ฮวงจุ้ยหน้าบ้าน ปรับหน้าบ้านอย่างไรให้ตรงตามหลักฮวงจุ้ย มาดูหลักจัดฮวงจุ้ยหน้าบ้านที่ดี เพื่อนำไปปรับใช้แต่งหน้าบ้านเสียใหม่ ประตูหน้าบ้านควรเป็นอย่างไร ผนังภายนอกควรใช้สีใด มีคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
หน้าบ้านของเราก็มีผลกับความเป็นอยู่ของคนในบ้านเช่นเดียว เพราะหน้าบ้านเปรียบเหมือนทางเข้าของพลังงานต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดี ในวันนี้กระปุกดอทคอมจะขอนำหลักฮวงจุ้ยหน้าบ้านมาให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อนำไปปรับแก้ฮวงจุ้ยหน้าบ้านของตัวเอง ป้องกันสิ่งร้ายและนำสิ่งดี ๆ เข้ามาในบ้าน พร้อมกับเสริมดวงเรื่องโชคลาภ หน้าที่การงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
3. อพาร์ทเม้นท์ คอมเพล็กซ์ ต้องดูทางเข้าให้ชัวร์
อพาร์ทเม้นท์ คอมเพล็กซ์ส่วนมาก จะสร้างหลาย ๆ ห้องเอาไว้ภายใต้ชายคาตึกเดียวกัน และอาจจะแถมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้ให้คุณด้วย แต่ปัญหาของอพาร์ทเม้นท์ลักษณะนี้อยู่ตรงทางเข้าที่มักจะต้องใช้ร่วมกัน หรือหน้าห้องของเราก็เป็นทางผ่านของห้องอื่น ๆ ไปด้วย ซึ่งตรงนี้ก็จะส่งผลโดยตรงกับพลังงานชี่ ทำให้เกิดความวุ่นวายสับสนของพลังงานชี่ได้ ดังนั้นให้คุณแก้เคล็ดด้วยการหากระถางต้นไม้มาประดับหน้าห้อง เพื่อปรับสมดุลพลังงานชี่ให้มั่นคงขึ้น
4. จัดส่วนห้องนอนให้แยกต่างหาก
สำหรับคอนโดแบบห้องสตูดิโอ ห้องเดียวรวมทุกสิ่งอย่างไว้ในนั้นโดยไม่แยกให้เป็นสัดส่วน อาจทำให้พลังงานวนเวียนอย่างสับสน เป็นผลให้ชีวิตขาดความสงบสุขไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนห้องนอน ควรต้องมีฉากกั้นเพื่อแยกห้องอย่างชัดเจน และควรหันหัวเตียงไปทางทิศที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากไม่ควรวางหัวเตียงไปทางทิศตะวันตกแล้ว ก็ควรต้องเลี่ยงในกรณีที่หัวเตียงอยู่ติดกับห้องครัว เตาแก๊ส หรือห้องน้ำด้วย
5. ประตูระเบียงกับประตูห้องไม่ควรอยู่ตรงกัน
หากคอนโดของคุณมีระเบียงขนาดใหญ่ และประตูระเบียงก็เป็นกระจกอีกต่างหาก แบบนี้ควรต้องเช็กด่วนเลยว่า ประตูห้องของคุณตรงกับประตูระเบียงหรือไม่ เพราะฮวงจุ้ยคอนโดบอกว่าห้ามตรงกันเด็ดขาด เนื่องจากถ้าตรงกัน พลังงานดีที่ผ่านเข้ามาทางประตูหน้าห้อง จะผ่านออกทางประตูระเบียงไปในทันใด พลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
6. พื้นที่ต้องสะอาด ปราศจากมลพิษจากขยะ
ฮวงจุ้ยที่ดีซึ่งเป็นพื้นฐานของคอนโด คือ ความสะอาดสะอ้าน โปร่ง สว่าง และต้องไม่ติดอยู่กับพื้นที่ที่เป็นแหล่งขยะ หรือของหมักหมมใด
2. เลือกประตูหน้าบ้านดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ประตูหน้าบ้านที่ดีควรมีขนาดที่สมดุลกับตัวบ้าน และควรจะมีขนาดใหญ่กว่าประตูอื่น ๆ ภายในบ้านเสมอ ควรทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน เช่น ไม้หรือโลหะ นอกจากนี้ก็ควรจะตกแต่งด้วยโทนสีที่กลมกลืนกับบรรยากาศรอบข้างหรือสีนำโชคของเจ้าของบ้าน นอกจากนี้ประตูหน้าบ้านควรติดตั้งแบบเปิดเข้าในบ้านเสมอ
3. สำรวจสิ่งของที่ตั้งตรงกับประตู
สิ่งของที่ตั้งใกล้กับประตูหน้าบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ หากพบว่าเปิดประตูหน้าบ้านออกไปเจอสิ่งไม่ดี เช่น ถังขยะ ก็ให้ย้ายตำแหน่งสิ่งของชิ้นนั้นไปที่อื่น แต่ถ้าไม่สามารถทำได้แนะนำให้หาของนำโชคมาวางไว้ที่ให้ตรงกับประตูหน้าอีกที ก็จะช่วยแก้เรื่องฮวงจุ้ยได้ค่ะ
4. จัดสวนหน้าบ้านใหม่
หลายคนมักจะยึดเกณฑ์ขนาดของสวนเป็นหลัก ยิ่งกว้างใหญ่ก็ยิ่งดี แต่นั่นก็ไม่ถูกต้องเลยซะทีเดียว เพราะสิ่งที่สามารถกำหนดฮวงจุ้ยที่ดีในสวนได้นั้น คือ การใช้ยันต์ปากั้ว (Bagua) หรือที่เรียกว่ายันต์ 8 เหลี่ยม บวกกับองค์ประกอบของธาตุทั้ง 5 อย่าง (ดิน น้ำ ลม ไฟ และโลหะ) ดังนี้
- ทิศเหนือ : ควรตกแต่งด้วยสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น น้ำพุ บ่อน้ำ หรือสร้างธารน้ำไหล ก็จะช่วยให้ชีวิตและการงานราบรื่น ไร้อุปสรรค
- ทิศตะวันออก : เหมาะกับการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่หรือเป็นต้นไม้ที่มีสีสันสดใส พร้อมทั้งประดับประดาด้วยโคมไฟขนาดเล็ก เพื่อสานสัมพันธ์คนในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
- ทิศตะวันตก : บ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์ สติปัญญา และไหวพริบ ปรับฮวงจุ้ยได้โดยการนำหินสีเข้ม ๆ มาตกแต่งและเพิ่มความสว่างด้วยการติดไฟสนาม
- ทิศใต้ : หากนำต้นไม้สูงโปร่ง ลักษณะใบเรียว และมีสีสันมาปลูกไว้ในบริเวณนี้ ก็จะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงและเกียรติยศให้กับคนในบ้าน
5. ไม่ปลูกต้นไม้ใหญ่ขวางหน้าบ้าน
แม้ว่าต้นไม้ใหญ่จะช่วยเรียกสิ่งดี ๆ แต่ก็ควรปลูกให้ถูกที่ถูกทาง ก็จะช่วยเรียกพลังงานดีเข้าบ้านหรือใช้ยันต์ปากั้วหาทิศปลูกต้นไม้ เพราะหากนำต้นไม้ใหญ่มาปลูกตรงประตูหน้าบ้าน จะบังทิศทางลมและขวางทางพลังงานบวก ทำให้ชีวิตมีแต่อุปสรรค
6. ติดกระจกปากัวป้องกันสิ่งไม่ดี
หากหน้าบ้านตรงกับทางสามแพ่ง ควรติดกระจกปากัวเหนือประตูทางเข้า สำหรับหน้าบ้านที่มีหน้าต่าง ควรติดผ้าม่านหรือต้นไม้มาประดับไว้ริมหน้าต่าง เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีเข้าบ้านและรักษาพลังชี่ (Chi) ในบ้านเอาไว้
หน้าบ้านก็มีผลกับชีวิตของคนในบ้านไม่น้อย เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมนำฮงจุ้ยหน้าบ้านที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ไปลองปรับใช้กันดูนะคะ เพื่อชีวิตที่ดีของคนในครอบครัว ทั้งเรื่องสุขภาพ การงาน และด้านอื่น ๆ ของชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก fengshui และ Fengshuinexus