ผ่านกันไปแล้วอย่างเป็นทางการนะครับสำหรับหน้าร้อน และในช่วงเวลานี้ก็น่าจะพูดได้เต็มปากแล้วแหละครับว่าเข้าสู่หน้าฝนแล้ว เพราะรองเท้าผมนี่เปียกทุกวันเลย เดินตกน้ำนะครับ ผ่าม !!!!! ไม่ใช่ครับ เพราะฝนตกทุกวันเลยต่างหากล่ะ และการที่ฝนตกนั้น ถึงแม้จะเย็นสบายก็จริง แต่หลายคนก็คงไม่ชอบมันแน่ๆ เพราะทั้งแฉะ เปียก บางทีก็น้ำท่วม บางครั้งก็ไม่สบาย บางทีก็ดึงซีนอกหักได้เต็มๆอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเวลาฝนตก คงมีคนกำลังร้องไห้กันเลยทีเดียว แต่ฝนตกก็ไม่ใช่แค่เรื่องไม่ดีของคนอย่างเดียวนะ ของน้องหมาก็ด้วย และจะมีอะไรบ้างที่ไม่ดีต่อใจสำหรับน้องหมา ไปดูกันเลยดีกว่าครับ
1. ปัญหาความชื้นและโรคผิวหนัง
เป็นที่รู้กันดีครับว่าหน้าฝน คือช่วงที่มีความชื้นสูงมาก ซึ่งก็ความชื้นนี่แหละครับ คือตัวการของการเกิดโรคผิวหนังของสุนัข ทำให้มีปัญหาต่างๆตามมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเรื่องกลิ่นตัว มีตุ่ม ผื่น และถ้าติดเชื้อด้วยก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบ ซึ่งบอกเลยครับ เย็นเตร็กซ์เจ้าของเดียวกับโทนาฟหรือสถาบันโรคผิวหนังก็ช่วยไม่ได้ครับ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีป้องกันไปซะทีเดียว เพราะทุกทางออกมีปัญหา ไม่ใช่ !! ทุกปัญหามีทางออกครับ เพียงแค่หมั่นดูแลเรื่องผิวหนัง และเส้นขนของน้องหมาให้แห้ง และสะอาดตลอดเวลา อย่าปล่อยให้เล่นน้ำฝน หรือน้ำสกปรก ดูแลจัดแจงที่นอนให้ห่างจากละอองฝน และทำความสะอาดที่นอนของน้องหมาที่บ้านบ่อยๆ
2. ปัญหาเห็บหมัด ตัวอันตรายในหน้าฝน
ในช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง ซึ่งก็คือช่วงหน้าฝนนี่แหละครับ จะเป็นช่วงเวลาที่เห็บหมัดจะแพร่พันธุ์กันเยอะมาก เยอะขนาดที่ว่าบัวขาวยังต้องแพ้แน่นอน เพราะอะไรเหรอ เพราะเจอหลายหมัดครับ ผ่าม ผ๊าม !!! ถึงกับน็อคเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่แค่บัวขาวที่จะน็อคนะครับ น้องหมาก็ยังมีสิทธิน็อคได้เหมือนกันครับ เพราะเห็บหมัดถือเป็นศัตรูคู่หัวใจที่เป็นพาหะนำโรคพยาธิเม็ดเลือดมาให้น้องหมา และการที่น้องหมาถูกเห็บกัดยังทำให้น้องหมาอ่อนแอ โลหิตจาง และยังส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของน้องหมาลดต่ำลง ซึ่งจะทำให้น้องหมาสามารถติดเชื้อและเป็นโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ง่าย ในขณะที่น้องหมาบางตัวก็อาจเสี่ยงอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
ในหน้าฝนนี้ อีกสิ่งที่ต้องทำก็คือการกำจัดเห็บหมัด โดยเริ่มจากการทำความสะอาดบริเวณที่นอนของน้องหมาให้สะอาด นำที่นอนของน้องหมามาทำความสะอาด พ่นยาฆ่าเห็บหมัด และอาบน้ำให้น้องหมาอย่างสม่ำเสมอ
3. ยุง และสัตว์มีพิษ
ยุง คือสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะยุงลาย ที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกแล้ว ยังเป็นพาหะนำโรคพยาธิหนอนหัวใจของน้องหมาด้วย และยังต้องระวังสัตว์อันตรายอย่างอื่นด้วย เช่น งู คางคก ตะขาบ แมงป่อง หรือสัตว์มีพิษต่างๆ เพราะหากน้องหมาถูกสัตว์เหล่านี้กัดเข้าให้แล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเสียชีวิตได้
ส่วนเรื่องการป้องกันก็ง่ายนิดเดียวครับ เพียงแค่ทำความสะอาดบ้าน จัดเก็บให้เรียบร้อย ไม่ให้รก สัตว์ร้ายจะได้ไม่ไปซุกซ่อนตัว และกำจัดแหล่งน้ำขังและน้ำรอการระบาย เพื่อเป็นการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และให้นำน้องหมาเข้ากรงที่มีมุ้งลวดก่อนฟ้าจะมืด หรือจะจุดยากันยุงก็ได้ แต่ต้องเป็นยากันยุงสำหรับสัตว์เลี้ยงนะ จะใช้ยากันยุงสำหรับคนแบบปกติไม่ได้เด็ดขาด เพราะจมูกของน้องหมามีความไวกว่าจมูกคนหลายสิบเท่า ซึ่งการใช้ยากันยุงแบบปกติจะทำให้น้องหมาได้รับผลกระทบต่อสุขภาพด้วย ห่านฟ้าอย่าใช้ครับ ถึงห่านดินจะกินหญ้า แต่งานนี้ห่านฟ้ากินหมาแน่นอนครับ
4. ภาวะเครียดที่เกิดจากสภาพอากาศ
หลายคนคงไม่ชอบบรรยากาศหน้าฝนใช่ไหมล่ะ ก็มันทั้งอึมครึม ทั้งหม่นหมอง ผมยังไม่ชอบเลย น้องหมาก็เหมือนกันนะ ที่บางครั้งอาจจะเป็นโรคอารมณ์ผิดปกติที่ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ คือจะมีอาการจิตตก หดหู่ ซึมเศร้า ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ นอนไม่หลับ ไม่ค่อยอยากอาหาร นั่นก็เพราะเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าส่งผลต่อพฤติกรรมน้องหมาโดยตรงต่ออารมณ์ความรู้สึก ทำให้น้องหมาหลายตัวรู้สึกหวาดกลัว มีอาการหอบ เครียด เห่าไม่หยุด แอบซ่อนใต้ตู้ หรือที่แคบ ๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย หรือบางตัวก็วิ่งเตลิดหนีออกจากบ้านก็มี
เพื่อไม่ให้น้องหมาเกิดความเครียดในช่วงหน้าฝน เพื่อน ๆ ก็อาจจะใช้วิธีพาน้องหมาไปออกกำลังกายเพื่อปลดปล่อยพลังงาน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน น้องหมาก็จะสงบ มีภาวะจิตใจมั่นคงมากขึ้น และอาจฝึกให้น้องหมาชินกับเสียงดังด้วยการเปิดเพลง ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน ให้น้องหมาชินกับเสียงแปลกใหม่ พาน้องหมาไปเข้าสังคมเพื่อปรับความสมดุลของอารมณ์และจิตใจเพื่อที่เวลาเจอเสียงฟ้าร้อง น้องหมาจะได้ไม่กลัวและซ่อนแอบอีกต่อไป
หน้าฝน คือช่วงเวลาที่ควรต้องดูแล เอาใจใส่น้องหมาให้ดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้น้องหมาไม่สบายได้ ดังนั้น เราจึงต้องดูแลทั้งความสะอาด อารมณ์ สภาพจิตใจ และสภาพแวดล้อมด้วย พาน้องหมาไปเดินเล่นบ้าง จะได้ไม่เครียด เพื่อที่น้องหมาจะได้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ