อุตส่าห์เก็บเงินเก็บทองกว่าจะดาวน์บ้านเป็นของตัวเองสักหลัง ไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้นพอได้บ้านสมใจก็อยู่ไม่ค่อยจะเป็นสุข ครอบครัวที่เคยอบอุ่นก็เริ่มจะร้าวฉาน บางรายร่างกายเคยแข็งแรงดีก็มาเจ็บออดๆ แอดๆ แบบไม่รู้สาเหตุไปเสียอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม จะมีใครสักกี่คนที่คิดว่าเกิดจากการสร้างเรือนผิด หรือเกิดจากการชอบตกแต่งบ้านตามแต่ใจปรารถนา โดยไม่รู้ว่าอาจจะเกิดจากการสร้างบ้านผิดหลัก "ฮวงจุ้ย"
ฮวงจุ้ยนั้นเป็นศาสตร์ของโลกตะวันออกที่ปัจจุบันเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ และไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่ยอมรับและถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย แม้แต่ฝรั่งมังค่าก็ยังอุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนถึงแก่นวิชากันถึงเมืองจีนต้นตำรับโน่น
อาจารย์กิตติพงษ์ ปังศรีวินิจ ซินแสชื่อดัง ผู้ที่คร่ำหวอดกับการดูฮวงจุ้ยมานานเล่าให้ฟังว่า หลักที่สำคัญของฮวงจุ้ยก็คือ มีความเชื่อว่าอดีตกรรม ปัจจุบันกรรม และฮวงจุ้ยมีความสัมพันธ์กัน โดยคนจีนมีความเชื่อว่าการจัดวางสิ่งของ การตกแต่งบ้านเรือน มีผลต่อธุรกิจ สุขภาพ
ทั้งนี้ สำหรับตนเองนั้น กว่าจะความรู้จะตกผลึกต้องอาศัยการเก็บสถิตินานนับปี ถึงจะสามารถฟันธงได้ว่าความรู้กับความเชื่อเดิมจะสอดประสานกันจนเกิดปรากฎการณ์ที่เป็นจริง ซึ่งเรื่องของฮวงจุ้ยนั้น ถ้าใครไม่เคยสัมผัสมากับตัวก็คงจะไม่เชื่อกันง่าย เหมือนกับตัวเองที่เคยประสบมาก่อน เพราะถึงจะมั่นใจและมีประสบการณ์ในการดูช่ำชองแค่ไหน แต่ในบางเหตุการณ์ก็มองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
“ผมเคยดูฮวงจุ้ยให้กับครอบครัวของข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่ง ทันทีที่เข้ารั้วประตูบ้านมองเห็นสระว่ายน้ำอยู่ด้านขวาของตัวบ้าน (มองออกมาจากตัวบ้าน) เราก็นึกทันทีครอบครัวนี้กำลังมีปัญหากัน แต่พอเห็นการแสดงออกของสามีภรรยา เขาพูดกันไปกอดกันไปดูรักใคร่เอ็นดูกันตลอดเวลา เราก็คิดว่าวิชาที่ร่ำเรียนมาเริ่มจะไม่ขลังหรืออย่างไร แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ภรรยาก็โทรศัพท์มาระบายว่า กำลังฟ้องหย่าสามี เพราะเกิดนอกใจ ที่ต้องกอดกันอวดคนอื่น เพราะไม่อยากให้ลูกเต้าคิดมากและเป็นกังวล เราก็เออ คิดอยู่แล้ว แต่ไม่กล้าบอกเขาไปตรงๆ”
“เราก็เลยบอกวิธีแก้ให้เขาไปทุบสระน้ำเสีย ความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับการแหวกว่ายคลายร้อนในสระน้ำ กับความสุขในครอบครัวก็ขอให้เขาเลือก แต่ไม่ใช่เฉพาะบ้านเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศหรืออะไรบ่อน้ำไม่ควรอยู่ด้านขวาของตัวบ้าน เพราะจะทำให้คนในครอบครัวตัวเอง ครอบครัวญาติพี่น้องไม่ปรองดองสามัคคี และมักจะมีปัญหาเรื่องชู้สาว ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต”
อาจารย์กิตติพงษ์อธิบายให้ฟังต่อไปว่า นอกจากบ่อน้ำแล้ว “ประตูบ้าน” หรือ “ประตูออฟฟิศ” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน กล่าวคือ มีข้อห้ามเด็ดขาดว่า อย่าวางโต๊ะ เก้าอี้หรือสิ่งกีดขวางอันใดไว้ริมประตู ยิ่งเป็นตัวบ้านหรือตัวตึกที่ติดเครื่องปรับอากาศ คนเปิดเข้าเปิดออกเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนยิ่งต้องระวัง เพราะส่งผลโดยตรงทำให้เกิดอาการหงุดหงิด เครียด และพาลจะเป็นไข้เอาได้ง่ายๆ
ดังนั้น ริมประตูจึงควรเป็นที่โล่ง และห้ามเด็ดขาดของแต่งบ้านที่เป็นของแหลมเพราะจะหาความสุขไม่ได้เลยจะปวดหัวอยู่ตลอด ถัดจากประตูหน้าบ้าน ก็ถึง “ห้องรับแขก”
อาจารย์กิตติพงษ์บอกว่า ห้องรับแขกควรอยู่มุมซ้ายของตัวบ้าน ซึ่งหลักของฮวงจุ้ยที่ควรจดจำเอาไว้ก็คือ มองซ้ายขวา ต้องหันหน้าออกนอกบ้านเท่านั้นถึงจะถูกทิศ ถ้าห้องรับแขกอยู่มุมขวาก็ให้เปลี่ยนเสีย
ทีนี้ ก็มาถึง “ห้องทานข้าว” ที่ห้ามเด็ดขาดอยู่ตรงกับห้องน้ำชั้นบน เพราะความชื้นจากห้องน้ำทำให้เกิดเชื้อโรคตกสู่โต๊ะอาหาร ห้องน้ำใหม่ๆ ยังพอทนถ้าเก่าแล้วเกิดชื้นน้ำจากห้องน้ำอาจหยดลงจานข้าวได้
ส่วนห้องครัวตามหลักฮวงจุ้ยก็ไม่ควรตรงกับห้องน้ำ แต่ถ้าบ้านจัดสรรออกแบบมาเป็นอย่างนั้นก็ให้แก้ด้วยวิธีก่อผนัง (กำแพง) ห้องน้ำให้สูงขึ้นไป และห้ามเด็ดขาดที่จะตรงกันกับห้องน้ำชั้นบน ขณะที่ประตูหลังบ้านสังเกตให้ดีถ้าอยู่ด้านขวาสุดไม่ดีให้รีบแก้ไข เพราะมันหมายถึงเงินจะออกง่ายขึ้น วิธีแก้ก็อาจจะมีฉากกั้นก่อนชั้นหนึ่ง หรือถ้าจำเป็นต้องเปิดก็ควรรีบปิดไม่ใช่เปิดค้างเอาไว้จะไม่ดี
ส่วนชั้นสอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องนอน ก็ให้สำรวจว่าการตั้งเตียงถูกต้องหรือไม่ เตียงไม่ควรจะตั้งกลางห้องให้คนเดินได้รอบเหมือนเมรุตั้งศพที่คนเดินได้รอบ และปลายเท้า (ปลายเตียง) ไม่ควรจะอยู่ตรงประตูพอดี และถ้าห้องไหนมีห้องน้ำอยู่ในห้องนอนก็ไม่ควรที่จะเหนือหัวนอน อีกข้อที่ควรจำคือหัวนอนไม่ควรชิดกับขอบหน้าต่าง เพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องปรับอากาศคนนอนส่วนใหญ่จะเปิดหน้าต่าง หากขอบเตียงชิดเวลาฝนตกละอองฝนอาจต้องศีรษะทำให้เกิดโรคได้ แต่ปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศก็ยกเว้นได้ถ้าไม่สบายใจก็เอาม่านกั้นพอเป็นพิธี
ที่โบราณถือนักถือหนา รอบเตียงไม่ควรจะมีกระจกบานใหญ่ สมัยโบราณการแต่งตัวจะปกปิดอาภรณ์อย่างรัดกุม เมื่อสามีภรรยาจะมีสัมพันธ์รักกันก็ไม่ควรจะเปิดเผยโดยผ่านกระจกมันจะดูไม่งาม แต่ปัจจุบันมันอาจจะเปลี่ยนไป แต่ส่วนใหญ่ก็ยังถืออยู่
“ของประดับภายในห้องก็มีส่วนสำคัญมาก ผมเคยไปดูฮวงจุ้ยกับนักธุรกิจเขาป่วยเป็นพากินสันมาหลายปี ผมสำรวจทั่วห้องนอนพบว่า หัวเตียงประดับด้วยไม้ลายฉลุ ศิลปะทางภาคเหนือซึ่งมียอดแหลม ผมแนะนำให้เอาออก ปรากฎว่าอาการปวดหัวด้วยโรคพากินสันของเขาหายเป็นปลิดทิ้งเลย เช่นเดียวกับห้องที่วางเตียงนอนไว้ใต้คาน ถ้าคานอยู่บริเวณหัวก็จะปวดหัว บริเวณตัวก็จะปวดเมื่อตามตัว อย่างลูกค้าคนหนึ่งของผมปวดขาพอมองดูคานก็ใช่เลย อยู่ตรงกับขาพอดี เรื่องพวกนี้ดูเล็กน้อยแต่มันก็จุกจิกและก่อความรำคาญให้กับสุขภาพไม่น้อย”
นอกจากนี้ อาจารย์กิตติพงษ์ ยังฝากเตือนผู้ที่ชอบเลี้ยงปลาตู้ในบ้านด้วยว่าให้ระมัดระวังสักนิด ถ้าเลี้ยงก็ควรตั้งให้มันอยู่ด้านขวาของบ้าน ถ้าตั้งด้านซ้ายเมื่อไร น้ำก็จะชะล้างเอา ลาภ ยศ ทรัพย์สินเงินทองก็ไปหมดเลย
“หากมีที่ดินเตรียมจะสร้างบ้าน อาคาร โรงงาน ควรให้ซินแสไปดูฮวงจุ้ยว่าจะสร้างบ้านหันไปทิศทางใด ประตู หน้าต่าง องค์ประกอบของบ้าน ห้องน้ำ เพราะหากองศาคลาดเคลื่อนไปแค่ 4.5 องศา ก็มีผลต่อฮวงจุ้ย ส่วนผู้ที่ซื้อบ้านสร้างเสร็จแล้ว ให้เลือกไว้หลายๆ แบบ หลายหมู่บ้าน แล้วค่อยตามซินแสไปดูให้ โดยควรเลือกบ้านที่หันหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออก ทิศเหนือ”
“อย่าซื้อบ้านตรงมุมสี่แยก อย่าซื้อบ้านทางสามแพร่ง อย่าซื้อบ้านที่ตรงกับประตูวัด สุสาน เมรุเผาศพ จั่วของโบสถ์ ตรงกับครุฑที่ติดกับอาคารต่างๆ จั่วโบสถ์ถือว่าร้ายแรง การแก้กรณีบ้านอยู่ทางสามแพร่ง คือให้ติดกระจกหัวสิงห์ แต่ห้ามคนเกิดปีวอกติด กรณีบ้านตราครุฑ ซึ่งเป็นตราแผ่นดิน ตราพระราชทาน ไม่มีอะไรมาสู้ได้ ให้ผูกมิตรจะดีกว่า โดยตั้งโต๊ะบูชาเซ่นไหว้ จะอยู่เย็นเป็นสุข มีสุขภาพดี” อาจารย์กิตติพงษ์ให้คำแนะนำทิ้งท้าย