโดมาตรฐานมีทั้ง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส บริการซักรีด อีกสารพัด ทำให้คนทำงานที่พักคนเดียว หรือเป็นแหล่งที่พักที่สอง (บางคนใช้คอนโดเป็นบ้านเล็กหลบกิ๊ก อั๊ยย่ะ!) ไม่ว่าอย่างไร หลายคน พบว่าคอนโดคือคำตอบที่พักที่สะดวกสบาย "
การซื้อคอนโด มีหลักการเหมือน “การกู้” ทั่วๆไป
• เงินผ่อนแต่ละเดือน ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้หรือเงินเดือน
(ให้พิจารณาร่วมกับ ค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วย รวมกันไม่เกิน 40% ครับ)
• หากอยู่เกิน 2 ปี และต้องการขายต่อ จะหักภาษีธุรกิจจากราคาขายต่อ (ราคาประเมิน) 3.3%
แต่ถ้าซื้อเก็งกำไร ซื้อมาขายไปก็ไม่เกี่ยวนะครับ
ข้อพิจารณาอื่นๆที่สำคัญ
• เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงสระน้ำ ฟิตเนส แม้กระทั่งที่จอดรถ (บางทีเก็บรายปี บางทีเก็บรายเดือน บางทีเก็บตามการใช้งานจริง) ต้องดูครับว่า เราได้ใช้ และเราควรจ่ายแบบไหน ยุติธรรมกับเราหรือเปล่า (ได้ใช้หรือเปล่า)
• คอนโดทุกที่ อ้างว่า ใกล้รถไฟฟ้าเหมือนๆกัน แต่คำว่า “ใกล้” ไม่เท่ากันนะครับ บางที่ลงรถไฟฟ้าแล้วก็ต้องผ่านทางเปลี่ยว บางที่ก็มีรถสองแถว บางที่ต้องเดินเอง สำรวจให้ดีครับ
• คอนโดมีประวัติ “น้ำท่วม” ปีที่แล้วหรือเปล่า หลายคน “เจ็บ” กันไปแล้ว เพราะคิดว่าอยู่คอนโดที่สูงๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่จริงๆแล้ว พอบริเวณนั้นน้ำท่วม ทางการก็ตัดไฟทั้งหมดเหมือนกัน อยู่เหนือน้ำก็จริง แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้นะจ๊ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก K EXPERT ธนาคารกสิกร