สินเชื่อที่อยู่อาศัย

เมื่อคิดจะ "รีไฟแนนซ์" ผู้กู้จะต้องคิดให้ดีว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากเงินก้อนใหม่ เช่น ได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม สามารถลดเงินต้นได้เร็วขึ้นเงินงวดต่อเดือนถูกลง เป็นต้น

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

สิ่งที่ต้องคำนึกถึง เมื่อต้องรีไฟแนนซ์บ้าน ค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งจะคุ้มค่าหรือไม่?

1. คุณสมบัติผู้กู้ และ หลักฐาน

บุคคลทั่วไป ที่มีเครดิต ในสายตาของธนาคารที่ให้กู้ คือ ผู้มีรายได้อย่างสม่ำเสมอ จะต้องมีหลักฐาน ยืนยันว่าท่านมีรายได้สม่ำเสมอ มั่นคง สามารถใช้หนี้ คืนได้ ตามระยะเวลากู้ ไม่เป็นหนี้เสีย มีอายยุ 20 ปี ขึ้นไป สามารถทำนิติกรรมได้ด้วยตนเอง อายุสูงสุด แล้วแต่ธนาคาร

 

2. หลักฐานส่วนตัวท่าน

  • บัตร ประจำตัวประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • Bank Statement หรือ บัญชี ธนาคาร
  • ใบรับรอง เงินเดือนต้องตรงและสอดคล้องกับ Bank Statement
  • หลักฐานเกี่ยวกับ การกู้ เช่น สำเนาสัญญา จะซื้อจะขาย สำเนาโฉนด แผนที่ทรัพย์สิน
  • อื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยน นามสกุล ใบทะเบียนสมรส ใบหย่า
  • หลักฐานการประกอบการกู้ อื่นๆ 


   กรณีเป็นกิจการส่วนตัว หรือบริษัทต้องมีอากสารเพิ่มเติมดังนี้

  • ใบจดทะเบียน บริษัท
  • หลักฐานการเสียภาษี
  • บัญชีกระแสรายวัน
  • รูปถ่ายของกิจการ
  • บัญชีรายชื่อลูกค้า
  • ผู้อ้างอิง
  • ใบส่งของ
  • หลักทรัพย์ อื่นๆ รถยนต์ บ้าน ที่ดิน เพื่อที่จะให้ธนาคาร ท่านมั่นใจ ในเครดิต ของท่านเอง

ในกรณีสมรส ธนาคารมักจะให้เป็นผู้กู้ร่วม แม้จะยังไม่จดทะเบียน หลักเกณฑ์การพิจารณาวงเงิน ให้กู้ได้เท่าไหร่

1. อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

       โดยเทียบจากค่างวดที่ต้องผ่อนชำระ ระหว่างแหล่งเงินกู้เดิมกับแหล่งเงินกู้ใหม่ เพื่อให้มีภาระผ่อนชำระน้อยลง (ไม่กู้เพิ่ม) หลังจากที่ครบ วาระดอกเบี้ยโปรโมชั่น อาจจะ 1 หรือ 3 ปี แล้วแต่โปรโมชั่นที่คุณรับมาจากธนาคาร เพราะหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยมักเป็นไปในลักษณะลอยตัว (MLR) หรือ ลอยตัวแล้วมีส่วนลด คือ MLR- ซึง MLR แต่ละธนาคารก็จะไม่เท่ากัน

       ผู้ที่ต้องการจะรีไฟแนนซ์ก็ต้องมาตรวจสอบดูส่วนต่าง ระหว่างการใช้ดอกเบี้ยอยู่กับธนาคารเดิม กับ ค่าใช้จ่ายหลังจากรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารใหม่ว่ามีส่วนลดให้มากพอที่จะทำเรื่องไฟแนนซ์ไปหรือไม่ซึ่งทุกปี แต่ละธนาคารก็จะแข่งขันกันออกโปรโมชั่นดอกเบี้ย ดึงลูกค้ากันเอง เราก็ต้องมาคอยตรวจสอบว่าที่ไหนดี่ที่สุด เทียบกับที่เราใช้อยู่ บวกลบ แล้วมีกำไรคุ้มค่าก็ดำเนินการย้ายไปได้เลย

2. ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์

       หากเสียค่าใช้จ่ายน้อยแต่ประหยัดได้มากกว่าก็น่าจะรีไฟแนนซ์ได้ ฉะนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจ “รีไฟแนนซ์” คุณควรจะต้องพิจารณารายละเอียดในประเด็นต่อไปนี้ และชั่งน้ำหนักให้ดีว่า “คุ้ม” หรือไม่


2.1 ขั้นตอนของการเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านจะเริ่มต้นอย่างไร 

1.กรณียังผ่อนชำระต้องการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อให้มีภาระผ่อนชำระน้อยลง (ไม่กู้เพิ่ม) กรณีนี้ท่านเพียงตรวจสอบกับธนาคารว่าที่ใดให้ อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด ในเงื่อนไขที่ดีที่สุด ก็ยื่นเอกสารกับธนาคารนั้นได้เลย

2.กรณียังผ่อนชำระรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อนำส่วนต่างออกมาใช้จ่าย (กู้เพิ่มจากวงเงินเดิม) กรณีนี้ท่านมีภาระต้องดำเนินการอย่างน้อยสองประการคือ

2.1 ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและ เงื่อนไขที่ดีที่สุด จากธนาคาร 
2.2 ยื่นเอกสารกับธนาคารเป้าหมายอย่างน้อย 3 แห่งขึ้นไปหรือมากกว่า
2.3 เลื่อกเอาธนาคารที่ให้วงเงินสูงที่สุด

 

2.2 ใครมีสิทธิ์รีไฟแนนซ์ แบงก์ดูจากอะไร

       "ประวัติการผ่อนชำระ" เป็นสิ่งแรกของคนที่ต้องการรีไฟแนนซ์ต้องตรวจสอบตัวเองว่าตลอดเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือนที่ผ่านมา ประวัติการชำระค่างวดของคุณเป็นอย่างไร เพราะถ้าคุณเป็นประเภทขี้หลงขี้ลืม ผ่อนชำระไม่ตรงเวลาที่สถาบันการเงินกำหนดไว้ หรือไม่ชำระค่างวดติดต่อกันสัก 2 งวดแล้วล่ะก็ ลืมเรื่องรีไฟแนนซ์ไปสถาบันการเงินอื่นได้เลย เพราะสถาบันการเงินบางแห่งกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า คนที่ต้องการย้ายจากสถาบันการเงินอื่นมาใช้บริการของเขา จะต้องมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน ขณะที่บางแห่งอาจจะระบุไว้เพียง 2-6 เดือน

2.3 ค่าใช่จ่ายต่างๆ จากการรีไฟแนนซ์

    มีอยู่ 6 ข้อ ซึ่งลูกค้าแต่ละรายจะเสียไม่เท่ากัน เพราะนอกจาก สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดอัตราที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอีกมากดังนี้

1. ค่าปรับให้กับสถาบันการเงินเดิม กรณีคืนหนี้ก่อนกำหนด ในกรณีที่สัญญาเงินกู้ยังไม่พ้น “ระยะต้องห้าม” คุณจะต้องจ่ายแน่ๆ แล้ว 2-3% ของยอดหนี้คงค้างหรือยอดหนี้ตามสัญญา

2. ค่าจดจำนองใหม่กับกรมที่ดิน อัตรา 1% ของราคาประเมินของกรมที่ดิน

3. ค่าประเมินราคา เป็นอัตราที่ธนาคารแต่ละแห่งกำหนดขึ้นมาในอัตราที่แตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ประมาณ 2,500 บาท หรือ 0.24% ของราคาประเมิน ขณะที่สถาบันการเงินบางแห่งอาจจะยกเว้นให้ในบางกรณี เช่น บ้านที่ทำสัญญาเงินกู้ไม่เกิน 3 ปี หรือเป็นช่วงส่งเสริมการขายของสถาบันการเงินนั้น และถ้าเป็นการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิมอาจจะไม่ต้องประเมินราคาใหม่ก็ได้

4. ค่าธรรมเนียมเงินกู้กับสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งในสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ลอาจจะเรียกชื่อค่าธรรมเนียมนี้แตกต่างกัน และมีรายละเอียดค่าธรรมเนียมต่างกันด้วย บางแห่งอาจจะไม่มีรายการนี้เลยก็ได้ ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าธรรมเนียมเงินกู้จะอยู่ประมาณ 0.25-0.50% ของวงเงินกู้

5. ค่าประกันอัคคีภัย โดยปกติจะอยู่ประมาณ 0.1-0.2% ของวงเงินกู้ใหม่ อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินบางแห่งอาจจะกำหนดอัตราที่แตกต่างจากนี้ ซึ่งจากการทำประกันอัคคีภัยบ้าน จะทำเป็นรายปี เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่เพิ่งต่ออายุกรมธรรม์ สามารถใช้กรมธรรม์เดิมได้โดยไม่ต้องทำประกันใหม่

6. ค่าอากรแสตมป์ ที่ผู้กู้จะต้องจ่ายในอัตรา 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่ หรือ 10,000 บาทละ 5 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่สูงมากนัก ฉะนั้น บางคนอาจจะลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายตัวนี้ไปแล้ว คุ้มหรือไม่ ในปัจจุบันคุณคงหาสถาบันการเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าสถาบันการเงินเดิมถึง 3-5% ได้ค่อนข้างยาก เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้เคียงกัน ฉะนั้นหากคุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ทั้ง 6 ข้อข้างต้น คุณจะต้องจ่ายประมาณ 2.66-4.90% ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักจะมาจากค่าปรับในการไถ่ถอนก่อนกำหนด


ขอบคุณข้อมูลจาก moneyhub.in.th
  • ใหม่ ! สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง ไม่ต้องโปะ เงินกู้หมดเร็ว
  • อยากมีเงินทุน ไม่ใช่ปัญหา!! แค่มีรถและบ้าน เรามีทางออก...
  • ติดแบล็คลิสสินเชื่อ แต่อยากมีบ้านแล้วจะขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านได้ไหม ?
  • สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ (Refinance Super Save) กู้ผ่านง่าย ผ่อนน้อยลง ได้วงเงินเพิ่ม
  • สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้ กู้เงินซื้อบ้าน "อัตราอัตราดอกเบี้ยลอยตัว และอัตราดอกเบี้ยคงที่" มีความต่างกันอย่างไร
  • ขอสินเชื่อบ้าน ทำไมธนาคารต้องให้เราทำประกันด้วย ไม่ทำแล้วจะกู้บ้านไม่ผ่านจริงหรือ
  • ทำความรู้จัก "MyMo" แอปฯกู้เงินสินเชื่อพลังฐานรากธนาคารออมสิน
  • รวมธนาคารพักชำระหนี้บ้าน 2564 ช่วยผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19
  • ซื้อบ้าน-คอนโดหลังแรก เตรียมตัวให้พร้อมก่อนขอสินเชื่อบ้าน
  • 3 เรื่องต้องรู้ ก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน แนะสูตรคำนวณแบบประหยัดดอกเบี้ย หนีดอกเบี้ยสุดโหด
  • สินเชื่อ SME ต่อยอดธุรกิจ กู้เงินเปิดร้าน วงเงินกู้ 3 เท่า สูงสุด 20 ล้าน
  • สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ จากธนาคารกรุงไทย ตัวช่วยของคนอยากมีบ้าน
  • ผ่อนบ้านจัดเต็มกับกรุงไทย ผ่อนนาน 40 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 6 เดือน
  • ออมสินให้วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้าน ใช้เป็นเงินทุนร้านสำหรับพ่อค้าแม่ขาย อาชีพอิสระ ผ่อนยาว 10 ปี
  • สมัครกู้เงินออนไลน์? ออมสินให้กู้ด่วน 200,000 บาท จริงหรือไม่
  • สิ่งที่ต้องคำนึกถึง เมื่อต้องรีไฟแนนซ์บ้าน ค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งจะคุ้มค่าหรือไม่?

    เมื่อคิดจะ "รีไฟแนนซ์" ผู้กู้จะต้องคิดให้ดีว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากเงินก้อนใหม่ เช่น ได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม สามารถลดเงินต้นได้เร็วขึ้นเงินงวดต่อเดือนถูกลง เป็นต้น

    © สงวนลิขสิทธิ์ 2567 บริษัท ไทยโฮมทาวน์ จำกัด
    @thaihometown Scroll