การที่มีน้ำขังบริเวณ บ้านได้นั้น อาจมีสาเหตุต่างๆ ดังนี้
- พื้นที่ลุ่มมาก หรือระดับน้ำใต้ดินอยู่สูง
- พื้นที่รอบข้างอยู่สูงกว่า
- ระดับพื้นบ้านเราต่ำกว่าระดับท่อ
- ดินอุ้มมากจนเกินไป ทำให้น้ำไม่ระบาย
- มีสิ่งอุดตันทางระบายน้ำ
จากปัญหาที่กล่าวมา ข้างต้นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งสามารถที่จะแก้ไขได้เอาไว้รับมือกับฤดูน้ำ มากครั้งต่อไปได้ทัน โดยก่อนอื่นเราต้องสำรวจสภาพโดยรอบบ้าน ทั้งภายนอกและภายใน พิจารณาสภาพพื้นที่ ลักษณะการระบายน้ำออกจากพื้นที่ไม่ให้น้ำย้อนกลับมาท่วมอีก ส่วนมากเรามักหาทางระบายไปที่ท่อ ระบายน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่มีทางระบายก็ไม่ควรระบาย น้ำลงไปในพื้นที่ข้างเคียง โดยเด็ดขาด
ปัญหาที่ 1 : พื้นที่ลุ่มมาก หรือระดับน้ำใต้ดินสูง
พื้นที่ลุ่มมากแก้ไข ได้โดยการถมดินให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ดีอยู่(เหมือนกัน) เพียงแต่มันจะทำให้น้ำไหลไปรวมกับพื้นที่ข้างๆเสียหมดหากจะทำให้ถูกต้องซักหน่อย ควรทำคันดินกั้นพักน้ำไว้ แล้วใช้ปั๊มน้ำสูบออกไปทิ้งลงท่อสาธารณะแต่เมื่อมีการปั๊มน้ำ ก็ย่อมต้องมีการดูแลรักษาปั๊มให้ถูกต้องตามคู่มือการใช้ด้วยมีอีกวิธีนึงที่นิยมมานานแล้วคือ การปลูกบ้านให้สูงขึ้น (แบบฉบับบ้านเรือนไทยหนีน้ำ) เมื่อบ้านรอดพ้นจากน้ำแล้ว ต้นไม้โดยรอบบ้านควรปลูกให้ลอยขึ้น โดยการพูนดินบริเวณโคนต้นให้สูงขึ้นและยกระดับต้นไม้มาปลูกในดินที่พูนรากของ ต้นไม้จะไม่จมอยู่ใต้น้ำ
ปัญหาที่ 2 : พื้นที่รอบข้างอยู่สูงกว่า
ในกรณีพื้นที่โดยรอบ ข้างสูงกว่านั้น ไม่เป็นปัญหาเหมือนข้อแรก ตราบใดที่ถนนไม่สูงเท่าบ้านเรา ถ้าจะให้เสมอภาคก็จัดการถมให้เท่ากับบ้านหลังอื่นเสียเลย(ไม่ผิดกฎหมายด้วย) แต่ถ้าจะประหยัดปัญหาในการถมที่ เราก็ควรทำการจัดสวนโดยขุดดินทำสระน้ำ ก่อนนำดินขึ้นมาถมที่ทำเป็นเนิน โดยคุณต้องแน่ใจว่าเนินเหล่านั้นจะทำให้น้ำไหลลงสระ ไม่ท่วมบริเวณอื่นเป็นใช้ได้
ปัญหาที่ 3 : ระดับพื้นในบ้านเราต่ำกว่าระดับท่อระบายน้ำ
พื้นที่บ้านเราต่ำ กว่าระดับท่อระบายน้ำภายในบ้าน(เป็นไปได้) ท่านเจ้าของบ้านอาจลืมใส่ใจกับจุดเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ พอระดับดินต่ำน้ำก็ระบายลงท่อไม่ได้ สามารถแก้ไขได้โดยการเติมดินให้มีความลาดเอียงลงสู่ ท่อระบายน้ำ
ปัญหาที่ 4 : ดินอุ้มน้ำมากเกินไป ทำให้น้ำไม่ระบาย
ดินระบายน้ำได้ไม่ดีพอ ปัญหานี้แก้ยากอยู่สักหน่อย สาเหตุที่ดินระบายน้ำได้ไม่ดีเกิดจาก ลักษณะของดินนั้นๆ เช่น มีดินเหนียวปะปนอยู่มากมีชั้นดินดานอยู่ข้างใต้ ถ้าพบดินเหนียวมาควรผสมดินทรายหยาบและอินทรียวัตถุ จำพวกมูลสัตว์เศษกิ่งไม้ ใบไม้ เข้าไปช่วยปรับโครงสร้างของดิน แต่หากพื้นที่มีความชัน และเป็นดินเหนียว อาจแก้ไขได้โดยการใช้ท่อระบายน้ำ ฝังด้านใต้แล้วใช้ดินที่ระบายน้ำได้ดีใส่เป็นหลุมๆไปโดยท่อจะสามารถนำน้ำให้ไหลระบายได้ดีขึ้น
ปัญหาที่ 5 : มีสิ่งอุดตันทางระบายน้ำ
มีสิ่งอุดตันทางระบาย น้ำ ปัญหาแบบนี้เกิดจากความละเลย ขาดการดูแลเอาใจใส่บ้านของเราเอง เราควรเอาใจใส่กับท่อทางระบายน้ำกันอยู่เสมอ โดยการกำจัดเศษหิน เศษตะกอนที่อยู่ในร่องระบายน้ำ ริมถนนหน้าบ้านบ้าง เพราะระหว่างปีมักมีเศษดินและเศษวัสดุต่างๆตกลงไปอุดตันเป็นจำนวนมากใบไม้ โดยเฉพาะใบไม้เล็กๆ เช่น ใบมะขาม ใบนนทรี ใบหางนกยูง เป็นต้น ซึ่งใบไม้เหล่านี้สามารถเข้าไปอยู่ในท่อ ระบายน้ำได้โดยง่ายนอกเหนือจากน้ำท่วม แบบธรรมดาแล้ว ปัญหาน้ำฝนจากชายคาตกกระแทกพื้นทำให้ดินกลายเป็นร่องยาว และดินเหล่านั้นก็ไหลไปอุดตันท่อระบายน้ำ ลักษณะแบบนี้มักเกิดขึ้นกับบ้านที่ไม่มีรางระบายน้ำชายคา เพราะบางท่านคิดว่า มันไม่สวยแต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งที่ญี่ปุ่นเขาใช้วิธีการจัดสวนช่วย โดยใช้แนวหินน้ำตกรองรับเป็นแนวเส้นตรงกับชายคา หินเหล่านี้จะทำี่หน้าที่ดูดซับแรงของน้ำที่ตกลงมา จากชายคาไม่ให้เซาะดินออกไป แต่ถ้าจะให้สวยการโรยหินน้ำตกไม่จำเป็นต้องโรยเป็นเส้นตรงก็ ได้
ปัญหาของน้ำฝนจากรางระบายลงพื้น
เป็นจุดๆก่อให้เกิดหลุม เนื่องจากดินจะแตกกระจายเป็นหลุมใหญ่ วิธีแก้ไขอาจใช้บ่อกรวดรองรับหรือใช้โอ่งรอง แต่เมื่อน้ำล้นจะทำให้เกิดน้ำท่วมได้ดังนั้นควรมีการทำท่อระบายน้ำฝัง ใต้ดิน หรือใช้วิธีแขวนโซ่ห้อยจากปากท่อน้ำ ลงมาจรดพื้นดิน จะทำให้น้ำไหลลงมาตามโซ่ (สแตนเลสเส้นเล็กๆ 2 – 3 ) สวยไปอีกแบบการทำทางระบายน้ำเปิดที่ผิวดิน สิ่งสำคัญ คือ ระดับพื้นที่สูงต่ำ เพื่อให้น้ำไหลได้หากเป็นที่ราบควรสร้างเนินขึ้นมา จะมีสระน้ำสำหรับเก็บกักรองน้ำหรือไม่ก็ได้ เพราะ น้ำเหล่านี้สามารถระบายลงท่อระบายบริเวณหน้าบ้านได้ หากบ้านใดไม่มีท่อระบายน้ำในสนามก็ใช้วิธีทำพื้นสนามให้สูงกว่า ถนนในบ้าน แล้วกันด้วยขอบปูน ก็สามารถบังคับน้ำให้ไหลไปลงท่อระบายหน้าบ้านได้เหมือนกัน