เมื่อพูดถึงบ้านแล้ว หลายคนอาจจะคิดถึงบ้านเดี่ยว 2 ชั้นบ้าง 3 ชั้นบ้าง บางคนอาจจะคิดถึงตึกแถว ทาวน์โฮมบ้าง แต่ก็ยังมีบ้านอยู่อีกแบบครับ นั่นก็คือบ้านชั้นเดียว ซึ่งบ้านชั้นเดียวเป็นแบบบ้านที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไหร่นัก และในปัจจุบันก็ไม่ค่อยนิยมกันแล้วด้วย เพราะพื้นที่การใช้สอยจะมีน้อยกว่าแบบบ้าน 2 ชั้น ในขนาดที่ดินที่เท่ากัน แถมด้านฮวงจุ้ย ก็ทำได้ยากกว่าบ้าน 2 ชั้นอีกด้วย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้าน จะมารวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทั้งห้องรับแขก ห้องทำงาน ห้องครัว ห้องนอน ห้องพระ ถ้าเราจัดวางไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็ จะเกิดผลกระทบได้ง่ายกว่าบ้าน 2 ชั้น อ้าว แล้วเราจะต้องจัดบ้านยังไงดีล่ะ ไม่ยากครับ วันนี้เราจะนำเสนอวิธีการจัดฮวงจุ้ยบ้านชั้นเดียวครับ ไปดูกันเลยดีกว่า
1. ทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้งของบ้านชั้นเดียว ควรสร้างในพื้นที่โล่ง เพราะบ้านจะไม่ปะทะลม และตัวบ้านไม่ควรจะอยู่ระหว่างบ้านที่มี 2 ชั้น เพราะจะทำให้มีแรงกดข่ม และตึกสูงรอบด้านยังเป็นตัวปิดกั้นลมให้ไม่พัดเข้าบ้านได้อีกด้วย ทำให้สุขภาพของคนในบ้านไม่ดี และยังทำให้รู้สึกต่ำต้อยด้อยกว่าคนอื่นอีกด้วย แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ให้ลองสร้างบ้านบนเนินดูครับ เพื่อยกระดับของพื้นให้ไม่ต่างกับบ้านข้างเคียงมากนัก หรือการออกแบบรูปทรงบ้านให้ดูสูงโปร่ง ก็ช่วยได้ครับ ง่ายๆ เลยก็คือ เวลาเรามองบ้านตัวเองจากภายนอก บ้านเราจะต้องดูไม่ด้อยกว่าบ้านข้างเคียงครับ
2. หน้าต่าง
บ้านชั้นเดียวควรมีหน้าต่างจำนวนมาก เพื่อการลดแรงอัด อันเป็นเหตุให้คนในบ้านรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ในบ้าน วิธีแก้คือ จัดแปลนพื้นที่แยกออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้แสงและลมเข้าตัวบ้าน และอย่างที่บอกไปแล้วว่า บ้านชั้นเดียว ทุกอย่างจะมารวมกันที่เดียวหมด ใช่ครับ ปัญหาที่จะตามมาก็คือเรื่องกลิ่น ไม่ว่าจะกลิ่นอาหารจากห้องครัว หรือกลิ่นจากห้องน้ำ การมีหน้าต่างเพื่อการรับลม และการเปิดเพื่อระบายภายในบ้านเป็นจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่งครับ
3. การเล่นระดับภายในตัวบ้าน
เนื่องจากบ้านชั้นเดียวส่วนมากจะมีพื้นที่ระนาบที่มีความเท่ากัน ทำให้ห้องพระหรือห้องนอนอยู่ในแนวเดียวกันหมด วิธีแก้ก็คือ การยกระดับพื้นในตัวบ้าน ที่จะทำให้เห็นเป็นพื้นที่ต่างๆ ภายในตัวบ้านได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ส่วนของห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องอาหาร เล่นระดับเป็นพื้นต่ำ ส่วนห้องนอน และห้องพระ ให้ยกระดับพื้นเป็นพื้นสูงแทน
4. การปลูกต้นไม้ในตัวบ้าน
สำหรับบ้านที่ชอบปลูกต้นไม้ หรือจัดสวน ไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่ ที่มีขนาดสูงกว่าตัวบ้านบริเวณรอบบ้าน เพราะจะทำให้เกิดแรงกดทับและยังเป็นอันตรายต่อตัวบ้านอีกด้วย นอกจากนั้นคือต้นไม้ก็จะทำให้ตัวบ้านมืดครึ้ม และเกิดความชื้นภายในตัวบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในบ้านด้วย
5. การจัดพื้นที่ใช้สอยในบ้าน และการดูทิศทางลม
เพื่อให้ภายในบ้านมีอากาศที่ถ่ายเท ปลอดโปร่ง และโล่งสบาย เราจึงจำเป็นต้องมีการจัดพื้นที่การใช้งานของแต่ละพื้นที่ ให้มีความสอดคล้องกับทิศทางที่ลมพัดด้วย อาทิเช่น ทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศจะวันตกเฉียงใต้ จะเป็นทิศลมใหญ่ ไม่ควรสร้างห้องบัง ควรจะเป็นห้องโถงหรือห้องรับแขก เพราะห้องรับแขกคือหน้าตาของบ้าน จึงต้องเป็นพื้นที่ที่อยู่แล้วรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย ไม่อึดอัด ทั้งเจ้าของบ้านเอง และตัวแขกผู้มาเยือนบ้านด้วย และนอกจากจะเป็นหน้าตาให้กับตัวบ้านแล้ว ยังเป็นการเปิดรับพลังงานตามหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย
ในมุมมองของผมแล้ว ผมมองว่าฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องของดวงอะไรหรอก แต่มันคือศาสตร์ของบ้านในสมัยโบราณก่อนยุคที่วิทยาศาสตร์จะเฟื่องฟู ที่มาในรูปแบบของโหราศาสตร์ ที่เป็นกุศโลบายให้คนรู้จักการจัดแจงตัวบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมไปถึงการสอนให้หมั่นรักษาความสะอาดภายในตัวบ้านอีกด้วยครับ ก็เหมือนกับคนนั่นแหละครับ จะสูงต่ำดำขาว ทุกคนก็ต้องมีโหงวเฮ้งเป็นของตัวเอง ตัวบ้านก็เช่นกันครับ ไม่ว่าจะคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ตึกแถว จะ 1 ชั้น 2 ชั้น หรือกี่ชั้นก็แล้วแต่ ทุกที่อยู่อาศัยย่อมมีฮวงจุ้ยเป็นของตัวเองครับ ซึ่งจะดีหรือไม่ดีนั้น ไม่ได้อยู่ที่ซินแสที่มาดูบ้านครับ แต่มันขึ้นอยู่กับคุณนั่นแหละ ที่จะจัดการบ้านของตัวเองให้น่าอยู่ได้อย่างไรครับ