ที่พักท่องเที่ยว

10 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯปี 2559 เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกลๆ

วันนี้เราขอเอาใจคนที่กำลังวางโปรแกรมไปเที่ยวปีใหม่ 2559 กันค่ะ กับ 10 ที่เที่ยวปีใหม่ 2559 ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกล ขอบอกว่าใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ เพียบนะจ๊ะ เอาล่ะ...ลองไปดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง

10 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯปี 2559 เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกลๆ

1.บ้านอีต่อง ที่ตั้ง อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี หน้าหนาวที่นี้ไม่มีหมอก ทว่าในหน้าฝนบ้านอีต่องจะปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งวัน ด้วยตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามันฝั่งพม่า ใครที่ชอบความเย็นฉ่ำของละอองฝนแนะนำให้ลองมาสัมผัสซักครั้ง

 

2.ล่องแก่งลุ่มน้ำเข็ก ที่ตั้ง อ.วังทอง จ. พิษณุโลก เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจของฤดูฝนนี้ ล่องก่องน้ำเข็กเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. -ธ.ค. ไปกริ๊ดให้สุดเลียงแต่แรงเหวี่ยงของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งหินซึ่งจัดอยู่ในระดับ 3-5 ตลอดระยะทาง 9 กม.

 1. จังหวัดนนทบุรี
 


           จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตภาคกลาง ติดกับกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดหนึ่งใน 5 จังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญในแทบทุกด้านเทียบเท่ากับกรุงเทพฯ แต่ในท่ามกลางความเจริญของสังคมเมืองในปัจจุบัน นนทบุรีกลับมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ งดงามไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตแบบไทยดั้งเดิมและไทยผสมผสาน ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสมากมายอย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้เมืองหลวง มีการคมนาคมสะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ ทำให้จังหวัดนนทบุรีในวันนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรมองข้ามนะจ๊ะ

            ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ศูนย์เกษตรบางรักน้อย เป็นสวนผลไม้ในเขตอำเภอไทรน้อย ปลูกผลไม้ประเภททุเรียน มังคุด มะไฟ มะม่วง สามารถเข้าเยี่ยมชมและชิมผลไม้สด ๆ ได้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที-1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผลไม้กลับไปเป็นของฝากจากอำเภอไทรน้อย ในช่วงฤดูผลไม้ออก, เกาะเกร็ด เป็นเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวไทยชาวมอญ สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่ย้ายมาตั้งรกรากนับตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และยังคงรักษาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ได้รับสืบทอดมาอย่างเหนียวแน่นในปัจจุบัน โดยมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างที่น่าชมนับตั้งแต่วัดวาอารามที่งดงาม และหากเดินลัดเลาะไปบนเกาะเกร็ดนั้นจะได้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวมอญที่มีเอกลักษณ์ เช่น การทำเครื่องปั้นดินเผาที่ละเอียดปราณีงดงาม ส่วนเรื่องอาหารการกินบนเกาะเกร็ดก็มีมากมาย โดยเฉพาะอาหารมอญต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายให้ลิ้มรสกันจนอิ่มก่อนกลับบ้านอย่างทอดมันหน่อกะลา ซึ่งมีส่วนผสมของหน่อกะลาอันเป็นพืชสมุนไพรตระกูลชิง อันเป็นผักพื้นเมืองบนเกาะเกร็ด ที่หลายร้านทำขายให้เลือกชิม

            หรือใครชอบเที่ยวแนวตลาดน้ำก็มีให้เลือกเยอะ เช่น ตลาดน้ำบางคูเวียง ตั้งอยู่ปากคลองบางคูเวียง ตำบลบางคูเวียง ตลาดจะมีช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00-08.00 น. ชาวบ้านจะนำผลไม้ตามฤดูกาลบรรทุกเรือมาค้าขายกันที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาหารและสินค้าอื่น ๆ ทุกเช้าจะมีพระภิกษุจากวัดบริเวณใกล้เคียงพายเรือออกบิณฑบาต, ตลาดน้ำไทรน้อย ตั้งอยู่ริมคลองพระพิมลราชา เป็นศูนย์รวมของอาหารคาวหวาน ผัก ผลไม้ หลายชนิดที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายริมฝั่งคลอง มีรสชาติอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัยและราคาเป็นกันเอง สามารถเลือกซื้อเลือกหาตามต้องการ นอกจากนี้ชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตของชาวนนทบุรี ที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งคลอง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติและความเป็นไทยอยู่ เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. บริเวณตลาดน้ำมีเรือล่องคลองพระพิมลราชาออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. นำเที่ยวชมวัดไทรใหญ่และสวนมะพร้าว โดยมีเยาวชนเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำชม

             ตลาดวัดตะเคียน เป็นตลาดน้ำเล็ก ๆ ที่เกิดจากความร่วมมือของตนในชุมชนและวัดตะเคียนที่ช่วยกันพัฒนาจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสร้างเสริมรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน และตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์-ตลาดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ เป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้นำสินค้ามาจำหน่าย เปิดวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.

             อ๊ะ ๆ เที่ยวแล้วก็อย่าลืมไปไหว้พระขอพรกันด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลอ้อมเกร็ด อำเภอปากเกร็ด ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตรงข้ามเกาะเกร็ด เป็นวัดที่มีบริเวณกว้างขวาง มีอุโบสถซึ่งประดิษฐานพระประธานปางสมาธิหน้าตักกว้าง 4 ศอก สมัยสุโขทัย ทำด้วยศิลาแลง ซึ่งเป็นที่สักการะของประชาชน บริเวณริมน้ำหน้าวัดเป็นที่พักผ่อนให้อาหารปลา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 09.30-14.30 น. มีการจัดตลาดริมน้ำจำหน่ายสินค้าอาหารมากมายจากกลุ่มแม่บ้าน รวมทั้งบริการล่องเรือไหว้พระริมแม่น้ำรอบเกาะเกร็ด, วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ วัดแห่งนี้เดิมเป็นเพียงโรงเจขนาดเล็ก ต่อมาเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ ร่วมกับพุทธบริษัทไทย-จีน ได้พัฒนาเป็นวัดที่สมบูรณ์สวยงามในเนื้อที่รวม 13 ไร่ น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี วัดแห่งนี้ก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมจีนยุคราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง โดยจำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง เปิดให้เช้าชมทุกวัน วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.

              วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางตลาด ริมถนนสายนนทบุรี-ห้าแยกปากเกร็ด ภายในวัดกว้างขวางร่มรื่น เป็นสถานที่เผยแผ่และศึกษาพระธรรม มีลานไผ่เอนกประสงค์ที่ชาวพุทธโดยทั่วไปจะมารวมกันเป็นจำนวนมากเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา, วัดพระนอน ตั้งอยู่เลขที่ 9 หมู่ที่ 3 ตำบลบางแม่นาง  สร้างเมื่อ พ.ศ. 2388 ชาวบ้านถือเอาเหตุผลที่วัดนี้มีพระนอนที่ศักดิ์สิทธิ์มาแต่เดิมจึงได้ขนานนามว่า "วัดพระนอน" มาจนทุกวันนี้, วัดกู้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางพูด ในซอยปากเกร็ด 3  บริเวณริมน้ำหน้าวัดเป็นจุดที่เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีในรัชกาลที่ 5 ประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์  วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นศิลปะแบบมอญ ภายในโบสถ์หลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบมอญ เป็นภาพเขียนสีน้ำมันเรื่องราวพุทธประวัติ วิหารประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ ด้านข้างวิหารเป็นที่เก็บเรือพระที่นั่งของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ที่อับปางซึ่งชาวบ้านได้กู้ขึ้นมา และมีพระตำหนักที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ และเมื่อคราวเรือล่มได้อัญเชิญพระศพมาไว้ที่วัดนี้ชั่วคราว มีศาลพระนางเรือล่ม (พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์) ซึ่งจำลองแบบจากศาลาจัตุรมุขของพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ที่พระราชวังบางปะอิน

              ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/นนทบุรี

 


  2. จังหวัดฉะเชิงเทรา


              จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือที่หลายคนมักเรียกว่าเมืองแปดริ้ว คือจังหวัดใกล้กรุงที่ยังดกดื่นร่มรื่นด้วยสวนผลไม้ โดยเฉพาะมะม่วงพันธุ์ดี นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการเป็นเมืองเก่าแก่ริมน้ำบางปะกง ซึ่งมีวัดหลวงพ่อโสธร หรือวัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนแหล่งธรรมชาติในฉะเชิงเทรานั้น นับว่าอุดมด้วยสรรพชีวิตไม่น้อยหน้าใคร ผืนป่าสำคัญของที่นี่คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยสุดท้ายของจระเข้น้ำจืดในเมืองไทย ส่วนในแม่น้ำบางปะกงช่วงปากอ่าว ก็เป็นแหล่งชมโลมาหลายสายพันธุ์ที่ว่ายเวียนเข้ามาทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ด้วยเหตุนี้ฉะเชิงเทราซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 100 กิโลเมตร จึงเป็นอีกจังหวัดที่น่าเที่ยว น่าชม เพราะที่นี่ยังมีของดีซุกซ่อนอยู่มากมายชนิดที่หลายคนก็คาดไม่ถึง

               ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ตำบลเขาหินซ้อน ศูนย์แห่งนี้ได้รับสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2522 เนื่องมาจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีสภาพเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ในหลวงได้ทรงพัฒนาพื้นที่สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์บริเวณศูนย์ ทั้งแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า การพัฒนาดิน การวางแผนการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้เป็นต้นแบบแนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่น ภายในศูนย์มีการแบ่งพื้นที่เพื่อทำการสาธิตและทดลองงานต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาที่ดิน, การปศุสัตว์, การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ, งานศิลปาชีพและโครงการสวนป่าสมุนไพร, มีแปลงทดลองปลูกพืชนานาชนิด โดยจัดตั้งเป็น "สวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก" เพื่อดูแลงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรต่าง ๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าชมศูนย์เป็นหมู่คณะและต้องการเจ้าหน้าที่นำเที่ยว โดยทำจดหมายติดต่อล่วงหน้า ซึ่งใช้เวลาชมประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ในเวลา 08.00-17.00 น. โทรศัพท์ 0 3859 9105-6 หรือเว็บไซต์ khaohinsorn.com 

               ตลาดริมน้ำร้อยปี ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ (ทางไปอำเภอบางน้ำเปรี้ยว) เป็นตลาดโบราณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงอายุกว่า 100 ปี ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตผู้คนกับชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำมาเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบนี้เอาไว้และสร้างอาชีพให้ชาวชุมชน จึงเกิด "ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่" ในตลาดจะมีสินค้าต่าง ๆ จำหน่ายทั้งอาหาร ข้าวแกง เครื่องดื่มโบราณ สมุนไพร ขนมทั้งไทย จีน ของเล่นโบราณ ของฝากของที่ระลึกต่าง ๆ วันเสาร์และอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายมากกว่าวันธรรมดา ระหว่างเวลา 09.00-1700 น. สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่ โทรศัพท์ 0 3881 7336, 08 6148 4513, 08 9881 7161, 08 9666 4266 หรือเว็บไซต์ tat8.com 

               ตลาดคลองสวน 100 ปี ตั้งอยู่ที่ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิถีชีวิตของชาวคลองสวนทั้งชาวไทยจีน ชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม ผสมผสานวัฒนธรรม การดำรงชีวิตประจำวันอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งจะเห็นได้จากสิ่งก่อสร้าง เช่น โรงเจ วัด สุเหร่า จะตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน และตลาดแห่งนี้จะเป็นแหล่งนัดพบของผู้คนมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติอัน ได้แก่ ร้านกาแฟ สำหรับผู้ที่สนใจจะชมบรรยากาศของวิถีชีวิตร่วมสมัยย้อนยุคกว่า 100 ปี ชิมอาหารอร่อยทั้งอาหารคาวที่มีสูตรเฉพาะ ขนมหวาน กาแฟสูตรโบราณดั้งเดิม ชมของเก่าและสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า สามารถแวะชมได้ที่ตลาดคลองสวน 100 ปีแห่งนี้แห่งเดียว (วันเสาร์และอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายมากกว่าวันธรรมดา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลคลองสวน โทรศัพท์ 0 2739 3329, 0 2739 3253 บริเวณตลาดมีเรือล่องคลองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

               ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมือง เป็นตลาดริมสองฟากฝั่งคลองนครเนื่องเขตที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ลักษณะเป็นบ้านเรือนไม้และตลาดของชุมขนไทย-จีน ขนานไปกับริมคลองและมีทางเดินเท้าและสะพานเชื่อมถึงกัน เทศบาลตำบลนครเนื่องเขตได้ฟื้นฟูภาพวิถีชีวิตของชุมชนชาวตลาดริมคลองขึ้นมาใหม่ โดยจัดให้มีการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านอาหารพื้นเมืองนานาชนิด อาทิ ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนม กาแฟโบราณ ผลไม้ และพืชผัก มีทั้งร้านค้าบนบกและเรือพายขายอาหารในลำคลอง นอกจากนี้ผู้มาเที่ยวชมยังได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน ได้แก่ ศาลเจ้าไท่จือเอี้ย และศาลเจ้าปุนเถ้ากงอีกด้วย โดยร้านค้าจะเปิดจำหน่ายเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

               ตลาดน้ำบางคล้า อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทราประมาณ 30 กิโลเมตร ตั้งอยู่หลังสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้า เป็นตลาดริมแม่น้ำบางปะกง มีทั้งตลาดนัดบนบกและร้านค้าบนแพยาวคลุมหลังคาริมฝั่งแม่น้ำ มีเรือพ่อค้าแม่ค้าพายมาจอดเทียบขายสินค้าการเกษตรพื้นบ้านหลายชนิดตามฤดูกาล เหมาะสำหรับเดินเลือกซื้อและรับประทานอาหารหลากหลายทั้งคาวหวาน สินค้าที่ระลึก และสินค้าโอท็อปของจังหวัด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบริการเรือท่องเที่ยวล่องไปตามลำน้ำบางปะกงเพื่อชมทิวทัศน์สองฝั่งน้ำ

               วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของฉะเชิงเทรา คือ "หลวงพ่อพุทธโสธร" พระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร สร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างล้านช้าง สำหรับสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในส่วนของวิหารจำลอง เนื่องจากทางคณะกรรมการวัดมีมติให้รื้อพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมและคับแคบ แล้วสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธโสธรองค์จำลองไปประดิษฐานไว้เพื่อเปิดให้ประชาชนได้นมัสการตามปกติ โดยเปิดให้ชมทุกวันในเวลา 07.00-16.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ระหว่างเวลา 07.00-17.00 น. สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดโสธรฯ โทรศัพท์  0 3851 1048, 0 3851 1666 และบริเวณใกล้วัดยังมีท่าน้ำ ที่มีเรือบริการท่องเที่ยวลำน้ำบางปะกงไปขึ้นที่ตลาดบ้านใหม่อีกด้วย

                วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีองค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข ซึ่งถือเป็นปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้ได้ไปกราบไหว้ อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ ฐานพิฆเนศองค์ใหญ่จะมีพระพิฆเนศทั้ง 32 ปาง ประดิษฐานอยู่ เพื่อให้ผู้คนกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดสมานรัตนารา(ใหม่ขุนสมาน) ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 08 1983 0400 หรือที่เว็บไซต์ watsaman56.com, คุ้มวิมานดิน ถือเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาทุกชนิดเลยก็ว่าได้ สำหรับคุ้มวิมานดินแหล่งท่องเที่ยวแบบใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัว ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตงานปั้นดินเผาในรูปแบบการปั้นมือล้วน ๆ แล้ว ยังมีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการปั้นดินด้วยตัวเอง, การชมบ้านดิน พร้อมทั้งเรียนรู้การเกษตรแนวธรรมชาติ รวมทั้งการเลือกซื้อสินค้าเครื่องปั้นดินเผาในราคาย่อมเยาอีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุ้มวิมานดิน 121/1 หมู่ 3 ตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา และที่ โทรศัพท์ 087 825 1338 หรือที่เว็บไซต์ koomwimarndin.com 

               ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/ฉะเชิงเทรา



  3. จังหวัดนครนายก


              จังหวัดนครนายก ถือเป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่ เงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัยและท่องเที่ยวพักผ่อน เป็นเมืองในฝันใกล้กรุง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมถึงมีกิจกรรมที่ สามารถทำได้ทั้งครอบครัว 

              ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ น้ำตกสาริกา เป็นน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3049 ระยะทาง 12 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สายน้ำไหลตกจากหน้าผาเป็นทอด ๆ ถึง 9 ชั้น ผาที่สูงที่สุดประมาณ 200 เมตร แต่ละชั้นมีอ่างรับน้ำ บริเวณด้านล่างของน้ำตกมีบริการห้องอาบน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 0 3731 9002

              น้ำตกนางรอง ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ห่างจากตัวเมือง 20 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3049 ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สวยงาม ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจากน้ำตกนางรองจะไหลเชี่ยวมาก ต้องระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ ภายในจัดเป็นระเบียบสะอาดตา และมีบ้านพักบริการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3738 5310, 0 3730 7100, 08 1639 3930

 

 ภาพจาก ททท. 


              อุทยานวังตะไคร้ ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ใกล้กับน้ำตกนางรองอยู่ห่างจากตัวเมือง 16 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3049 อุทยานวังตะไคร้เป็นของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์บริพัตร เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณในเนื้อที่ 1,500 ไร่ มีถนนให้นำรถยนต์เข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับและพักค้างแรม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 03738 6164-5 ,08 1989 0365

              พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนวัดฝั่งคลอง ตั้งอยู่ตำบลปากพลี ริมทางหลวงหมายเลข 33 พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวไทยพวนในอดีตอายุราว 200 ปี เช่น ผ้าซิ่นไทยพวน โม่หิน ถังต้มกาแฟโบราณ อุปกรณ์ในการทำนา เครื่องมือในการทอผ้า เปิดให้ชมฟรีทุกวัน เว้นวันจันทร์ เวลา 08.00-17.00 น. นอกจากนี้ภายในวัดยังมีการทำไข่เค็มสูตรใบเตยหอม สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ 08 1458 8200 หรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ tat8.com

              เขื่อนขุนด่านปราการชล (เขื่อนคลองท่าด่าน) สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความทุกข์เรื่องการจัดสรรทรัพยากรน้ำของชาวนครนายกและจังหวัดใกล้เคียง ตัวเขื่อนประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรอง สร้างด้วยคอนกรีตบดอัด นับเป็นเขื่อนที่มีคุณประโยชน์นานัปการ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างความภาคภูมิใจให้ชาวนครนายก โดยด้านหน้าเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำซึ่งมีพื้นน้ำสีขาวคั่นกลางผืนป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ด้านหลังเขื่อนเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพของชาวบ้าน รวมถึงกิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายกที่สามารถเล่นได้ตลอดทั้งปี ท้ายเขื่อนจัดเป็นพื้นที่ปลูกพันธุ์ไม้นานาชนิดและมีศูนย์การเรียนรู้ ทั้งพิพิธภัณฑ์เขื่อนขุนด่านปราการชล ท่าเรือสำหรับล่องแก่ง ส่วนพื้นที่บนภูเขาด้านบนสันเขื่อนเป็นจุดชมทิวทัศน์ต่าง ๆ และด้านบนจุดสูงสุดของภูเขาสร้างเป็นอาคารที่ประทับเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3738 4334, 03738 4208-9

              ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/สมุทรสงคราม

 


  4. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


              ขึ้นชื่อว่าเป็นราชธานีเก่าแก่ของสยามประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด และด้วยพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน ตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเกาะ เราจะเห็นบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่นตามสองข้างฝั่งแม่น้ำแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำมายาวนาน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ที่พลาดไม่ได้ คือ การเที่ยวชมเมืองเก่า และการท่องเที่ยววัดต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

              ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ เพนียดคล้องช้าง ตั้งอยู่ในตำบลสวนพริก อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเพนียดคล้องช้าง หรือที่คัดเลือกช้างลักษณะดีไว้ใช้ในยามสงครามในสมัยโบราณแล้ว ปัจจุบันบริเวณเพนียดยังเป็นปางช้าง หรือที่พักช้างจำนวนหลายสิบเชือกที่มากจากจังหวัดต่าง ๆ เช่น สุรินทร์และชัยภูมิ เมื่อเสร็จจากการบริการนักท่องเที่ยวบริเวณวัดมงคลบพิตรในเกาะเมืองอยุธยาแล้ว ควาญช้างก็จะนำช้างมากพักอยู่บริเวณเพนียด, พระราชวังบางปะอิน ที่นี่เราสามารถเดินทางมาลงสถานีรถไฟที่บางปะอินซึ่งห่างจากพระราชวังประมาณ 20 กิโลเมตร และเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือรถสามล้อ (เครื่อง) ในบริเวณนั้นให้ไปส่งได้ ภายในพระราชวังมีทางเลือกให้กับคนที่ไม่อยากเดินฝ่าแดดร้อน ด้วยการใช้บริการรถไฟฟ้าพร้อมคนขับรถ ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในบริเวณพระราชวัง โดยคิดค่าโดยสารเป็นรายชั่วโมง ภายในพระราชวังบางปะอินมีโบราณสถานที่สวยงามและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มาก

              พิพิธภัณฑ์เรือไทย ตั้งอยู่ซอยขาวมาลา ถนนบางเอียน ตำบลประตูชัย เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมเรือโบราณจำลอง ซึ่งเรือที่อยุธยาขึ้นชื่อว่าเป็นเวนิสตะวันออกของไทยอย่างแท้จริง มีแม่น้ำลำคลองครอบคลุมพื้นที่ดุจใยแมงมุม เรือจึงเกี่ยวโยงกับคนอยุธยาตั้งแต่ชนชั้นกษัตริย์ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ และเสด็จโดยกระบวนเรือ จนถึงสามัญชนที่ใช้เป็นพาหนะในการสัญจรไปมา สำหรับสิ่งที่น่าสนใจ เช่น เรือโบราณจำลอง อาคารพิพิธภัณฑ์มีลักษณะเป็นเรือนไทยสองชั้น ชั้นล่างจัดแสดงเรือจำลองต่าง ๆ ที่อาจารย์ไพฑูรย์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีผลงานนับร้อยลำ เรือบางลำเป็นเรือโบราณที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจารย์จำลองขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าทั้งเอกสาร ภาพจิตรกรรมตามวัดในอยุธยา และที่กล่าวถึงไว้ในวรรณคดีไทยเรื่องต่าง ๆ เมื่อมีนักท่องเที่ยวแวะเข้าไปชมอาจารย์ไพฑูรย์จะทำหน้าที่นำชมและอธิบายให้ฟังด้วยตนเอง อาจารย์รู้จักและรักเรือจำลองทุกลำที่ต่อขึ้น แต่มีเรือบางลำที่อาจารย์ภูมิใจ อย่างเรือสำเภาจำลองที่ใช้กันในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต้องค้นข้อมูลจากเอกสารโบราณหลายฉบับ เรือพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งถอดแบบมากจากภาพจิตกรรมในวัดสุวรรณดาราม เรือมาดประทุน มาจากการอ่านนิราศสุนทรภู่ แล้วนำไปจินตนาการ เป็นต้น นอกจากนี้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่นักท่องเที่ยวอาจมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เรือไทยโดยการบริจาคสมทบค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

             วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง ห่างจากตัวเมืองราว 5 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็นผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า "วัดพระเจ้าพระนางเชิง" (หรือวัดพระนางเชิง) พระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตามพงศาวดารกล่าวว่าสร้างเมื่อพ.ศ.1867 ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปีเดิมชื่อ "พระพุทธเจ้าพนัญเชิง"(พระเจ้าพะแนงเชิง) แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์นี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก"(ชาวบ้านนิยมเรียกหลวงพ่อโต ชาวจีนนิยมเรียกว่าซำปอกง ผู้คุ้มครองการเดินทางทางทะเล) เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทองปางมารวิชัยลงรักปิดทอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตรและสูง 19.13 เมตร ฝีมือปั้นงดงามมาก เบื้องหน้ามีตาลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสาวกที่ทำด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่เบื้องซ้ายและขวา อาจนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง

             วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา อีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้านหลังวัดจัดสร้างตำหนักสมเด็จพระนเรศวรให้ผู้นับถือศรัทธาเข้ากราบไหว้ได้ นอกจากนี้รอบบริเวณมีสวนหย่อมสวยงามให้พักหย่อนใจอีกด้วย สำหรับสิ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยี่ยมชมวัดใหญ่ชัยมงคล คือ เจดีย์ ตั้งอยู่บนฐานสูง เป็นเจดีย์ที่มีฐานบัลลังก์แปดเหลี่ยม สูงจากฐานถึงยอด 60 เมตร สามารถแลเห็นได้แต่ไกล มีบันไดขึ้นสู่ลานทักษิณ บนเจดีย์ด้านหน้ามีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่เชิงบันไดมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสององค์ ด้านซ้ายเรียกว่า เจ้าแก้ว ส่วนด้านขวาเรียกว่า เจ้าไท เจดีย์องค์นี้สร้างครอบซากเจดีย์องค์เก่า นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าอาจสร้างครอบมาแต่ครั้งกรุงอโยธยาแล้วก็ได้

              วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ สิ่งที่น่าสนใจในวัด คือ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเข้าใจว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุมมีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ, วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวง เทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ประทับบริเวณนี้ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางเหนือและอุทิศที่ดินเดิมให้สร้างวัดขึ้นภายในเขตพระราชวังและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเขตพุทธาวาสขึ้น เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา 

              ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 หรือ เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/พระนครศรีอยุธยา

 


   5. จังหวัดสมุทรสงคราม
 

ภาพจาก shutterstock/Jaromir-Chalabala
 

              จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึง หากใครชอบการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการทำสวนผักผลไม้ การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว หรือเที่ยวชมตลาดน้ำที่ยังคงสภาพตลาดนัดแบบชาวบ้านชาวสวนของชุมชนริมคลอง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นจังหวัดที่น่าไปเยี่ยมเยือนสำหรับผู้สนใจการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม

              ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดริมคลองตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม เปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ในช่วงตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00-20.00 น. โดยในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่าง ๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบาย ๆ มีเพลงฟังจากเสียงตามสายของชาวชุมชน ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทาน และเช่าเรือไปไหว้พระทางน้ำหรือเที่ยวชมดูหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้, ตลาดน้ำท่าคา ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าคา เป็นตลาดนัดทางน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้านซึ่งมีอาชีพทำสวนปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ชาวบ้านจะพายเรือนำผลผลิต พืชผักและผลไม้จากสวน เช่น พริก หอม กระเทียม น้ำตาลมะพร้าว ฝรั่ง มะพร้าว ชมพู่ ส้มโอมาขาย-แลกเปลี่ยนกัน

               ตลาดน้ำบางนกแขวก เคยเป็นแหล่งการค้าในที่คึกคักในอดีต ริมฝั่งมีเรือนแถวไม้เก่าแก่กว่า 100 ปี ปลูกติดต่อกัน ร่องรอยของอดีตหาชมได้ที่ร้านขายยาจีนตงซัวฮึ้ง ปั๊มน้ำมันเก่าแก่ริมแม่น้ำ บ้านนายกังวาน "เจ้าพ่อบางนกแขวก" บ้านอภิเดช ศิษย์หิรัญ นักมวยไทยฉายาจอมเตะแห่งบางนกแขวก มีตรอกเล็ก ๆ ทางเข้าตลาดที่เดิมเคยเป็นทางเดินไปโรงสูบฝิ่น สำหรับอาหารน่าชิมได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวปู ผัดไทยกุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวกะลา หอยเชลล์อบเนย อิ่วก้วยไส้เค็มและไส้หวาน สละลอยแก้ว ฯลฯ โดยเปิดตลาดในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-17.00 น., ตลาดน้ำบางน้อย ตั้งอยู่ที่ปากคลองบางน้อย (วัดเกาะแก้ว) ห่างจากอุทยาน ร.2 ประมาณ 5 กิโลเมตร จะเปิดขายของในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป สินค้าที่จำหน่ายมีทั้งผลผลิตทางการเกษตรจากชาวสวน ผลไม้ต่าง ๆ รวมทั้งอาหารคาวหวานอันขึ้นชื่อของสมุทรสงคราม สามารถเดินเลียบคลองชมบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่และร้านค้าต่าง ๆ ที่เรียงรายริมคลองบางน้อยได้อย่างเพลิดเพลิน

              ดอนหอยหลอด สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นสันดอนตั้งอยู่ปากแม่น้ำแม่กลอง เกิดจากการตกตะกอนของดินปนทรายหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ทรายขี้เป็ด ที่นี่มีหอยอาศัยอยู่หลายชนิด แต่พบว่าหอยหลอดมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งการจับหอยหลอดจะจับในช่วงน้ำลง และช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวดอนหอยหลอดคือประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่น้ำทะเลจะลดลงนานกว่าช่วงเวลาอื่น และสามารถมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือบริเวณศาลาอาภากร ใกล้กับศาลกรมหลวงชุมพรฯ เพื่อนั่งเรือไปชมดอนหอยหลอดได้, ป่าชายเลนคลองโคน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม ที่รวมเอาความสนุกไว้พร้อมกับสาระความรู้และการอนุรักษ์ป่าชายเลนให้ยั่งยืนตลอดไป

              ตลาดหุบร่ม ตั้งขายอยู่ริมทางรถไฟใกล้สถานีรถไฟแม่กลอง ความยาวของตลาดประมาณ 100 เมตร บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะวางขายสินค้าบนพื้นจนติดกับรางรถไฟ เวลารถไฟมาก็ต่างหุบร่มที่กางและเก็บสินค้าภายในพริบตา จนเป็นที่มาของชื่อตลาดหุบร่มนั่นเอง

              ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/สมุทรสงคราม

 


  6. จังหวัดราชบุรี
 

ภาพจาก shutterstock/Anton-Gvozdikov
 

              จังหวัดราชบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตกที่มีภูมิประเทศหลากหลาย เป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรมลุ่มน้ำแม่กลองและสายหมอกแห่งขุนเขาตะนาวศรี มีความเป็นมาอันยาวนาน และประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ ราชบุรีในปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีที่หลากหลาย ที่ผสมผสานและอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและลงตัวราชบุรีมีสถานที่และกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งโบราณสถาน โบราณวัตถุ งานหัตถกรรมต่าง ๆ เช่น เครื่องปั้น เครื่องหล่อ เครื่องทอถัก เครื่องจักสาน และยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหนึ่งของภูมิภาค

              ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่เต็มไปด้วยเรือพายลำย่อม บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้าในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเริ่มค้าขายตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงช่วงประมาณ 12.00 น. ส่วนตลาดน้ำวัดปราสาทสิทธิ์ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่ยังคงวิถีชีวิตเดิม ๆ อยู่มาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอำเภอดำเนินสะดวก โทรศัพท์ 0 3224 1023 หรือ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มฟื้นฟูตลาดน้ำดำเนินสะดวก www.tripdamnoen.freetzi.com นอกจากนี้ทางตลาดน้ำดำเนินสะดวกมีเรือพายบริการนำเที่ยวพาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และมีเรือหางยาวบริการนำเที่ยวพาไปคลองดำเนินสะดวก ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 

               ตลาดเก่าเจ็ดเสมียน อยู่หลังสถานีรถไฟเจ็ดเสมียน สถานีรถไฟเล็ก ๆ ที่รถไฟสายใต้ทุกขบวนต้องผ่านก่อนถึงราชบุรี ตลาดเจ็ดเสมียนด้านหน้าติดสถานีรถไฟ  ด้านหลังติดริมแม่น้ำแม่กลอง สิ่งที่สำคัญของชุมชน คือ ห้องแถวไม้ วัดเจ็ดเสมียน ศาลคุณตาผ้าขาว ลานโพธิ์ซึ่งจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของเด็กและผู้สูงอายุในชุมชน สินค้าที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ หัวไช๊โป๊ว เจ็ดเสมียนเคยเป็นแหล่งปลูกหัวผักกาดขาวและผลิตเป็นไซ๊โป๊วส่งจำหน่ายไปทั่วประเทศ, ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี จะมีน้ำไหลอยู่ตลอดปี เป็นน้ำร้อนบริสุทธิ์ อุณหภูมิของน้ำประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ในช่วงฤดูหนาวยามเช้าไอน้ำร้อนจะลอยกรุ่นเป็นหมอกสวยงาม มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและสระน้ำกระเบื้องสำหรับอาบน้ำร้อนธรรมชาติ, ถ้ำสาริกา ตั้งอยู่ในเขตตำบลธรรมเสน มีความสวยงามมาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อเมื่อคราวเสด็จประพาส และทรงสลักพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ไว้บริเวณปากถ้ำ

               สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเที่ยวเมืองหนาวแต่ไม่อยากไปไกลถึงเมืองเหนือ ขอแนะนำให้ไป"สวนผึ้ง" ซึ่งในฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็นหลายเดือน ไม่ใช่สวนเลี้ยงผึ้ง แต่เป็นอำเภอหนึ่งที่มีภูมิทัศน์สวยงามท่ามกลางขุนเขาสลับซับซ้อนบริเวณชายแดนแถบตะวันตกของประเทศ เป็นแหล่งรวมของบูติกรีสอร์ทหลากรูปแบบ โดยเฉพาะที่นิยมกันมาก คือ การขึ้นไปจุดชมทิวทัศน์บนยอดเขากระโจม ที่ต้องตื่นแต่เช้ามือนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อผ่านทางเหมืองเก่า เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์, ตลาดน้ำเวเนโต้ ตั้งอยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง ตลาดน้ำที่จำลองบรรยากาศอันแสนโรแมนติกของ Venice ที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่อยู่ในพื้นที่ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแนวกรีซ แบบ Santorini ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "ราชินีแห่งเมดิเตอร์เรเนียน" ด้วยความโดดเด่นของตัวอาคารสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีน้ำเงินสด ท่ามกลาง เทือกเขาที่เขียวขจี มีเอกลักษณ์และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังได้ตื่นตาและเพลิดเพลินกับการเก็บภาพความประทับใจ ของลานน้ำพุ หอนาฬิกา กิจกรรมทางน้ำ และสวนหย่อม เปิดให้เข้าชมทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. เสาร์-อาทิตย์เปิดเวลา 09.00-20.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3220 6266 หรือwww.venetosuanphueng.com
 
               ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/ราชบุรี

 


  7. จังหวัดเพชรบุรี
 

10 ที่เที่ยวสุดเด็ดเมืองเพชรบุรี เคยไปกันหรือยัง

              จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองด่านสำคัญระหว่างภาคกลางและภาคใต้ มีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตน้ำตาล เนื่องจากมีต้นตาลหนาแน่น และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเพชรบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมายและหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นิยมไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกันมาก

             ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีพื้นที่ถึง 2,915 ตารางกิโลเมตร เป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี สภาพภูมิประเทศเป็นป่าดิบชื้น  ยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ คือ ยอดเขางะงันนิกยวงตอง อยู่ในเขตรอยต่อประเทศพม่าและไทย มีความสูง 1,513 เมตร รองลงมา คือ ยอดเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งมีความสูง 1,207 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง  จากสันเขื่อนแก่งกระจาน มีถนนเลียบออกมาทางซ้ายมือเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร ถึงที่ทำการฯ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประจำปี 2551 รางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว และมีสถานที่กางเต็นท์บริเวณอ่างเก็บน้ำ บริเวณเขาพะเนินทุ่ง และบริเวณแคมป์บ้านกร่าง สามารถติดต่อจองที่พักได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทรศัพท์  0 2562 0760 หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแก่งกระจาน โทรศัพท์ 0 3245 9293 หรือwww.dnp.go.th

             พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายพระรามหก ตำบลห้วยทรายเหนือ ถนนเพชรเกษมบริเวณกิโลเมตรที่ 216-217 เป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเลซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466  ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็นพระตำหนักแบบไทยผสมยุโรป เป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง สร้างด้วยไม้สักทอง พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรชายา พระที่นั่งพิศาลสาครเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีอาคารข้าราชบริพารฝ่ายหน้าเป็นบริวารหลายหลัง และมีแนวระเบียงยื่นลงสู่ทะเลเป็นที่ลงสรงน้ำ และพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์  เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่าง ๆ โดยเปิดให้เข้าชมวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. (ปิดวันพุธ) ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สำหรับผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือถึงผู้กำกับการกองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โทรศัพท์ 0 3250 8444-5, 0 3250 8039

              อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ถือเป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอด ยอดที่สูงที่สุดสูงประมาณ 95 เมตร แต่เดิมชาวบ้านเรียกภูเขานี้ว่า "เขาสมน"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้  จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งในขณะนั้นเป็นพระสมุหกลาโหมเป็นแม่กองก่อสร้าง จนสำเร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ. 2403 ทรงพระราชทานนามว่า "พระนครคีรี" แต่ชาวเมืองเพชรเรียกกันติดปากว่า "เขาวัง" ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30–16.00 น. ค่าเข้าชม (รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี) ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ได้โดยการเดินขึ้นหรือโดยสารรถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ) เสียค่าบริการ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3242 5600

               พระรามราชนิเวศน์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอเมือง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร  และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดย มิสเตอร์คาล เดอริง ชาวเยอรมัน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็นพระรามราชนิเวศน์เมื่อปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล โดยเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00–16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการจะเข้าชมเป็นหมู่คณะ และต้องการวิทยากรบรรยาย สามารถทำหนังสือถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ค่ายรามราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี  โทรศัพท์ 0 3242 8506-10 ต่อ 259

              ชายหาดชะอำ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี 41 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของจังหวัดเพชรบุรี และอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาลของนักท่องเที่ยวชาวไทย เต็มไปด้วยรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศมากมาย เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับใช้เป็นที่พักผ่อนกับครอบครัว เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แถมใช้เวลาเดินทางไม่นาน, ตลาดน้ำกวางโจว ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นตลาดน้ำแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนน้ำตก ซึ่งอยู่ภายในเขตอุทยานน้ำตกกวางโจวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ตลาดน้ำแห่งนี้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จะมีแม่บ้านชาวชุมชนบริเวณใกล้เคียงนำของมาจำหน่าย โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร พืชผักผลไม้ และอาหารที่หาชิมได้ยากอย่างห่อหมกกระบอกไม้ไผ่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสปาปลา พายเรือในตลาดน้ำอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08 4540 3425 นอกจากตลาดน้ำกวางโจวแล้วยังสามารถแวะเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอย่าง โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ น้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง อุทยานเจ้าแม่กวนอิมพันมือได้อีกด้วย

               ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/เพชรบุรี
 


  8. จังหวัดกาญจนบุรี
 


               จังหวัดกาญจนบุรี คือ ดินแดนแห่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณ์สถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานทหารสัมพันธมิตร พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ ด้วยความหลากหลายของพื้นที่และเรื่องราวที่สั่งสมอยู่ในจังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ กาญจนบุรีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ทุกวัย และทุกฤดูกาล รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งจังหวัดน่าเที่ยวที่สามารถ เดินทางมาสัมผัสได้ทุกช่วงฤดู ซึ่งในช่วงหน้าฝนก็จะได้ชื่นชมผืนป่าเขียวสด น้ำตกก็หลั่งไหลชุ่มชื่นสวยงาม ยิ่งถ้าไปปลายฝน ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม จะได้ลิ้มรสอาหาร ที่ทำจากเห็ดโคนสด ๆ ซึ่งเป็นเมนูเด่นของกาญจนบุรีอีกด้วย

               ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งที่สะพานข้ามแม่น้ำแควมีบริการรถราง Fairmong ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีรถไฟกาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3451 1285 หรือการรถไฟแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 1690 หรือ www.railway.co.th, สะพานไม้อุตตะมานุสรณ์ หรือหลายคนรู้จักในชื่อ "สะพานมอญ" ตั้งอยู่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานที่ชาวไทยและชาวมอญใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเรียเพื่อเดินทางไปมาหาสู่ กัน อีกทั้งยังเป็นสะพานไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความยาวกว่า 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก สะพานไม้อูเบ็งในประเทศพม่า

                น้ำตกเอราวัณ อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงามบนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ มีความยาว 1,500 เมตร แบ่งเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นอ่างสามารถเล่นน้ำได้ และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเอราวัณ ระยะทาง 1,060 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผ่านป่าดิบเขา จุดชมวิวและป่าผลัดใบที่สวยงาม ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินในการชื่นชมธรรมชาติและได้ความรู้จากป้ายสื่อความหมาย ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ในบริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760 วันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. หรือเว็บไซต์ www.dnp.go.th หรือที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี โทรศัพท์  0 3457 4222, 0 3457 4722, 0 3457 4234

                อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มี 2 แห่ง คือ ดอยต่องปะแล ซึ่งต้องจอดรถและเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ไม่ไกล ส่วนเนินกูดดอยสามารถนำรถขึ้นไปจอดได้ เป็นจุดชมวิวทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา มองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณและเขาช้างเผือกภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ต้องติดต่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง น้ำตกเหล่านี้อยู่ในเขตตำบลปิล๊อก ซึ่งเดิมเป็นเหมืองแร่ดีบุก วุลแฟรม ตั้งอยู่พรมแดนไทย-พม่า อุดมด้วยป่าดิบ ปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ การเดินทางแม้ว่าเส้นทางจะลาดยางแต่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งหักศอกอยู่มากจึงต้องขับอย่างระมัดระวัง บริเวณอุทยานฯ มีบริการบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 08 1382 0359

                อุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ เส้นทางเดินป่าในเขตอุทยานฯ แบ่งเป็น 2 เส้นทาง เส้นทางแรกเป็นเส้นทางเดินป่าจากถ้ำธารลอดน้อยถึงถ้ำธารลอดใหญ่ ภายในถ้ำธารลอดน้อยจะเห็นหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลำธารไหลผ่านภายในถ้ำชื่อ ลำกระพร้อย เมื่อพ้นถ้ำธารลอดน้อยออกมาจะต้องเดินป่าต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร จะถึงน้ำตกไตรตรึงษ์  เดินต่อไปอีกราว 1 กิโลเมตร จะถึงถ้ำธารลอดใหญ่ รวมระยะทาง 2.5 กิโลเมตร เส้นทางที่สองเป็นเส้นทางเดินป่าไปยังน้ำตกธารเงินและน้ำตกธารทองระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร และอีกหนึ่งสถานที่ภายในอุทยานฯ ที่น่าสนใจ คือ น้ำตกธารเงิน เป็นน้ำตกขนาดย่อมลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ ถึง 7 ชั้น ใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงชั้นแรกของน้ำตกประมาณ 35 นาที ส่วนน้ำตกธารทองเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 15 ชั้น ใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงชั้นแรกของน้ำตกประมาณ 25 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ภายในเขตอุทยานฯ มีบ้านพัก และสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว รายละเอียดสอบถามได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทศัพท์  0 2562 0760 หรือ www.dnp.go.th

               ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/กาญจนบุรี
 

 

 9. จังหวัดนครปฐม
 

 

              จังหวัดนครปฐม เป็นจังหวัดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกส้มโอ ซึ่งนำชื่อเสียงมาสู่จังหวัดจนได้ชื่อว่าเป็น "เมืองส้มโอหวาน" นอกจากนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้อื่น ๆ และอาหารขึ้นชื่อนานาชนิด นครปฐมเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีจำนวนมาก ที่บ่งบอกว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงในสมัยทวารวดี มีปูชนียสถานเก่าแก่ที่สำคัญคือ "พระปฐมเจดีย์" ซึ่งนับเป็นร่องรอยของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอารยธรรมจากประเทศอินเดียเข้ามาในประเทศไทยในยุคแรก ๆ แถมยังมีคำขวัญที่บ่งบอกของดีของจังหวัดนครปฐม ได้อย่างชัดเจนด้วยคำขวัญที่ว่า "ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน"

              ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของที่นี่ ได้แก่ "วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร" เป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จังหวัดนครปฐมได้ใช้พระปฐมเจดีย์เป็นตราประจำจังหวัด พระปฐมเจดีย์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2396 โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำและมียอดปรางค์อยู่ข้างบน สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4

              ล่องเรือเที่ยวชมคลองมหาสวัสดิ์และคลองต่าง ๆ ในช่วงเช้าเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการสัมผัสวิถีชีวิตริมสายน้ำของชาวคลองมหาสวัสดิ์ คลองเก่าแก่ที่ขุดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2402 และกิจกรรมไฮไลท์ที่จัดไว้รอท่านักท่องเที่ยว ก็คือ การพาล่องเรือเลียบคลองมหาสวัสดิ์ผ่านจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ 5 จุด เริ่มจากลงเรืออีแปะที่ท่าน้ำหน้าวัดสุวรรณรามแล้วมุ่งหน้าไปชมนาบัวกว้างใหญ่กว่า 20 ไร่ ไปดูการทำนาบัวเก็บบัว ลงบัว หรือคัดบัวก่อนส่งขายปากคลองตลาด ใครนึกสนุกอยากจะทดลองทำนาบัวสักครั้งในชีวิตก็ไม่มีใครว่า จากนั้นเรือจะพาไปแวะต่อที่ศูนย์แปรรูปผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ ไปทดลองทำข้าวตังจากข้าวซ้อมมือ ซึ่งเป็นสินค้าโอท็อปของที่นี่ ก่อนกลับยังพาไปชมสวนกล้วยไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกกล้วยไม้เพื่อการส่งออก แล้วแวะไปสนุกสนานกับการนั่งรถอีแต๋นเที่ยวสวนผลไม้ พร้อมช้อปปิ้งผลไม้จากสวนราคาย่อมเยากลับบ้าน โดยมีค่าใช้จ่ายในการเช่าเรือ คือ ค่าเรือล่องคลองลำละ 350 บาทต่อ 6 คน เริ่มตั้งแต่ 08.00-16.00 น. พร้อมผู้นำชม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรศัพท์ 0 3429 7152, 08 1435 9091

             สวนสามพราน สถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีทุกอย่างครบครันราวกับสวรรค์บนดิน โดยเฉพาะบ้านทรงไทยไม้สัก 8 หลัง สนามยิงปืน สนามกอล์ฟ 18 หลุม สวนดอกไม้ สวนสมุนไพร และสวนป่า สวนสามพราน ตั้งอยู่ที่ ถ.เพชรเกษม กม. 32 ตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ทั้งนี้สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากมาย อาทิ ล่องน้ำลุยสวนด้วยการนั่งเรือแจวข้ามแม่น้ำ สัมผัสกับวิถีชาวสวน พร้อมชมนาบัว แปลงผักและผลไม้ปลอดสารพิษ ดื่มน้ำมะพร้าวสด ๆ จากต้น ชิมผลไม้ในสวนตามฤดูกาล ลิ้มลองชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เปิดบริการทุกเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และถ้าหากค้างที่สวนสามพรานเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในธรรมชาติที่สดชื่นสวยงาม ตื่นเช้ามายังสามารถตักบาตรกับพระสงฆ์ที่พายเรือมารับบิณฑบาตตามวิธีไทยเดิมได้ด้วย

             ตลาดน้ำดอนหวาย ที่ตลาดน้ำดอนหวายมีเรือนไม้ริมแม่น้ำท่าจีนที่ยังคงสภาพตลาดเก่าในสมัยรัชกาลที่ 6 ไว้ได้เป็นอย่างดี และเป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักปลอดสารพิษและขนมไทยโบราณ ไปจนถึงอาหารคาวที่นิยมมาก อาทิ ปลาตะเพียนต้มเค็ม เป็ดพะโล้นายหนับ หน่อไม้ต้มใบย่านางเคียงคู่น้ำพริกตาแดง ฯลฯ ตลาดน้ำดอนหวายตั้งอยู่ที่วัดดอนหวาย ริมแม่น้ำท่าจีน ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน เปิดเช้าจรดเย็น 

             ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/กาญจนบุรี
 

 10. จังหวัดชลบุรี

 


             และสุดท้าย คือ จังหวัดชลบุรี เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างแวะไปที่นี่อยู่เสมอ  ซึ่งจังหวัดชลบุรีหรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า"เมืองชล" เป็นเมืองที่มีความสำคัญในฐานะเมืองท่ามาเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี แถมยังเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังที่มีความสำคัญรองจาก ท่าเรือกรุงเทพฯ และยังเป็นแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพาณิชย์และเศรษฐกิจของชาติอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 51 ของประเทศ มีชายฝั่งทะเลที่เว้าแหว่งคดโค้งสวยงาม เกิดเป็นหน้าผาหิน หาดทราย ป่าชายเลน และป่าชายหาด รวมความยาวถึง 160 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีที่ราบและเนินเขาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว และที่สำคัญที่สุดตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ เพียงไม่มีกี่ชั่วโมง

             ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ เกาะล้าน สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอันดับต้น ๆ ของพัทยา เพราะนอกจากจะอยู่ห่างชายฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร และนั่งเรือโดยสาร 45 นาทีเท่านั้น เกาะล้านยังมีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ ดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เรือลากร่มชูชีพ เรือสกี โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน หาดทองหลาง หาดนวล และหาดเทียน ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เช่น เกาะครกและเกาะสาก รวมถึงเป็นแหล่งตกปลาดำน้ำดูปะการังทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้น และเป็นสถานที่ฝึกหัดเรียนดำน้ำด้วย

              เขาชีจรรย์ ตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับทางไปวัดญานสังวราราม โดยแยกจากถนนสุขุมวิท ไปอีก 6 กิโลเมตร มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักด้วยแสงเลเซอร์บน หน้าผาของเขาชีจรรย์ ศิลปะสมัยสุโขทัยผสมศิลปะสมัยล้านนาขนาดความสูง 130 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร มีชื่อว่า “พระพุทธ มหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” สร้างเมื่อปี  พ.ศ. 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายในพระอุระบรรจุ พระรัตนะบรมสารีริกธาตุ บริเวณโดยรอบตกแต่งเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจสวยงาม อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินทั้งนี้ เขาชีจรรย์เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.00 น. นักท่องเที่ยวควรแต่งกายสุภาพ งดส่งเสียงดัง ปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด และไม่ควรเข้าใกล้องค์พระเกินกว่าที่กำหนด เพราะอาจเกิดอันตรายจากหินที่อาจร่วงหล่นลงมาได้

               สวนน้ำ Cartoon Network Amazone คือ สวนน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่พื้นบนที่กว่า 35 ไร่ ใกล้หาดบางเสร่ ติดถนนสุขุมวิทสายหลัก ตรงข้ามสวนนงนุช ภายในสวนน้ำเป็นการจำลองบรรยากาศป่าฝนอเมซอน ที่สร้างความสนุกสนานร่วมกับมาพร้อมกับบรรดากองทัพการ์ตูนฮีโร่ยอดฮิตจากซีรีส์การ์ตูนดังมากมาย อาทิ  Ben 10, The Powerpuff Girls, Johnny Bravo และ The Amazing World of Gumball เป็นต้น อีกทั้งยังมีเครื่องเล่นนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีการจำลองให้เหมือนคลื่นทะเล สไลเดอร์สปีดเรซซิ่ง ล่องแพ เครื่องเล่นป้อมปราการน้ำในระบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ภายในสวนน้ำ Cartoon Network Amazone จะแบ่งพื้นที่เป็นโซน ๆ โดยประกอบไปด้วยโซนต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมายอีกด้วย

               ชายหาดพัทยา ตั้งอยู่ภายในตัวเมืองพัทยา จากพัทยาเหนือถึงพัทยาใต้ เป็นหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีโรงแรมและสถานบันเทิงบริการตลอดเวลา ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นหาดที่มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด ชายหาดทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำ นั่งพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ส่วนชายหาดช่วงกลางไปจนถึงสุดหาดทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่มีธุรกิจการบริการหนาแน่น ทั้งแหล่งอาหาร เครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนแหล่งบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ มากมาย

               อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม เกาะขามเป็นเกาะขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแสมสาร เป็นเกาะที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีชายหาดที่สวยงามกิจกรรมท่องเที่ยวประกอบด้วย การนั่งเรือท้องกระจกชมประการัง การดำน้ำชมประการัง เล่นน้ำทะเลริมหาดทรายที่ใสสะอาด ชมหมู่เกาะและทัศนียภาพทางทะเล รับความรู้และข้อมูลด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติสนใจเข้าเยี่ยมชมอุทยานใต้ทะเลเกาะขามติดต่อที่ กองกิจการพลเรือน กองเรือป้องกันฝั่ง ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โทรศัพท์ 0 3843 2170, 08 9936 9409

               ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/ชลบุรี
 
               อ๊ะ ๆ แถม ๆ สำหรับคนที่อยากเที่ยวปีใหม่ชิล ๆ ในเมืองกรุง เราขอแนะนำให้คุณไปไหว้พระขอพรตามวัดวาอารามต่าง ๆ จะเป็นไหว้พระ 9 วัดพระอารามหลวงหรือไหว้พระวัดดัง เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตต้อนรับปีใหม่นะจ๊ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก กระปุกดอทคอม
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
  • [สาระควรรู้ทั่วไป] ทาสีบ้านหรือคอนโด ในโครงการบ้านจัดสรรให้สีไม่เหมือนหลังอื่น ผิดหรือไม่
  • [ฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย] 5 วิธีง่ายๆที่ขึ้นเสริมดวงคนในบ้านให้ดีขึ้น ไม่เจอเรื่องร้ายๆ
  • [สาระควรรู้ทั่วไป] วิธีไล่หนูตัวยุ่งบนเพดาน โดยไม่ต้องฆ่าหนู ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ
  • [ตกแต่งที่อยู่อาศัย] วิธีเลือกซื้อคอนโดมือสอง พร้อมตกแต่งห้องเปล่าให้ดูดีมีราคาเพิ่มขึ้น
  • [ตกแต่งที่อยู่อาศัย] แต่งห้องนอนสไตล์วินเทจสวยหรู ใช้ไม้วัสดุจากธรรมชาติเป็นฉากหัวนอนสุดเทห์
  • [ฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย] รู้หรือไม่ อะไรบ้าง ที่ไม่ควรมีในห้องนอน
  • 10 ที่พักบรรยากาศแบบไทย แต่ได้อารมณ์เหมือนอยู่เมืองนอก
  • 7 แลนด์มาร์คดูไฟทั่วกรุงเทพฯ ที่คุณไม่ควรพลาด !!!
  • 10 สถานที่เคาท์ดาวน์สุดฮิต คัดมาแล้ว งานดีมากกกกก
  • เตรียมตัวเที่ยวงาน Amphawa Countdown 2017 แสงเทียนแห่งความจงรักภักดี 31 ธ.ค. 59
  • 9 สถานที่เที่ยวเปิดใหม่ ใกล้กรุงเทพฯ งานนี้มีรูปเช็กอินไม่ซ้ำใครแน่นอน
  • แพลนกันยาวๆ ลองวีคเอนด์สิ้นเดือนกรกฎาคม กับ 10 ทะเลงามแห่งอาเซียน
  • ตลาดเท่งเถิดเทิง-ไนท์วินเทจ ตลาดกลางคืนใกล้กรุงเทพฯ
  • เตรียมตัวนับถอยหลังเคาท์ดาวน์ กับงานแสงเทียนแห่งสยาม @CentralWorld
  • พยากรณ์อากาศช่วงสงกรานต์ ที่ไหนใช้ปืนฉีดน้ำ ที่ไหนใช้ร่ม รู้แน่นอน "เหมือนมีขงเบ้งมาพยากรณ์อากาศให้คุณ"
  • ถึงร้ายก็รัก "เป็ก-โจอี้บอย" ย้อนเรื่องราวความสัมพันธ์จากคู่อริกลายเป็นเพื่อนสนิท พร้อมตะล่อนเที่ยวเชียงใหม่ ร...
  • นั่งรถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลพบุรี ถ่ายรูปได้มุมสวยๆ ปีละครั้ง
  • เที่ยวปีใหม่ 2564 อย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19
  • เทรนด์การท่องเที่ยวสำหรับปี 2021 เมื่อ COVID-19 ยังอยู่กับเรา
  • 5 ที่พักพัทยา ติดทะเลวิวสวย ไม่ง้อมัลดีฟส์
  • รวมแหล่งที่เที่ยวทะเล ใกล้กับกรุงเทพฯ ช่วงวันหยุดยาว
  • 10 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯปี 2559 เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกลๆ

    วันนี้เราขอเอาใจคนที่กำลังวางโปรแกรมไปเที่ยวปีใหม่ 2559 กันค่ะ กับ 10 ที่เที่ยวปีใหม่ 2559 ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกล ขอบอกว่าใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ เพียบนะจ๊ะ เอาล่ะ...ลองไปดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง

    © สงวนลิขสิทธิ์ 2567 บริษัท ไทยโฮมทาวน์ จำกัด
    @thaihometown Scroll