
ต้นไม้มงคล 12 ชนิดปลูกในบ้าน สวยงาม ช่วยเรียกทรัพย์ เพิ่มโชควาสนา มีประโยชน์มากมาย
วันนี้จะขอพามาดูต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน ช่วยเสริมสิริมงคล รวยทรัพย์ ใครอยากหาต้นไม้มาปลูกในบ้าน เพื่อเพิ่มความร่มรื่น และ เสริมดวงชะตา ทำให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ และ ความร่ำรวย เสริมความดีงามในชีวิตกันอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในประเภทของต้นไม้มงคลที่นิยมมากที่สุดก็คือ ต้นไม้เพิ่มโชค ช่วยเรียกเงินเรียกทอง เรียกทรัพย์สมบัติ เข้ามาสู่ผู้คนในบ้าน ว่าแต่จะมีต้นไม้อะไรปลูกแล้วรวยบ้าง
วันนี้ไทยโฮมทาวน์ได้รวบรวมข้อมูลต้นไม้มงคลปลูกในบ้านได้ 12 ชนิดที่นิยมกัน พร้อมทั้งลักษณะ วิธีการปลูก และการดูแลมาฝาก เริ่มกันเลยรออย่าช้า
1. ไผ่กวนอิม

ไผ่กวนอิม หรือกวนอิม (Lucky Bamboo หรือ Chinese Water Bamboo) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dracaena braunii Engl. ส่วนชื่อพ้องคือ Dracaena Sanderiana มีต้นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกา เป็นต้นไม้ชื่อมงคล ชาวเอเชียเชื่อว่าปลูกแล้วจะช่วยนำเงินทอง โชคลาภ ความสุข และความเจริญ มาสู่ผู้คนในบ้าน อีกทั้งยังช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและความรู้สึกไม่ดีออกไปด้วย โดยจำนวนของไผ่ก็มีความหมายซ่อนอยู่เช่นกัน คือ ไผ่ 3 ก้าน สื่อถึงความสุข ความร่ำรวย และชีวิตที่ยืนยาว ไผ่ 5-6 ก้าน สื่อถึงความมั่งคั่งและความโชคดี ไผ่ 7 ก้าน สื่อถึงสุขภาพดี ส่วนตำแหน่งที่เหมาะสมจะวางต้นไผ่กวนอิม ได้แก่ บริเวณหน้าบ้าน นั่นเองค่ะ
ลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นตั้งตรงและมีข้อปล้อง ก้านแตกยอดตามข้อ ใบเรียงสลับ ทรงหอก ปลายแหลม มีสีเขียวด่างต่างกันตามสายพันธุ์ ดอกออกเป็นช่อ ผลเป็นทรงกลม ๆ เล็ก ๆ นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ โตเร็ว ดูแลง่าย ไม่ต้องสนใจมาก ให้ใช้กระถางขนาดเล็กเพื่อจำกัดขนาด ปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ หากปลูกในดินควรใช้ดินร่วน หากปลูกในน้ำควรให้รากโดนน้ำตลอด ชอบแสงแดดรำไร ต้องการน้ำมาก แต่ควรหลีกเลี่ยงน้ำประปาและหันมาใช้น้ำกรองหรือน้ำฝนแทน อย่าลืมใส่ปุ๋ยน้ำทุกเดือนและตัดแต่งทรงบ่อย ๆ ด้วย
วิธีขยายพันธุ์ไผ่กวนอิม
นำไผ่กวนอิมต้นแม่ ที่แข็งแรง และไม่มีโรค มาตัดแบ่งให้เท่า ๆ กัน โดยตัดตรงกลางระหว่างข้อ ทั้งหัวและปลาย
นำไผ่กวนอิมที่ตัดแล้ว วางส่วนปลายแช่ลงในภาชนะที่มีน้ำรองไว้ ประมาณ 1 เดือนก็จะมีรากงอกออกมา
หากมีน้ำยาเร่งราก ให้จุ่มส่วนปลายในน้ำยาเร่งราก แล้วผึ่งลมปล่อยไว้จนแห้ง ค่อยนำมาแช่น้ำตามปกติ ประมาณ 1 อาทิตย์ รากก็จะงอกออกมา
วิธีปลูกไผ่กวนอิมในน้ำ
เตรียมก้อนกรวดสำหรับปลูกโดยนำมาล้างให้สะอาด แล้วผสมระหว่างกรวดขนาดใหญ่และขนาดเล็กเตรียมไว้
นำภาชนะใสที่เตรียมไว้ มาโรยรองพื้นด้วยกรวดที่ผสมไว้พอประมาณ จากนั้นให้นำไผ่กวนอิมมาวางตั้ง แล้วค่อย ๆ เทกรวดรอบ ๆ จนสามารถยึดลำต้นให้ตั้งตรงได้
เตรียมน้ำสะอาดไว้ ไม่ควรใช้น้ำประปา เพราะอาจมีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือคลอรีน ควรใช้น้ำฝนหรือน้ำกรอง เพราะสารเคมีดังกล่าวอาจทำให้ใบไผ่ออกสีไหม้ คล้ายสีน้ำตาลคล้ำ
จากนั้นให้เติมน้ำสะอาดลงไป โดยกะให้ปริมาณน้ำท่วมรากของต้นไผ่กวนอิม และหมั่นเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้น้ำขุ่น และคอยดูแลต้นไผ่ให้เติบโตตามธรรมชาติ
วิธีปลูกไผ่กวนอิมในดิน
เตรียมภาชนะสำหรับปลูก ขนาดตามต้นไผ่กวนอิมที่ใช้ปลูก จากนั้นให้ใส่ก้อนกรวดลงไปรองก้นกระถาง ประมาณ 1-2 นิ้ว
เตรียมดินร่วนใส่ลงไปในกระถางจนเกือบเต็ม จากนั้นให้ขุดหลุมลึกประมาณ 2 นิ้ว แล้วปักต้นไผ่กวนอิมลงไป จากนั้นกลบดินให้คลุมรากทั้งหมด
รดน้ำให้ดินพอชุ่ม คอยดูแลเรื่องแสงแดด และปริมาณน้ำให้เพียงพอ
2. ต้นเศรษฐีพันล้าน

ต้นเศรษฐีพันล้านจัดอยู่ในวงศ์ Crassulaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kalanchoe hybrid เป็น ไม้อวบน้ำ ขนาดเล็ก ลำต้นค่อนข้างสั้น เมื่อโตเต็มที่ จะสูงจากโคนถึงยอดประมาณ 60 เซนติเมตร เปลือกลำต้นมีความเรียบลื่น โทนสีเปลี่ยนไปตามอายุ ตั้งแต่เขียวอ่อนจนถึงน้ำตาลอ่อน ใบสีเขียวเป็นทรงเรียวยาว เนื้อใบหนาและนุ่ม ขอบใบเป็นหยักแหลม ตั้งแต่โคนถึงปลายใบ ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปทรงคล้ายระฆังคว่ำขนาดเล็ก มีกลีบสีเหลืองนวล ปลายกลีบเป็นสีส้ม
คนไทยนิยมปลูก ต้นเศรษฐีพันล้าน เป็นไม้ฟอกอากาศ เพราะมีลำต้นขนาดเล็ก สามารถปลูกในกระถาง แล้วตั้งไว้ในบ้าน เพื่อเพิ่มออกซิเจน ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ ด้วยชื่อที่เป็นมงคล สื่อถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ทำให้มีความเชื่อกันว่าเป็น ไม้มงคล หากปลูกต้นเศรษฐีพันล้านไว้ในบ้าน จะช่วยให้เจ้าของบ้านและสมาชิกภายในครอบครัวมีความร่ำรวยมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำอาชีพที่เกี่ยวกับเงินทอง ก็จะยิ่งไหลลื่น เงินทองไหลมาเทมา ไม่มีติดขัด เหมาะกับผู้ที่ประกอบอาชีพ พนักงานธนาคาร โบรกเกอร์ ห้างร้านขายทอง สำหรับคนที่ทำธุรกิจ หรือ ค้าขาย หากปลูกต้นเศรษฐีพันล้านไว้ในสถานที่ประกอบการ หรือ ร้านค้า แล้วละก็ จะช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ค้าขายร่ำรวยมากขึ้นอีกด้วย
อุปกรณ์และวัสดุปลูกเศรษฐีพันล้าน
- ต้นอ่อนเศรษฐีพันล้าน
- ดินผสมสำเร็จรูป
- กาบมะพร้าว
- ขุยมะพร้าว
- กระถางต้นไม้
วิธีปลูกต้นเศรษฐีพันล้าน
- นำกากมะพร้าวไปแช่น้ำ 1 – 2 วัน เพื่อล้างสารแทนนินออก
- เตรียมกระถาง นำกากมะพร้าวที่แช่น้ำแล้ว ใส่ลงไป
- เทดินผสมสำเร็จรูปลงไป คัดเอาดินเหนียว เศษใบ กิ่งไม้ออก เสร็จแล้ว เกลี่ยหน้าดินให้เรียบ
- เจาะรูดินตื้น นำต้นอ่อนเศรษฐีพันล้านลงไป แล้วเกลี่ยดินกลบไว้
- ผสมดินกับขุยมะพร้าว ในอัตราส่วน 1:1 คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้ววางกลบหน้าดิน เพื่อรักษาความชุ่มชื้น
- นำกระถางไปวางไว้ที่ที่ต้องการ แล้วรดน้ำให้ดินชุ่ม
การให้แสง
ควรตั้งไว้ในที่โดนแสงแดดปานกลาง หรือ ตำแหน่งที่มีร่มเงาบดบังในช่วงบ่าย
การให้น้ำ
ต้องการปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย รดน้ำ 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ ก็พอ ให้ดินพอมีความชุ่มชื้น
การให้ปุ๋ย
ไม่จำเป็นต้องใส่ หากต้องการใส่ ให้ใส่ปุ๋ยเคมีละลายน้ำ 1 ครั้ง ทุก ๆ 2 – 3 เดือน
3. เศรษฐีเรือนใน

ว่านเศรษฐีเรือนใน ถูกตั้งชื่อมงคลให้โดดเด่นในเรื่องการเสริมโชคลาภ โดยคำว่า เศรษฐีเรือนใน ตั้งมาจากลักษณะเด่นของแถบสีเหลืองอ่อนหรือสีครีมบนใบที่แสดงถึงความมั่งมี ศรีสุข โดยตั้งตามตำแหน่งของแถบสีเหลืองอ่อนหรือสีครีมที่อยู่บริเวณกลางใบหรือด้านในของใบ โดยมีแถบสีเขียวล้อมรอบอยู่ด้านนอก ต่างจากเศรษฐีเรือนนอก ที่แถบสีเหลืองครีมจะอยู่ด้านนอกล้อมรอบสีเขียวบริเวณกลางใบ
ต้นเศรษฐีเรือนใน เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี เป็นเหง้าสั้นๆ ใช้สะสมสารอาหารจนเป็นตุ้มสีขาวอวบน้ำ ถูกหุ้มด้วยกาบใบ ทั้งใบแห้งและใบสด ลักษณะการเหง้าหรือต้นใหม่คล้ายกับต้นตะไคร้ ใบเดี่ยว เรียวยาว กว้าง 1–2 เซนติเมตร ยาว 15–28 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแผ่เป็นกาบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านนอกมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีแถบด่างสีเหลืองครีมกลางใบ อาจมีริ้วสีเขียวแซมตรงกลางบางใบ ดอกจะออกต่อเมื่อต้นเติบโตเต็มที่ โดยจะออกเป็นช่อกระจะ ดอกย่อยขนาดเล็กสีขาว ซึ่งสามารถเจริญเป็นไหลและเติบโตต่อไปได้
วิธีปลูกและขยายพันธุ์ต้น เศรษฐีเรือนใน
ส่วนผสมดินปลูก
- ดิน 1 ส่วน
- ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
- ปุ๋ยคอกเก่า ½ ส่วน
- ทราย 1 กำมือ
ขั้นตอนการเตรียมดิน
- นำส่วนผสมทั้งหมดมาร่อนผ่านตะแกรงให้มีความละเอียด
- เศษใยจากมะพร้าวหรือปุ๋ย ดินเม็ดใหญ่ที่ลอดไม่ผ่านตะแกรง นำไปใช้รองก้นกระถางได้
- คลุกส่วนผสมที่ร่อนไว้ให้เข้ากัน เตรียมไว้
วิธีการปลูกจากไหล
- นำเศษใยจากมะพร้าว มารองไว้ที่ก้นกระถาง จากนั้นใส่ดินที่ผสมไว้แล้วลงไปให้เต็ม
- ตัดไหลที่ห้อยออกมาจากต้น โดยเลือกไหลที่มีใบเล็ก ๆ งอกออกมาเป็นพุ่มแล้ว ตัดให้ห่างจากโคนประมาณ 1 ฝ่ามือ
- ตัดไหลต้นเศรษฐีเรือนในออกเป็นพุ่ม ๆ ตามข้อที่งอกออกมา โดยเหลือก้านติดไว้ประมาณด้านละ 1 เซนติเมตร
- จากนั้นให้นำกระถางที่ใส่ดินแล้ว มาขุดให้ได้หลุมตื้น ๆ ประมาณ 1 นิ้ว แล้ววางก้านไหลลงไปในดิน โดยให้ใบโผล่ขึ้นพ้นดิน กดให้ดินแน่น เป็นอันเสร็จ
วิธีการปลูกแบบแยกกอ
- เลือกต้นแม่ที่ไม่มีโรคและแมลงรบกวน จากนั้นให้ยกทั้งกอออกจากดิน เพียงแค่จับบิออก ก็จะหลุดแยกออกมาเป็นกอเล็ก ๆ
- เตรียมกระถาง โดยรองก้นด้วยกาบมะพร้าว ใส่ดินที่ผสมไว้ลงไปครึ่งกระถาง
- แล้วให้ใส่กอที่แบ่งไว้วางตั้งลงไป จากนั้นถมดินใส่กระถางให้เต็ม กดให้ดินแน่นดี
- โรยหินเกล็ดรอบ ๆ ต้นบนหน้าดินเพื่อความสวยงาม เสร็จเรียบร้อย!
4. ว่านสี่ทิศ

สำหรับต้นว่านสี่ทิศ ในอุดมคติความเชื่อของคนไทย ถือเป็นไม้มงคลอีกชนิดที่นิยมปลูกกันมาก โดยว่ากันว่า หากปลูกว่านสี่ทิศ จนออกดอกพร้อมกัน 4 ดอกหรือ 4 ทิศ จะทำให้มีโชคลาภ และในช่วงเวลาที่ออกดอกทั้งสี่นั้น ผู้เลี้ยงคิดจะทำอะไร ก็จะประสบความสำเร็จทุกประการ แต่ในทางกลับกัน ถ้าออกดอกเพียง 2 หรือ 3 ดอก ก็จะเป็นเหมือนลางบอกเหตุว่า อาจเกิดเรื่องไม่ดีแก่ผู้เลี้ยงนั่นเอง
ลักษณะของลำต้น : มีลำต้นเป็นหัว หรือเหง้าอยู่ใต้ดิน โดยหัวของว่านสี่ทิศมีลักษณะคล้ายคลีงกับ หัวหอมใหญ่
ลักษณะของใบ : ใบเป็นส่วนที่งอกขึ้นมาพ้นดิน ยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร และมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนลำต้น โดยใบจะมีลักษณะ เป็นใบเรียวยาวคล้ายหอก ปลายใบมน ขอบใบเรียบ ใบหนา และมีสีเขียวสดเป็นมัน
ลักษณะของดอก : ก้านดอกจะแทงขึ้นสูงจากเหง้ากอ ขนาดใหญ่ ตั้งตรง ยาวและอวบน้ำ โดยมีดอกออกบริเวณปลายก้านช่อ 2-15 ดอก (แล้วแต่สายพันธุ์) แต่ละดอกจะมีกลีบดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ มีลักษณะคล้ายรูปถ้วย ทั้งสีแดง สีชมพู และสีขาว มักออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
วิธีปลูก ว่านสี่ทิศ ให้ออกดอกสวย
วิธีการปลูกว่านสี่ทิศ
- เลือกใช้หัวหรือเหง้าพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ เส้นรอบวงมากกว่า 30 เซนติเมตร เพราะจะสารอาหารสะสมมาก ทำให้เจริญเติบโตดีกว่าและให้คุณภาพช่อดอกที่ดี
- ก่อนนำไปปลูก นำเหง้าพันธุ์ไปเก็บรักษาในห้องเย็นที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส นาน 2 เดือน เพื่อกระตุ้นให้ตาดอกเจริญเติบโต
- แล้วจึงค่อยนำเหง้าพันธุ์ มาปลูกในกระถางขนาด 10 นิ้ว โดยใช้ดินผสมเป็นวัสดุปลูก ทำได้ด้วยการนำเหง้าพันธุ์ฝังลงดิน แล้วปล่อยให้ส่วนบนสุดของเหง้า อยู่เหนือดินประมาณ 1/3 ของหัว ระวังอย่ากดดินให้อัดแน่นเกินไป
- จากนั้นให้วางกระถางภายใต้โรงเรือนที่ได้รับแสงเต็มที่ โดยรดน้ำให้ชุ่มหลังเอาเหง้าพันธุ์ลงดินแล้ว เป็นอันเสร็จ
การดูแลหลังปลูก
- หลังปลูกลงดิน ให้รดน้ำจนชุ่มทันที หลังจากนั้นให้หมั่นรดน้ำช่วงเช้าอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
- เพื่อให้ได้ต้นที่มีลักษณะสมบูรณ์ดี ควรให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 2.5 กรัมต่อเดือน นานติดต่อกัน 6 เดือน
- หลังปลูกประมาณ 6-8 สัปดาห์ จะเริ่มออกดอก สามารถตัดดอกมาปักแจกันได้นานที่สุด 8.9 วัน
ทริคการดูแล
ปลูกในดินร่วนที่ โปร่ง และระบายน้ำได้ดี ไม่ควรฝังเหง้าในดินที่ลึกเกินไป เพราะทำให้ไม้หัวงอกใบได้ยาก โดยในการปลูกครั้งแรกควรรดน้ำจนชุ่ม รอประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่อใบเริ่มโผล่พ้นดินแล้ว ให้รดน้ำสม่ำเสมอทุกวันตลอด 30-45 วัน หลังจากนี้ต้องงดการให้น้ำ เพราะเข้าสู่ช่วงพักตัว สังเกตจากใบที่เริ่มเหี่ยวจนหมด เมื่อต้นโทรมแล้ว จึงค่อยขุดเหง้าหัวขึ้น เพื่อให้อาหารสะสมได้เต็มที่
5. พลูด่าง

พลูด่าง (Devil’s ivy, Golden Pothos หรือ Hunter’s-robe) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Epipremnum Aureum นอกจากจะปลูกเป็นไม้ประดับแล้ว ยังปลูกเป็นไม้มงคลได้ด้วย เพราะเชื่อกันว่าต้นไม้ชนิดนี้ช่วยนำโชคลาภและเงินทองเข้ามาสู่บ้านหรือที่ทำงาน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติฟอกอากาศและขจัดสารพิษได้อย่างดีเยี่ยม
ลักษณะเป็นไม้อิงอาศัย เลื้อยไปตามพื้น เสา หรือต้นไม้ต้นอื่น กิ่งก้านออกสีเขียวอ่อนปนเหลืองและมีขีดตามแนวยาว ใบเรียงสลับทรงไข่ อวบน้ำ ปลายแหลม โคนเว้า ขอบเรียบ นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ดูแลไม่ยาก ต้องการน้ำปานกลางและแสงแดดรำไร
การขยายพันธุ์พลูด่าง ทำได้อย่างไร?
พลูด่าง และพลูอื่น ๆ เติบโตได้ดีในภูมิอากาศแบบเมืองไทย ดูแลคล้าย ๆ กัน คือ อยู่ได้ในที่แสงร่มรำไร ไปจนถึงแสงปานกลาง เป็นไม้เลื้อยที่ไม่ต้องการน้ำมาก หลายต้นสามารถเลี้ยงได้ทั้งในน้ำและในดิน หากเลี้ยงในน้ำจะเติบโตได้ช้ากว่า และจะต้องเปลี่ยนน้ำสัปดาห์ละครั้ง ส่วนถ้า จะเลี้ยงในดิน ก็ควรรดน้ำ 2-3 วันครั้ง ปลูกในดินที่ระบายน้ำได้ดี ไม่แน่นจนเกินไป ปลูกได้ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน วิธีปลูกพลูด่าง สามารถปลูกได้ด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่
วิธีการปลูกต้นพลูในแปลงสวน
วิธีการปลูกต้นไม้พูลด่างลงในแปลงสวนนั้น สามารถปลูกได้ทุกสายพันธุ์ โดยวิธีการปลูกพลูด่างนั้น จะต้องเลือกปลูกใกล้ ๆ กับต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้ลำต้นพาดเลื้อยขึ้นสูงได้ และต้นไม้ใหญ่ยังช่วยบังแสงแดดได้ และให้ความชื้นกับต้นพูลด่าง เพราะพลูด่างไม่ชอบโดนแดดจัด ๆ ขอแค่แสงรำไร หรือทำระแนงขึ้นมา เพื่อให้ต้นพลูด่างเลื้อยไปตามระแนงก็ได้เช่นกัน
วิธีการปลูกต้นพลูในกระถาง
วิธีการปลูกพูลด่างในกระถางต้นไม้นั้น จะต้องเลือกปลูกให้ถูกกับสายพันธุ์ เช่น พลูทอง จะเหมาะแก่การเพาะปลูกในกระถางมากที่สุด สามารถปลูกพลูด่างในห้องนอนได้ เพราะพลูด่างฟอกอากาศได้ ช่วยทำให้นอนหลับสบาย และสิ่งที่จะต้องเตรียมให้พร้อมในการปลูก ได้แก่ กระถางต้นไม้ ดินผสมกับวัสดุอินทรีย์ จากนั้น ก็ปักต้นไม้พลูด่างไว้ตรงกลางกระถาง แล้วหุ้มด้วยด้วยขุยมะพร้าว เพื่อให้รากของพลูด่างสามารถยึดได้ แล้วค่อยรดน้ำให้ถึงด้านล่างของกระถาง
วิธีการปลูกต้นพลูด่างในน้ำ
วิธีการปลูกต้นพลูด่างในน้ำนั้น ถือว่าเป็นวิธีการปลูกที่นิยมกันมาก เพราะเป็นวิธีการปลูกที่ง่ายที่สุด ไม่ยุ่งยาก สิ่งที่ต้องเตรียม แค่หาแจกัน หรือขวดโหลแก้ว เติมน้ำสะอาด หรือจะเป็นน้ำที่ผสมกับปุ๋ยเคมีก็ได้ ให้ใส่น้ำพอประมาณ สำหรับวิธีปลูกต้นพลูด่างในน้ำ และสายพันธุ์ที่เหมาะกับการปลูกในน้ำ คือ พลูทอง แล้วก็ตั้งประดับไว้ในห้องนอน ห้องน้ำ หรือห้องทำงานก็ได้
วิธีดูแลรักษาพลูด่าง ทำได้อย่างไร?
การดูแลต้นไม้ปลูกด่าง จะมีวิธีการดูแลที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวิธีการปลูกต้นพลูด่าง ดังนี้
ปลูกในแปลงสวน
หมั่นรดน้ำเป็นประจำ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก เพื่อบำรุงให้ต้นไม้เจริญเติบโต
ปลูกในกระถางต้นไม้
หมั่นรดน้ำเป็นประจำ อย่างน้อย 3 วันต่อครั้ง แต่อาจจะต้องคอยดูว่าถ้าต้นพูลด่างโต อาจจะต้องมีการใช้กรรไกรตัดกิ่ง ตัดตกแต่ง เพื่อให้ได้ขนาดที่กำลังพอเหมาะ
ปลูกในน้ำ
คอยเปลี่ยนน้ำในแจกัน หรือขวดโหลแก้ว อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง แต่ถ้ามีการใส่ปุ๋ยเพิ่ม จะต้องเปลี่ยนน้ำทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ยด้วย
6. เฟิร์นข้าหลวง

เฟิร์นข้าหลวง (Bird’s Nest Fern) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asplenium Nidus ต้นไม้มงคลที่ช่วยส่งเสริมเรื่องชื่อเสียง บารมี นิยมปลูกประดับบ้านและตกแต่งสวน มีใบยาวคล้ายหอก ใบหนาและแข็ง ผิวเป็นมัน ปลายใบแหลม เส้นใบตรงกลางเมื่อแก่จะมีสีดำ ใตใบมีอับสปอร์เกาะเป็นลายยาวขวาง จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำเมื่อแก่ และเป็นที่มาของชื่อ ข้าหลวงหลังลาย
ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับเฟิร์นข้าหลวง ถือว่าเป็นไม้มงคลที่ช่วยส่งเสริมเรื่องชื่อเสียง บารมี มักนิยมปลูกไว้ในบ้านเพื่อเสริมความภูมิฐาน เกียรติยศให้ครอบครัว และยังเปรียบได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์ ยุติธรรม คอยเตือนสติให้ผู้ปลูกทำแต่ความดี และยังเป็นการเตือนใจด้วยว่า ถึงแม้จะเป็นข้าหลวง เมื่อทำผิดก็หลังลายได้เช่นกัน
วิธีปลูกและขยายพันธุ์ต้นเฟิร์นข้าหลวง
วิธีการเพาะเฟิร์นข้าหลวงด้วยสปอร์*
- เลือกต้นเฟิร์นข้าหลวงที่มีสปอร์ติดอยู่ที่หลังใบ โดยส่วนมากจะมีสปอร์กับต้นแก่อายุ 7-10 ปี
- ใช้ใบไม้หรือกิ่งไม้ ขูดเอาสปอร์ที่หลังใบออก เราจะได้สปอร์เป็นขุย ๆ ออกมา จากนั้นให้เอาสปอร์ที่ขูดได้ใส่ลงไปภาชนะมีฝาปิดที่มีก้อนถ่านรองพื้นไว้
- จากนั้นให้เอาภาชนะเหล่านั้นไปวางไว้บนกระถางต้นไม้อื่น ๆ ให้โดนแสงแดดรำไร โดยไม่ต้องปิดฝาให้สนิท
- รดน้ำต้นไม้อื่น ๆ ตามปกติ และรอสปอร์เติบโตเป็นต้นอ่อน
*วิธีนี้เป็นวิธีเพาะที่ง่ายและไม่ต้องใช้ขั้นตอนเยอะ แม้ต้นอ่อนที่เกิดอาจจะไม่ได้มีจำนวนเยอะ แต่รับรองว่าต้นอ่อนแข็งแรงทุกต้นแน่นอน
วัสดุปลูก
- ต้นอ่อนเฟิร์นข้าหลวง
- กาบมะพร้าวแช่น้ำจนนิ่มตัดเป็อนท่อน
- ขุยมะพร้าวแช่น้ำ
- กระถางเล็ก (สำหรับปลูกต้นกระบองเพชร)
วิธีปลูกเฟิร์นข้าหลวงจากต้นอ่อน
- นำกาบมะพร้าวและขุยมะพร้าวไปแช่น้ำจนเปื่อยนิ่ม ยิ่งแช่ไว้หลายวันยิ่งดี
- จากนั้นให้ใช้ที่คีบ คีบเอาต้นอ่อนที่เพาะไว้ออกจากดิน จากนั้นใช้มีดกรีดกาบมะพร้าวที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วให้เป็นร่อง แล้วยัดรากฝอยของต้นเฟิร์นลงไป แล้วจัดให้กาบมะพร้าวปิดรากสนิทดี
- ละมือไปเตรียมกระถางสำหรับปลูก โดยใส่ขุยมะพร้าวที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วรองพื้นไว้ แล้วใช้นิ้วกดให้เป็นรูตรงกลาง ยัดกาบมะพร้าวที่ใส่ต้นอ่อนไว้แล้วลงไป ถมหน้าด้วยขุยมะพร้าวให้แน่นดีอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ
7. ต้นเงินไหลมา

ต้นเงินไหลมา (Arrowhead Vine) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syngonium Podophyllum เชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล หากนำมาปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้เกิดความมั่งคั่ง เสริมดวงเรื่องการเงิน พร้อมทั้งยังช่วยสร้างเสน่ห์และสิริมงคลให้กับผู้ปลูก ลักษณะลำต้นเป็นไม้เลื้อยเถายาว สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 10-20 เมตร ลำต้นกลมสีเขียว ผิวเกลี้ยง มีรากออกตามข้อต้น ใบเป็นแฉก 5 แฉก ความกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ผิวใบสีเขียว มีสีเหลืองปนบริเวณเส้นกลางใบเล็กน้อย ออกดอกเมื่อมีอายุมาก
ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ นิยมปลูกในดินร่วน ผสมปุ๋ยคอก แกลบ หรือขุยมะพร้าว ควรมีไม้หลักปักกลางกระถางให้ลำต้นเลื้อย และเปลี่ยนกระถางใหม่ทุก ๆ 2-3 ปี รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เพราะเป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำมาก และควรวางกระถางในที่แดดรำไร
ความหมายและความเชื่อ
ลักษณะใบของต้นเงินไหลมามีตรงกลางใบคล้ายสีเงิน เชื่อกันว่า หากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล ทำให้เงินทองไหลมาสู่บ้านตามชื่อเรียก หากใครปลูกเลี้ยงจะร่ำรวย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ มั่งมีศรีสุขอุดมไปด้วยทรัพย์สิน อีกทั้งยังสร้างเสน่ห์ให้กับผู้ปลูก เพราะลักษณะของพืชชนิดนี้มีสีสันสวยงาม ดึงดูดผู้คนได้ดี
ต้นเงินไหลมาปลูกตรงไหน
ต้นเงินไหลมาจะปลูกตรงไหนของบ้านก็ได้ แต่ไม่ควรปลูกในที่ที่อับแสง หรือ โดนแสงแดดมากเกินไป แต่หากอิงความเชื่อของโบราณ ให้ปลูกต้นเงินไหลมาไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตัวบ้าน และควรปลูกวันอังคาร (ตามหลักความเชื่อปลูกไม้เอาคุณ)
ประโยชน์ต้นเงินไหลมา
เงินไหลมาเป็นพืชที่มีความสวยงาม ปลูกเป็นไม้ประดับลงแปลงเพื่อตกแต่งสวนหย่อม/สวนภายในบ้าน ปลูกลงกระถาง นำไปวางหรือห้อยในมุมบ้าน ออฟฟิศ ร้านค้า ฯลฯ เพื่อเพิ่มความสวยงาม สดชื่น ร่มรื่นเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นไม้ประดับฟอกอากาศ ดูดซับมลภาวะปนเปื้อนในอากาศ ดูดสารพิษได้ดี แถมยังช่วยเสริมมงคลชีวิตตามหลักฮวงจุ้ย ช่วยเรียกทรัพย์สินเข้าบ้านให้ร่ำรวยมั่งมี ผู้ปลูกมีความสบายใจ
วิธีปลูก ต้นเงินไหลมา ให้แข็งแรงโตสวย
วัสดุปลูก
- ต้นเงินไหลมา
- ดินร่วน 1 ส่วน
- ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
- ปุ๋ยคอก แกลบ รวมกัน 1 ส่วน
ขั้นตอนการปลูก
เลือกปลูกตามบริเวณรอบโคนไม้อื่น หรือทำเสาให้เกาะ เพื่อให้รากยึดและเลื้อยขึ้นได้ เนื่องจากเป็นพรรณไม้เลื้อย
เคลียร์หน้าดิน กำจัดวัชพืชออก ขุดหลุมกว้างประมาณ 15 x 15 x 15 ซม. เตรียมดินปลูกใช้ปุ๋ยคอก แกลบ ขุยมะพร้าว และดินร่วนอย่างละหนึ่ง
ส่วนผสมกัน
รดน้ำให้ชุ่มชื้น นำต้นเงินไหลมาลงปลูก ลงรากให้แผ่กระจายมากที่สุด กลบหน้าดินให้แน่นพอประมาณ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ดินร่วน 1 ส่วน
- ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
- แกลบ + ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
- ไม้ปัก ขนาดพอ ๆ กับต้นเงินไหลมา 1 ท่อน
- กระถางปลูก ความสูง 8 – 16 นิ้ว
ขั้นตอนการปลูก
- ผสมวัสดุปลูกทุกอย่างให้เข้ากัน
- ใช้ขุยมะพร้าวหรือกาบมะพร้าวห่อไม้ปัก (ให้รากดูดซึมอาหาร)
- เสียบไม้ปักไว้ตรงกลาง นำต้นเงินไหลลงปลูก
- รดน้ำให้ชุ่มชื้น หมั่นใส่ปุ๋ย 1 – 2 เดือนต่อครั้ง
- หากเงินไหลมารากแน่น หรือ อายุครบ 2 – 3 ปี ให้เปลี่ยนเป็นกระถางที่ใหญ่ขึ้น
8. ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว

ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว (King of Hearts) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Homalomena Lindenii ต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อว่าจัดอยู่ในกลุ่มว่านเมตตามหานิยม ทำให้ผู้ปลูกเป็นที่รักใคร่ของผู้ที่ได้พบเห็น ในขณะเดียวกันยังช่วยส่งเสริมเรื่องโชคลาภ วาสนา เงินทองไหลมาเทมา ลักษณะเด่นคือ มีก้านใบและก้านดอกสีขาวแทงออกมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ความสูงประมาณ 40-60 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจ สีเขียวเข้ม ผิวใบมัน กว้างประมาณ 15-18 เซนติเมตร มีดอกแทงช่อจากกลางต้น ออกเป็นช่อทรงกระบอก
นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ เติบโตได้ดีในดินร่วนผสมแกลบดำหรือปุ๋ยคอก รดน้ำ 3-5 วันต่อครั้ง หรือเมื่อดินเริ่มแห้ง แต่ไม่ควรรดน้ำจนดินแฉะเกินไป
ว่านเสน่ห์จันทร์ขาวกับความเชื่อ
เสน่ห์จันทร์ขาว จัดเป็นว่านมงคลประเภทเมตตามหานิยม เสริมโชคเสริมลาภด้านความรัก ในสมัยโบราณหญิงและชายนิยมปลูกเลี้ยงไว้เพื่อเสริมเสน่ห์ มีความเชื่อว่าถ้ามีในครอบครอง จะช่วยให้ผู้คนรักใคร่และหลงใหล ทั้งยังเป็นว่านที่ช่วยเรียกเงินเรียกทอง ทำมาค้าขายขึ้น รุ่งเรืองทรัพย์สินเงินทอง เกจิอาจารย์มักใช้ว่านเสน่ห์จันทร์ขาวทุกส่วนทำส่วนผสมของพระเครื่องและวัตถุมงคล เพื่อความขลังในด้านเมตตามหานิยม
คาถาเสริมโชคลาภ “มหาลาโภ โหตุ ภวันตุเม”
(ตั้งนะโม 3 จบ + ท่องคาถา 3 รอบ)
คาถาเมตตามหานิยม “นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ นะมะอะอุ”
(ตั้งนะโม 3 จบ + ท่องคาถา 3 รอบ)
วิธีปลูก ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ให้โตสวย
วัสดุปลูก
- ต้นว่านเสน่ห์จันทร์ขาว
- ดินใต้ต้นไผ่ 1 ส่วน
- ดินผสมกากมะพร้าว 1 ส่วน
- ดินปุ๋ยหมัก+ ทราย 1 ส่วน
- น้ำหมัก EM 3 มิลลิลิตร
- น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร
- กระถางต้นไม้
- ก้านพลาสติก/ก้านไม้+เชือกฟาง (สำหรับค้ำต้น)
ขั้นตอนการปลูก
- ผสมดินทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นผสมน้ำหมัก EM ในน้ำเปล่า
- ราดน้ำผสมปุ๋ย EM ให้ทั่วดิน ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
- นำดินใส่กระถางประมาณ ¾ ของกระถาง
- นำต้นว่านเสน่ห์จันทร์ขาวลงปลูกในกระถาง กลบด้วยดินอีกหนึ่งรอบ
- จัดต้นว่านสเน่ห์ขาวให้ตรง กดดินให้แน่นพอประมาณ
- ใช้ก้านพลาสติกหรือก้านไม้ที่สูงกว่าว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ประมาณ 3 นิ้ว มาปักข้าง ๆ ลำต้น 2-3 ก้าน แล้วแต่จำนวนที่ต้องการพยุง
- ใช้เชือกฟางมัดก้านไม้และเสน่ห์จันทร์ขาวให้ติดกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นหัก สำหรับขั้นตอนการมัด ไม่ควรมัดแน่นเกินไป เพราะต้นเสน่ห์จันทร์ขาวค่อนข้างบอบบาง อาจจะช้ำหรือหักก่อนได้
9. ต้นช้อนเงินช้อนทอง

ต้นช้อนเงินช้อนทอง ลักษณะทั่วไป
ลักษณะทั่วไปของต้นช้อนเงินช้อนทอง เป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่ม สูง 130 – 150 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง มีเปลือกไม้แข็งสีน้ำตาลอมเทา ใบเป็นใบเดี่ยว ขึ้นเรียงตัวสลับกันไปมา ใบเป็นรูปวงกลม ปลายใบโค้งมน ขอบใบเรียบ ใบค่อนข้างหนา มีสีเขียวมันเงา นิยมปลูกแบบ บอนไซ หรือ ไม้กระถาง ประดับภายในบ้าน
ต้นช้อนเงินช้อนทอง ความหมาย
เนื่องจากใบของต้นนี้ มีลักษณะกลมมนเล็ก คล้ายช้อน ทำให้คนไทยตั้งชื่อว่า ช้อนเงินช้อนทอง เพื่อความเป็นสิริมงคล เชื่อกันว่า หากปลูกแล้วจะช่วยตักตวงทรัพย์สินเงินทอง ทำให้ผู้ปลูกหรือเจ้าของบ้าน มีแต่ความมั่งคั่งร่ำรวย ค้าขายหรือลงทุนก็ประสบความสำเร็จ
ต้นช้อนเงินช้อนทอง ฮวงจุ้ย
ต้นช้อนเงินช้อนทอง ตามหลักฮวงจุ้ย สามารถปลูกตรงไหนของบ้านก็ได้ เพียงแค่ต้องได้รับปริมาณแสงแดดที่เหมาะสม โดยการปลูกในกระถาง แล้วนำไปตากแดดอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง/วัน หรือ ปลูกในที่ ๆ แสงแดดส่องถึงเฉพาะช่วงเช้า หรือ ช่วงบ่าย ทั้งนี้ ไม่ควรโดนแดด ตากแดด ตลอดทั้งวัน เพราะใบจะหยิกงอ เหลืองไหม้ ไม่สวยงามได้
ต้นช้อนเงินช้อนทอง ราคา
ราคาของต้นช้อนเงินช้อนทอง ขึ้นอยู่กับขนาดของกระถาง โดยหากเป็นกระถางขนาดเล็ก ประมาณเบอร์ 3 ราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 20 – 30 บาท แต่หากเป็นกระถางใหญ่ ลำต้นสูง 50 – 60 เซนติเมตรขึ้นไป ราคาจะอยู่ที่ 300 – 400 บาทขึ้นไป
วิธีปลูกต้นช้อนเงินช้อนทองในกระถาง
วิธีปลูกต้นช้อนเงินช้อนทองในกระถาง ทำได้ไม่ยาก นิยมใช้การปักชำเป็นหลัก โดยการซื้อต้นแม่มา แล้วตัดเอายอดต้นอ่อนมาปักชำในวัสดุปลูก รดด้วยน้ำยาเร่งราก เพื่อเร่งการเจริญเติบโต วางไว้ในที่โดนแสงแดดเพียงพอ และ ให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพียงแค่นี้ ต้นช้อนเงินช้อนทองก็จะเจริญเติบโตได้ดี ใบมีความสวยงาม ประดับภายในบ้านได้แล้ว
อุปกรณ์และวัสดุ ต้นช้อนเงินช้อนทอง
- ต้นช้อนเงินช้อนทอง (ต้นแม่)
- ดินร่วน
- แกลบดำ
- ถุงพลาสติก (บ่มดิน)
- กระถางต้นไม้ ขนาด 3 นิ้ว
- น้ำยาเร่งราก 1 ฝา
- น้ำเปล่า 3 ลิตร
วิธีปลูกต้นช้อนเงินช้อนทอง
- ใช้กรรไกรตัดยอดต้นช้อนเงินช้อนทอง 2 – 3 ยอด ให้มีความยาวประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร
- นำดินร่วนผสมกับแกลบดิบ ในอัตราส่วน 1:1 แล้วตักดินใส่กระถาง อัดดินให้แน่น
- ใช้มีดเฉือนตรงโคนกิ่งของยอดต้นช้อนเงินช้อนทอง ในแนวเฉียง เพื่อให้รากงอกออกมา
- เสร็จแล้ว ใช้ไม้ปลายแหลมเจาะดินให้เป็นรู แล้วปักยอดอ่อนต้นช้อนเงินช้อนทองลงไป
- ผสมน้ำยาเร่งราก 1 ฝา กับ น้ำเปล่า 3 ลิตร รดให้ดินชุ่ม แล้วใส่นำกระถางใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น บ่มไว้ 40 – 50 วัน ให้รากงอกยาวดี เป็นอันเสร็จ
การให้แสง
ต้นช้อนเงินช้อนทองชอบแสงแดด แต่ก็ต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ควรนำกระถางมาตั้งตากแดด อย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง หรือ ตั้งไว้ในที่ ๆ โดนแสงแดดส่องถึง เฉพาะช่วงเช้า หรือ ช่วงบ่าย
การให้น้ำ
ควรรดน้ำอย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์ และ ให้น้ำเฉพาะช่วงเช้า ประมาณ 06:00 – 09:00 น. เท่านั้น ไม่ควรรดน้ำบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้รากเน่าได้
การให้ปุ๋ย
ในช่วงแรก ไม่ต้องใส่ปุ๋ย แค่ผสมดินร่วนกับแกลบดำ หรือ ปุ๋ยคอก แล้วรดด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำยาเร่งราก บ่มไว้ในถุงพลาสติก 40 – 50 วัน ก็จะช่วยเร่งรากให้เจริญเติบโตได้แล้ว แต่ในระยะยาว ให้ใส่ปุ๋ยออสโมโค้ด หรือ ปุ๋ยเคมี สูตร 13–13-13 เป็นประจำทุก ๆ 2 – 3 เดือน
10. ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์

ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ หรือต้นเศรษฐีมีทรัพย์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Philodendron sp. ‘Setthimisap’ เป็นต้นไม้มงคลที่ปลูกประดับบ้านก็ได้ ไว้ตกแต่งร้านค้าก็ดี เพราะเชื่อกันว่าการปลูกต้นเศรษฐีรวยทรัพย์จะช่วยส่งเสริมบารมีและโชคด้านการค้าขายให้กับผู้ปลูก ลักษณะเป็นไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี ลักษณะใบเป็นรูปไข่ ปลายเรียวแหลม โคนรูปหัวใจ มีสีเขียวเข้มตลอดทั้งใบ ก้านใบอวบ มีดอกสีขาวออกเป็นช่อตามซอกใบ
สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ ควรปลูกในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี รดน้ำเพียงวันละครั้งให้พอชุ่ม และวางกระถางปลูกในที่ที่มีแดดรำไร
ความเชื่อ
เชื่อกันว่าหากบ้านใดมีเศรษฐีมีทรัพย์ปลูกไว้ จะช่วยเสริมความร่ำรวย ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง มีอำนาจบารมี และโชคลาภด้านการค้าขาย เป็นที่ยอมรับในสังคม นอกจากนี้ ยังนิยมปลูกไว้ตามร้านค้าหรือตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมในเรื่องของการค้าขายเช่นเดียวกัน
ประโยชน์
สีเขียวธรรมชาติของต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ จะช่วยให้เราสงบ ผ่อนคลาย และสดชื่น ทั้งยังเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ มีคุณค่าทางจิตใจ แถมยังช่วยฟอกอากาศ ปรับให้อากาศสะอาดมากยิ่งขึ้น
การขยายพันธุ์
เพาะเมล็ด ปักชำยอด และตอนกิ่ง
วิธีปลูก ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ ให้ใบใหญ่ กอสวย
การปลูกต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ นิยมปลูกหรือขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ หรือที่เรียกว่า การตัดกอแล้วปักชำ จะทำให้ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์เติบโตได้ดี ใบใหญ่เขียวสด และฟอร์มกอสวยงาม มีวิธีการดังนี้
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ที่มีรากติด ลักษณะโตเต็มที่ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป
- มีด
- ปูนแดง
- ดินร่วน
- เปลือกมะพร้าวสับ
- ปุ๋ยละลายช้า
- มูลไส้เดือน
- กระถาง
ขั้นตอนการทำ
- เคลียร์หรือตัดรากของต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ที่ไม่จำเป็นออก
- ตัดยอดกอที่ต้องการขยายพันธุ์ (แนะนำให้เหลือไว้ประมาณ 3-4 ใบ) ด้วยมีดที่มีความคมและแข็งแรง ในลักษณะเฉียง จะช่วยลดน้ำขังราก และลดการเน่าของตอ
- ทาปูนแดงบนแผลที่ตัด ทั้งต้นที่ใช้ขยายพันธุ์และยอดกอให้ทั่ว จากนั้นรอให้ปูนแดงแห้ง
- ผสมดินร่วนและมะพร้าวสับให้เข้ากัน แล้วใส่ลงลงประมาณ 1/3 ส่วนของกระถาง
- ตามด้วยยอดกอ ปุ๋ยละลายช้า แล้วนำดินที่เหลือกลบลงให้ทั่ว
- จัดยอดกอให้ตั้งตรง กลบดินให้แน่นพอประมาณ จากนั้นนำมูลไส้เดือนโรยให้ทั่ว รดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น
การกำจัดศัตรูพืช
ใช้ผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม ชุบน้ำให้พอหมาด เช็ดขึ้นตั้งแต่โคนจนถึงปลายในแนวเดียวกันด้วยการใช้มือประคอง ค่อย ๆ เช็ดอย่างเบาแรง จากนั้นนำผ้ามาเช็ดอีกรอบให้แห้งดี เพื่อป้องกันเชื้อรา หรือหากต้องการเพิ่มความสวยงามของใบ สามารถเช็ดด้วยน้ำมันมะกอก เพิ่มความมันวาวได้
11. ต้นมั่งมี

ต้นมั่งมี (Freshwater Mangrove Tree) หรือเฉียงพร้านางแอ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carallia brachiata (Lour.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ Rhizophoraceae มีถิ่นกำเนิดในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ มาดากัสการ์ อินเดีย ศรีลังกา หมู่เกาะแปซิฟิก รวมถึงพบได้ทุกภาคในประเทศไทย นำมาปลูกเป็นไม้ประธานและให้ร่มเงากับบ้าน อีกทั้งยังเชื่อว่าเป็นต้นไม้เสริมมงคล เมื่อปลูกแล้วจะช่วยเสริมบารมีและนำความมั่งมีด้านการเงินมาให้
ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ ลำต้นตั้งตรงสูงได้ถึง 50 เมตร ใบรูปรี โคนใบสอบ ขอบใบเรียบสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อกระจุกสั้นตามซอกใบและปลายกิ่ง ประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม กลีบดอกสีครีมและมีผลเล็กขนาด 0.5-1.8 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงอ่อนถึงม่วงอมแดงเข้ม นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง แต่การเพาะเมล็ดจะใช้เวลานานกว่า สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนปนทราย บริเวณที่ปลูกควรเป็นพื้นที่กว้าง ห่างจากตัวบ้านประมาณ 4-5 เมตร และมีไม้หลักช่วยยึดลำต้น พื้นที่ปลูกควรมีแดดจัดเต็มวัน ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือรดเมื่อดินแห้งเกินไป
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นมั่งมี
ต้นมั่งมี แค่ชื่อก็สื่อความหมายได้ตรงตัว หลายคนเชื่อว่า เมื่อมีต้นไม้ชนิดนี้ในบ้านแล้วจะช่วยเสริมมงคล โชคลาภ บารมี และความสง่าราศรีให้กับเจ้าของบ้าน จนทำให้ผู้คนเสาะแสวงหามาปลูกเพื่อเสริมดวงในการทำธุรกิจ การงาน ให้มั่งมีสมดังชื่อของต้นไม้ชนิดนี้
วิธีปลูก ต้นมั่งมี ดูแลยังไง ให้โตเร็ว
การเพาะเมล็ดพันธุ์
1) สถานที่ในการเพาะ ควรเป็นโรงเรือนที่แสงแดดส่องถึงในตอนเช้า อากาศถ่ายเทสะดวก ไกลจากสัตว์เลี้ยง หรือควรนำตาข่ายมาล้อมเพื่อป้องกันแมลงหรือสัตว์เลี้ยงเข้ามากินหรือทำลายเมล็ดพันธุ์
2) เตรียมเมล็ดพันธุ์ ดิน และถาดเพาะ ที่สามารถระบายน้ำได้ดี (สามารถขุดหลุม หรือใช้กะละมังเล็ก ถาดปลูก และถาดกระดาษใส่ไข่แทนได้) จากนั้นก็เตรียมดินใส่ถาดให้เรียบร้อย มีส่วนผสมคือ
- ดิน 1 ส่วน
- แกลบดำหรือขี้เถ้า 1 ส่วน
- ขุยมะพร้าวละเอียด 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน
การหยอดเมล็ดพันธุ์ ใช้วิธีการโรยเมล็ดลงในถาดปลูกโดยไม่ให้กระจุกหรือกระจายตัวมากเกินไป ใช้มือตบเบา ๆ ให้เมล็ดติดดิน แล้วใช้ดินกลบบาง ๆ รดน้ำเป็นฝอยพอชุ่ม วางไว้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก
3) เมื่อได้ต้นกล้าที่มีขนาดโตพอสมควรแล้ว ให้ย้ายลงในถุงหลอดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แนะนำให้ใช้ถุงขนาด 3.5 x 9 นิ้ว
4) นำต้นกล้าวางไว้กลางแจ้งเพื่อให้ชินกับแสง เลี้ยงต่อประมาณ 2 เดือน ก่อนนำไปลงพื้นที่ปลูก
การปลูก
- เลือกบริเวณที่มีพื้นที่กว้างขวาง ปลูกให้ห่างจากตัวบ้านประมาณ 4-5 เมตร
- บริเวณที่ปลูกต้องมีแสงแดด ไม่มีนำขัง หรือไม่ชุ่มน้ำจนเกินไป
- ปลูกในดินได้ทุกชนิด แต่จะเติบโตได้ดีดินเก็บความชื้นและระบายน้ำได้ดี เช่น ดินร่วนปนทราย
- ใช้ไม้ล้อมให้ต้นตรงสวย ใช้ฟางปกคลุมดินเพื่อป้องกันวัชพืช เมื่อเวลาผ่านไปฟางจะย่อยสลายและกลายเป็นปุ๋ย ช่วยให้ต้นมั่งมีเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
การดูแล
ต้นมั่งมี เป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดด ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ควรรดสัปดาห์ละ 1- 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ดินแห้งจนเกินไป และบำรุงด้วยการใส่ปุ๋ยคอกรอบโคนต้นไม้ปีละ 1-2 ครั้ง
ประโยชน์ของต้นมั่งมี
นอกจากจะให้ความสวยงามแก่พื้นที่แล้ว ยังสามารถให้ร่มเงา ความร่มรื่นได้ดี ทั้งยังมีความเชื่อว่า หากปลูกไว้ในบ้านจะทำให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง ให้คุณค่าทางจิตใจได้ดี อีกทั้งดอกยังมีกลิ่นหอม ผลสุกใช้รับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน เป็นอาหารที่โปรดปรานของสัตว์ป่า เช่น นก กระรอก และอื่น ๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ต้นมั่งมียังเป็นพรรณไม้ที่ปลูกเพื่อป้องกันอุทกภัยได้ ช่วยดูดซับน้ำได้ดี และลำต้นยังมีความคงทนแข็งแรง ลวดลายสวยงาม จึงนิยมนำมาใช้ในการก่อสร้างทั่วไป หรือนำมาเป็นเครื่องมือทางการเกษตร เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือใช้ทำฟืนเผาถ่านให้ความร้อนได้ดีอีกด้วย ถือเป็นต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ในบ้านหรือในสวนอย่างยิ่ง
สรรพคุณทางยาของต้นมั่งมี
- ลำต้น : ใช้ต้มน้ำดื่มช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้ไข้ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ขับเสมหะและโลหิต ปิดธาตุ แก้พิษผิดสำแดง ช่วยในการสมานแผล
- เปลือกต้น : ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ระบายความร้อน ขับเสมหะและโลหิต แก้บิด ช่วยในการสมานแผล
- ใบ : ตำแก้บาดแผลอักเสบ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ฝีหนอง ปวดศีรษะ
- แก่น : ช่วยขับลม รักษาท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ผลและเมล็ด : ตำแช่ในน้ำมันทาแก้โรคผิวหนัง สมานแผล แก้ฝีชนิดต่าง ๆ ต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้อหิวาตกโรค อุจจาระเป็นฟอง-เหม็นคาว เป็นยาแก้ไข้ แก้ระดูขาว
- ราก : ต้มน้ำดื่มเป็นยาถ่ายพยาธิ ขับพยาธิเส้นด้าย พยาธิไส้เดือน แก้อุจจาระเป็นฟอง แก้พิษตานซาง
12. ใบเงินใบทอง

ใบเงิน ใบทอง และใบนาก มีลักษณะคล้ายกัน เพราะเป็นพรรณไม้ชนิดเดียวกัน แตกต่างที่สีของใบ ทั้งสามจัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ความสูงประมาณ 1 – 2 เมตร เปลือกลำต้นเรียบ ใบเป็นรูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น ออกเรียงเป็นคู่สลับตามลำต้น ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด ดอกเป็นสีม่วงแดงหรือสีแดงเข้ม โคนกลีบดอกเป็นหลอดรูปกรวย ผลิดอกในช่วงมีนาคม – เมษายน ใบเงิน ใบทอง และใบนาก เป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ชอบอยู่ในร่มร่ำไร อากาศถ่ายเทสะดวก นิยมปลูกเพิ่มความสวยงาม ประดับตกแต่งบ้านและสวน และปลูกไว้เพื่อเสริมสิริมงคลเกี่ยวกับการเงิน
ประเภทของต้นใบเงินใบทอง
ใบเงิน : ทองคำขาว แผ่นใบสีเขียว กลางใบมีด่างสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ๆ จาง ๆ แทรกอยู่
ใบทอง : ใบรวยทอง ทองลงยา ทองนพคุณ แผ่นใบสีเขียวหรือสีเหลืองอ่อน ๆ ขอบใบมีสีเหลืองเข้มแทรกอยู่
ใบนาก : แผ่นใบสีเขียวแกมน้ำตาลหรือสีเขียวอมม่วง รอยด่างเป็นสีขาวและสีม่วงกระจัดกระจาย ขอบใบมีสีชมพูเข้ม
ความเชื่อของคนไทย กับต้นใบเงินใบทอง
ใบเงินใบทอง เป็นไม้ประดับมงคลนาม เชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกใบเงิน ใบทอง หรือใบนากไว้ในบ้านหรือในสวน จะช่วยเสริมโชคด้านการเงิน เรียกทรัพย์สินเงินทอง เพิ่มความมั่งคงไม่ให้ขัดสน ส่วนทิศในการปลูกหรือวาง ให้เลือกทิศตะวันออกหรือทิศใต้ หากปลูกในวันอังคารจะยิ่งทำให้เจริญงอกงาม เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าของบ้านและครอบครัวให้ดีขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ใบเงิน ใบทอง ยังจัดอยู่ในสิ่งที่ถือว่าเป็นมงคล 8 ประการ (มงคล 8) ประกอบไปด้วย ใบเงิน ใบทอง ใบนาค ใบมะตูม ใบพรหมจรรย์ ผิวมะกรูด ส้มป่อย และหญ้าแพรก) คนไทยโบราณนิยมนำไปใช้ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนา เช่น การทำน้ำพุทธมนต์ งานขึ้นบ้านใหม่ พิธีลงเสาเอกเพื่อสร้างบ้าน งานแต่งงาน เพราะเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์
วิธีปลูกและดูแล ใบเงินใบทอง ให้โตสวย
วิธีปลูกและขยายพันธุ์ ใบเงิน ใบทอง หรือใบนาค คือ การเพาะเมล็ด และการปักชำ ทั้งลงแปลงดิน และปลูกลงกระถาง
วิธีปลูกใบเงินใบทองลงแปลงดิน
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กิ่งพันธุ์ใบเงินใบทองโตเต็มที่ ความยาว 3 – 5 ข้อตา
- ดินร่วน 1 ส่วน ผสม ดินปลูก 2 ส่วน
- ไม้เสียบลูกชิ้น หรือ ไม้ขนาดเล็ก
- เสียม สำหรับขุดหลุม/เคลียร์หน้าดิน
ขั้นตอนการปลูกลงแปลง
- เคลียร์หน้าดิน กำจัดวัชพืชบริเวณที่จะปลูกให้สะอาด
- ขุดหลุม ขนาด 20 x 20 x 20 เซนติเมตร
- ใส่ดินร่วนผสมดินปลูกลงไปในหลุมปลูก รดน้ำให้ชุ่ม
- นำไม้เสียบลูกชิ้นแทงลงไปในดิน จากนั้นนำกิ่งพันธุ์ใบเงินใบทองลงปลูกตามช่องที่ทำไว้
- กลบดินให้แน่นพอประมาณ จากนั้นดูแล ใบเงินใบทอง ด้วยการรดน้ำวันละครั้ง หรือเติมปุ๋ยคอก 2 เดือน/ครั้ง
วิธีปลูกใบเงินใบทองลงกระถาง
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กิ่งพันธุ์ หรือ ยอดใบเงิน ใบทอง ที่โตเต็มที่
- กรรไกรตัดกิ่ง
- คัตเตอร์
- ดินถุง หรือ ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก
- ไม้เสียบลูกชิ้น (สำหรับนำร่อง
- กระถางต้นไม้ ขนาด 10 – 14 นิ้ว
ขั้นตอนการปลูกลงกระถาง
- เลือกยอดหรือกิ่งพันธุ์ ใบเงิน ใบทอง ที่โตเต็มที่ ความยาวประมาณ 5 – 8 ข้อตา จากนั้นใช้กรรไกรหรือมีดคม ๆ ตัดในแนวเฉียงประมาณ 45 องศา (ถ้าเป็นกิ่งเลาะใบออกให้หมด แต่ถ้าใช้ยอด ให้เหลือใบอ่อนไว้ 2-3 ใบ เพื่อลดการคายน้ำ)
- ใช้คัตเตอร์ ขูดเปลือกกิ่งออกความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อเร่งให้ใบเงินใบทองโตเร็ว
- ผสมวัสดุปลูกให้เข้ากัน เทลงไปในกระถาง ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นแทงลงตรงกระถาง เพื่อสร้างช่อง
- เสียบใบเงินใบทองลงช่องที่ทำไว้ (วิธีนี้ทำให้กิ่งไม่เสียหาย) จากนั้นกลบหน้าดินให้แน่นพอประมาณ จัดลำต้นให้ตรงสวยงาม รดน้ำให้ชุ่มชื้น ระยะแรกให้วางไว้ในที่ร่ม หรือวางในที่ที่แดดไม่แรง
วิธีดูแลใบเงินใบทองให้โตเร็ว ใบสวย
ใบเงินใบทองเป็นไม้ประดับที่โตง่าย ไม่เรื่องมาก เพียงปลูกในดินร่วนซุย วางในแสงแดดอ่อน ๆ รดน้ำวันละครั้งหรือสองวันครั้งก็ได้ ส่วนปุ๋ยจะให้เป็นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยสูตร เสมอ 14-14-14 หรือ 16-16-16 ก็ได้ผลดีเช่นกัน

ได้ทำความรู้จักต้นไม้มงคลปลูกในบ้านเสริมโชคลาภทั้ง 12 ต้นนี้ไปแล้ว ใครที่กำลังมองหาต้นไม้มงคลไปปลูกประดับบ้านหรือร้านค้า ก็ลองศึกษาวิธีดูแลกันนะคะ จะได้รู้ว่าบ้านหรือร้านของเราเหมาะกับต้นไม้ชนิดไหน ที่มีความหมายตรงตามความชอบ จะได้ปลูกได้นาน ๆ และช่วยกวักเงินทองมาให้เราได้