ตอบได้ว่ายุคสมัยนี้การใช้อินเตอร์เน็ตได้มีมากมาย มีการใช้งานตลอกช่วงเวลา ธุรกิจมากมายจึงหันมาทำคอนเทนลงบนอินเตอร์เน็ต คอนเทนก็มีหลายแบบไม่ว่าจะเป็น คอนเทนประเภทเนื้อหาสาระความรู้ คอนเทนด้านความรู้วิชาการ คอนเทนด้านไอที การท่องเที่ยว ไปจนถึงเกี่ยวกับร้านอาหารต่างๆ และที่เกริ่นนำมาทั้งหมดนี้เป็นการชี้นำมาสู่การทำรีวิวโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ โครงการใหม่ บ้าน คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ซึ่งโครงการต่างๆมักมีการขายโดยไม่ได้ทำการตลาดที่ตรงต่อความต้องการของผู้ซื้อ เพราะไม่มีการทำรีวิวโครงการเพื่อให้ผู้ซื้อได้ทราบข้อมูลรายละเอียดของโครงการมากเพียงพอ
การทำรีวิวโครงการจึงเป็นการตลาดด้านนึงที่มีผลทางการตลาดชัดเจนมากที่สุด เข้าถึงผู้ซื้อได้เยอะกว่าการตลาดด้านอื่นๆ ซึ่งการรีวิวก็มีหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการเดินทาง รายละเอียดโครงการ บรรยากาศภายในโครงการ รูปแบบตัวบ้านภายนอก และภายในบ้านตัวอย่างของโครงการ รายการของแถมโปรโมชั่นต่างๆ รวมไปจนถึงราคาขายของโครงการ ซึ่งราคานั้นจะเหมาะสมกับแบบบ้านหรือไม่ อย่างไรรีวิวก็มักจะเป็นคำตอบให้ผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี
รีวิวคืออะไร
รีวิวคือการเขียนแนะนำสินค้าเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้น ซึ่งการรีวิวมักจะเกิดกับสินค้าแทบจะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไอที ร้านอาหาร รวมถึงอสังหาริมทรัพด้วย โดยการรีวิวจะแตกต่างกับการเขียนบทความทั่วไป เพราะบทความทั่วไปจะเน้นการให้ความรู้ และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา แต่การรีวิวจะเน้นให้ความรู้สึกจากประสบการณ์จริงที่เคยได้ไปสัมผัสมา เช่น ทีมงานไทยโฮมทาวน์ลงโครงการ ชมบ้านตัวอย่าง แล้วนำประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้มาเขียนบอกเล่านั่นเอง เพื่อให้คนที่สนใจได้อ่านศึกษาข้อมูล พร้อมกับรับชมบ้านตัวอย่างผ่านภาพถ่ายของทีมงาน ซึ่งข้อดีของรีวิวคือสามารถเข้าถึงได้ง่ายกับจำนวนข้อมูลที่ครบถ้วนบนอินเตอร์เน็ต แตกต่างกับการทำโฆษณาผ่านวิทยุ นิตยสาร รวมถึงโฆษณาบิลบอร์ด ถ้าลูกค้าเข้าถึงได้ยากกว่าแถมยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน
ทำไมต้องรีวิว
จริงๆ แล้วการรีวิวก็คือการลงทุนอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีโครงการบ้านอยู่ 1 โครงการ ลงทุนโฆษณาโดยการประกาศขายพร้อมบอกราคา โปรโมชั่นต่างๆ ติดตามเว็บไซต์ มันก็จะได้กลุ่มลูกค้าอยู่บ้าง แต่ต้องบอกเลยนะครับว่ามันไม่สามารถครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า เพราะข้อมูลในการโฆษณาที่ผมได้กล่าวไปนั้น ลูกค้าไม่สามารถดูอะไรได้เลยนอกจากโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ ตรงกันข้ามกับรีวิวที่ลูกค้าสามารถศึกษาข้อมูลจากการเขียนบรรยายบรรยากาศภายในโครงการ เขียนบรรยายการตกแต่ง พร้อมทั้งบอกทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นครับ ทั้งนี้ลูกค้ายังสามารถรับชมภาพตัวอย่างจากทีมงานรีวิวได้อีกด้วย
สำหรับแหล่งข้อมูลที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากที่สุดก็คือแหล่งข้อมูลออนไลน์ หลายบริษัทลดต้นทุนการทำโฆษณาบิลบอร์ด เพื่อลงทุนทางด้านออนไลน์กันมากขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดออนไลน์ ทั้งนี้ก็เพราะว่าการโฆษณาทางด้านออนไลน์นั้นสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้ดีกว่า เพราะหากลูกค้าเกิดสนใจอยากซื้อบ้านขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็จะทำการค้นหาผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นอันดับแรก ซึ่งจุดนี้เองก็เป็นข้อบ่งบอกว่าทำไมถึงต้องทำการรีวิว
สิ่งที่ได้จากการทำรีวิว
สำหรับสิ่งที่ได้จากการรีวิวถ้าจะให้สาธยายก็คงจะบอกเล่ากันไม่จบ ไม่สิ้น ดังนั้นผมจะมาพูดสรุปความแบบคร่าวๆ ก็แล้วกันนะครับ
สิ่งแรกที่ีจะได้จากการรีวิวก็คือ การเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า แน่นอนว่าถ้าหากมีโครงการแล้วไม่ทำการรีวิวก็จะทำให้กลุ่มลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ถ้าหากทำการรีวิวอย่างน้อยก็เหมือนเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกค้าได้เห็นมากขึ้น ทั้งคนที่มีความสนใจอยู่แล้วที่ต้องการหาข้อมูลเพิ่ม หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยสนใจเลยแต่เข้าเว็บไซต์ Thaihometown มาแล้วเห็นรีวิวโครงการของท่าน เลยเลือกที่จะคลิกไปอ่าน ปรากฎว่าชื่นชอบและมีความสนใจที่จะซื้อ เพียงเท่านี้ท่านก็จะได้ลูกค้าเพิ่มแล้วครับ
สิ่งที่ได้จากการรีวิวอีกอย่างหนึ่งก็คือ โครงการจะได้อธิบายถึงจุดเด่นของตัวเอง เช่นโครงการมีจุดเด่นอย่างไร ทำเลของโครงการเป็นอย่างไร ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วนเส้นไหน รวมถึงแหล่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นองค์ประกอบหลักในชีวิตของคนรุ่นใหม่ไปแล้ว ถ้าคุณได้บอกผ่านการเขียนรีวิวก็ดีกว่าให้ลูกค้าต้องมานั่งงมคิดไปเองว่าโครงการของคุณอยู่ใกล้ห้างไหน เดินทางเข้าเมืองยังไง ใช้เวลากี่นาที ถูกไหม?
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าที่เข้ามาอ่านรีวิวก็คือภาพถ่ายจากสถานที่จริง พร้อมคำบรรยายซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจที่ดี ไม่แพ้ราคาหรือแม้แต่โปรโมชั่นที่ล่อตาล่่อใจเลยครับ
สรุปง่ายๆ เลยนะครับ สิ่งที่โครงการจะได้จากรีวิวก็คือกลุ่มที่ลูกค้าที่มีความสนใจจริงๆ เพราะคนที่จะคลิกเข้ามาอ่านรีวิวได้นั้นต้องเป็นคนที่มีความสนใจตัวโครงการอยู่แล้วระดับหนึ่งถูกไหมครับ ทีนี้เค้าจะสนใจซื้อโครงการหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา โดยลูกค้าอาจจะเปรียบเทียบหลายๆ โครงการในทำเลเดียวกัน แต่ถ้าคุณไม่ทำการรีวิวมันก็มีข้อเสียก็คือ คุณจะเสียเปรียบโครงการที่เขาทำรีวิวอย่างแน่นอน เพราะลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่เหมือนกับโครงการที่ทำการรีวิวนั่นเอง
อีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าที่จะสามารถเข้าถึงได้ก็คือ กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้มีความสนใจอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่คลิกเข้ามาอ่านรีวิวโครงการของท่าน ท่านก็จะได้ลูกค้าเพิ่มช่นกันครับ
ข้อแตกต่างระหว่างการทำรีวิว และไม่ทำรีวิว
อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วนะครับเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องทำรีวิว คราวนี้เรามาดูความแตกต่างระหว่างการทำรีวิวและไม่ทำรีวิวการบ้างนะครับ เพื่อให้เห็นเป็นข้อแตกต่าง
ทำรีวิว
- กลุ่มลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เพราะมีข้อมูลออนไลน์อยู่บนเว็บไซต์
- ได้เปรียบโครงการที่ไม่ทำรีวิว เพราะหากท่านทำรีวิว โครงการของท่านจะมีข้อมูลมากมายเพื่อให้ลูกค้าเปรียบเทียบกับโครงการอื่น
- การเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้า หลายโครงการมีจุดเด่นเฉพาะตัวอยู่แล้ว ใช้รีวิวเพื่อเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึง ทำให้มีกลุ่มลูกค้าจากทั่วประเทศ เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้หมด
- กลุ่มลูกค้าสามารถเดินทางไปโครงการได้ง่ายกว่าการไม่ทำรีวิว เพราะรีวิวทุกที่จะมีการแทรกข้อมูลการเดินทางไปโครงการ
- ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า เพราะมีการอธิบายอย่างชัดเจน เกี่ยวกับบ้าน ทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ไม่ทำรีวิว
- กลุ่มลูกค้าเข้าถึงได้ยาก เพราะไม่มีการเผยแพร่ข้อมูล
- เสียเปรียบโครงการที่ทำรีวิวอย่างชัดเจน เพราะไม่มีข้อมูลให้ลูกค้าได้เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
- กลุ่มลูกค้ากระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ เพราะขาดการโฆษณาที่กว้างขวาง
- กลุ่มลูกค้าที่อยู่ไกลเดินทางเข้าถึงได้ยาก เพราะไม่มีการรีวิวเส้นทางบอกอย่างชัดเจน
- ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ยาก เพราะไม่มีตัวช่วยในการตัดสินใจ
รีวิวทั่วไปเป็นอย่างไร
รีวิวทั่วไปทุกรีวิวก็จะมีชุดข้อมูลที่เหมือนกัน เช่น รีวิวแบบบ้าน รีวิวทำเล รีวิวเส้นทางการเดินทาง และรีวิวสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจใกล้กับโครงการ ส่วนการจัดเรียงและการให้น้ำหนักข้อมูลก็จะแตกต่างกันออกไป แต่รีวิวทั่วไปหลายที่จะแฝงข้อพิดพลาดไว้เยอะ จากการจับตาของทีมวิเคราะห์จาก Thaihometown ซึ่งมักจะพบความพิดพลาดหลายส่วน ออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีคู่แข่ง แต่ต้องการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมากับลูกค้ารีวิวของเรานะครับ หลังจากได้ทราบกันแล้วว่ารีวิวเป็นอย่างไร คราวนี้มาดูการทำรีวิวกันบ้างนะครับ
จริงๆ แล้วการทำรีวิวแต่ละที่นั้นก็จะมีรูปแบบชุดข้อมูลที่เหมือนกันหมด เช่น ตัวอสังหาริมทรัพย์ ทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ไอเดียในการครีเอทออกมานั้นแตกต่างกัน เช่นการให้น้ำหนักข้อมูล ทางทีมงาน Thaihometown จะมีการพูดคุยกับลูกค้ารีวิวก่อนเสมอว่าต้องการให้น้ำหนักข้อมูลไปในทิศทางใด เช่นบางที่อาจจะเน้นทำเล บางที่อาจจะเน้นไปในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น
เบื้องต้นเราได้ทราบถึงการรีวิวไปแล้ว ซึ่งการรีวิวนั้นจะมีชุดข้อมูลเหมือนกันอย่างที่ผมบอก เช่นเขียนอธิบายตามภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทำให้โดดเด่นและเข้าถึงใจคนอ่านได้มากที่สุด แต่รีวิวบางที่นั้นกลับนำเสนอข้อมูลได้ไม่น่าสนใจบ้าง ไม่คลิกกับคนดู หรือไม่ตรงใจลูกค้าผู้จ้างบ้าง ซึ่งเราหยิบยกตัวอย่างมาให้ดูดังนี้ครับ
1. ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
บางเว็บไซต์เขียนรีวิวได้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แถมถ่ายภาพได้สวย ข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน แต่กลับไม่สามารถเรียกลูกค้าให้ทางโครงการได้ เนื่องจากเว็บไซต์ของเขาไม่มีคนเข้าชม หรือคนเข้าชมน้อยนั่นเอง แต่สำหรับ Thaihometown เราติดอับดับการค้นหาบนเว็บไซต์ Google อยู่แล้ว จึงตัดปัญหาด้านการเข้าไม่ถึงไปได้เลยครับ หรืออีกกรณีหนึ่ง คนเข้าชมรีวิวเยอะมากแต่ไม่มีคนซื้อ ทั้งที่เขียนดี นั่นก็เพราะว่ามีการปั้มยอดวิวเข้าชมนั่นเอง ซึ่งอย่างหลังนี่ต้องระวังเลยนะครับ
2. การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลไม่ถูกต้อง
รีวิวทั่วไปบางเว็บไซต์มีความผิดพลาดในการจัดชุดข้อมูล เช่น ทำรีวิวโครงการคอนโด แต่กลับพูดถึงตลาดบ้าง ร้านอาหารบ้าง โดยพูดไปประมาณครึ่งรีวิวได้ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ผิดพลาดในการให้น้ำหนักข้อมูล พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่มีทำเลบ้านอยู่ในใจอยู่แล้วครับ เขารู้ว่าบริเวณที่เขาอยู่นั้นมีห้างอะไร มีร้านอะไร ไม่มีใครที่สุ่มซื้อบ้านโดยที่ไม่รู้ข้อมูลพื้นที่เลยหรอกครับ เขามาอ่านเพื่ออยากรู้ว่าบ้านเป็นอย่างไร แต่เราก็จะไม่ละทิ้งเรื่องนี้ โดยมีการจัดชุดข้อมูลให้น้ำหนักไปที่การรีวิวตัวอสังหาริมทรัพย์ 70% และอีก 30% เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนอื่นๆ เช่น ทำเล สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่ไม่ทราบอะไรเลย หรือเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
3. ข้อมูลไม่คลิกกับคนอ่าน
รีวิวทั่วไปบางที่เขียนรีวิวไม่คลิกกับผู้อ่าน ทำให้ไม่ได้รับความสนใจ ยกตัวอย่างเช่น ไปถ่ายภาพมาแล้วบรรยายตามภาพ ไม่มีการสอดแทรกไอเดียให้ผู้อ่านรู้สึกว่าจริงๆ แล้วมันสามารถเป็นอะไรได้มากกว่านี้ เป็นต้น พูดง่ายๆ คือ ได้ภาพอะไรมาก็เขียนไป ซึ่งคนอ่านก็มองออกครับว่าภาพนั้นคืออะไร
4. ข้อมูลไม่คลิกกับเจ้าของโครงการ
รีวิวบางรีวิวไม่สามารถคลิกกับเจ้าของโครงการได้ในเรื่องของการให้ข้อมูลเช่น รีวิวยังไม่เป็นที่พอใจของเจ้าของโครงการแต่กลับมีการจำกัดการแก้ไขของลูกค้า เช่นแก้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง หนักกว่านั้นคือไม่ให้แก้ไขเลย ซึ่งตรงนี้อาจจะสร้างปัญหาให้กับเจ้าของโครงการได้ ของทีมงาน Thaihometown สามารถแก้ไขจนจบงานและเป็นที่พอใจของลูกค้าครับ
อีกหนึ่งความผิดพลาดที่เจ้าของโครงการอาจจะต้องปวดหัวกับทีมรีวิวทั่วไปก็คือ การโจมตีโครงการของตัวเอง เช่นการบอกข้อเสียให้ผู้อ่านทราบ เข้าใจครับว่าทุกโครงการย่อมมีข้อเสีย แต่การจ้างรีวิวควรพูดถึงข้อดีของสินค้านะครับ เพราะเป้าหมายหลักของเราคือหาคนซื้อให้เจ้าของโครงการรีวิว ถ้าพูดถึงข้อเสีย คิดเป็นเปอร์เซ็นแบบนั้นเขาเรียกวิจารณ์แล้วครับ ถ้าหาข้อดีข้อเสียคุณไม่ต้องจ้างก็ได้นักวิจารณ์ในประเทศมีเยอะแยะ
อีกหนึ่งความผิดพลาดก็คือการพูดถึงโครงการอื่น เช่น "วันนี้เราจะเดินทางไปโครงการ A กันนะครับซึ่งทางไปโครงการจะต้องเลี้ยวซ้ายแยกหน้า สังเกตขวามือจะเป็นโครงการ B" ซึ่งโครงการ B อาจจะเป็นโครงการคู่แข้งก็ได้ ถ้าคุณเป็นเจ้าของโครงการ A จ้างทีมรีวิว แต่กลับพูดถึงโครงการ B คุณจะจ้างเขาทำไมครับ อีกอย่างก็คือ ถ้าพูดว่าผ่านโครงการ B นั่นหมายความว่า โครงการ B สามารถเข้าถึงได้ง่ายกวาโครงการคุณนะครับ ขนาดเขารีวิว เขายังถึงก่อนเลย ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นโฆษณาแฝงนะครับ ซึ่งทำกันเนียนๆ เลย อันนี้ต้องระวังนะครับ
5. ไม่ดูมุมมองของลูกค้า
จริงๆ การรีวิวที่ดีควรจะลองมองมุมกลับด้วยว่า ถ้าเราเป็นลูกค้าเราอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับโครงการที่เราจะไปซื้อ ซึ่งรีวิวบางเจ้านั้น เขียนเอาแต่ใจมากไปหน่อย จนเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถคลิกกับลูกค้าได้นั่นเอง
ในส่วนบทความนี้จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับการทำรีวิวและวิเคราะห์การทำรีวิวทั่วไปบนตลาดของการโฆษณาอสังหาริมทรัพย์นะครับซึ่งมีความแตกต่างจากรีวิวของทีมงาน Thaihometown พอสมควร ส่วนถ้าใครอยากรู้ว่าทำรีวิวกับ Thaihometown แล้วเป็นอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง ►คลิกที่นี่