บ้านเดี่ยว
- ส่วนใหญ่บ้านเดี่ยวของความร้อนจะเข้ามาทางหลังคา เพราะเป็นส่วนที่ได้รับความร้อนจากแสงแดดโดยตรง ควรใช้กระเบื้องหลังคาสีอ่อนที่ดูดซับความร้อนน้อยกว่ากระเบื้องสีเข้ม และสะท้อนความร้อนออกจากหลังคาด้วยการปูแผ่นสะท้อนความร้อนอีกหนึ่งชั้น
- ป้องกันความร้อนจากโถงหลังคาเข้าสู่ภายในบ้านด้วย ฉนวนกันความร้อน ตราช้าง Stay Cool และ เพิ่มการถ่ายเทอากาศ ด้วยฝ้าชายคา ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด รุ่นระบายอากาศ
- สำหรับผนังด้านที่โดนแดดเต็มๆ อย่างผนังทางทิศใต้ หรือ ทิศตะวันตก เราสามารถป้องกันความร้อนโดยเลือกใช้ระบบผนังเย็น ตราช้าง หรือ ทำระแนงกันแดด ก็จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้นอีกได้อีก
- สำหรับพื้นที่สวนรอบๆ บ้านที่เป็นส่วนพื้นแข็งมักเป็นส่วนที่สะสมความร้อนและสะท้อนเข้าบ้าน ให้เปลี่ยนมาปูด้วยบล็อคปูพื้น ตราช้าง รุ่น Cool Plus หรือปลูกต้นไม้เพิ่มเติม ก็ช่วยได้มากทีเดียว
ทาวน์เฮ้าส์
- เช่นเดียวกับบ้านเดี่ยว ปัญหาความร้อนส่วนใหญ่ของทาวน์ฌอ้าส์ก็มักมาจากหลังคา เราสามารถเพิ่มแผ่นสะท้อนความร้อน ตราช้าง เพื่อสะท้อนความร้อนบางส่วนออกไป และชะลอความร้อนที่เข้ามา ด้วยฉนวนกันความร้อน Stay Cool ในส่วนพื้นที่ใต้หลังคา เราต้องกั้นผนังที่โถงหลังคาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความร้อนจากหลังคาเพื่อนบ้านมาทำให้บ้านเราร้อนเช่นเดิม
- เมื่อกั้นความร้อนจากส่วนหนังคาไปบางส่วนแล้ว ความร้อนที่สะสมจากส่วนอื่นๆ ก็ต้องได้รับการระบายออกไป ดังนั้นจึงต้องทำฝ้าชายคาสมาร์ทบอร์ด รุ่นระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนที่ถูกสะสมใต้หลังให้ออกได้ง่ายขึ้น
- สำหรับบ้านที่หันหน้าไปทางทฺสตะวันตก ควรทำแผงระแนงกันแดด Smart wood ตามช่องเปิดเพื่อกรองแสง ก็จะยิ่งทำให้บ้านเย็นขึ้นอีก
ตึกแถว
- ตึกแถวมักมีปัญหาเรื่องห้องใต้ดาดฟ้าร้อนตลอดทั้งวัน สาเหตุมาจากความร้อนที่สะสมจากคอนกรีตด้านบนที่โดนแดดเผาตลอดวันได้ส่งความร้อนลงสู่ ห้องด้านล่าง แก้ไขปัญหาด้วยการปูบล็อกปูพื้น ตราช้าง รุ่น Cool Plus ที่ด้านบนดาดฟ้า ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถดูดซับน้ำแล้วค่อยๆ ปล่อยไอน้ำออกมาเมื่อโดนแดด ปูทับพื้นดาดฟ้าคอนกรีตจะช่วยทำให้ห้องด้านล่างเย็นขึ้น
- (ควรปรึกษาวิศวกรก่อนว่าโครงสร้างของห้องแถวเดิมนั้นสามารถรับน้ำหนักเพิ่มได้อีกเท่าไร)
- ส่วนภายในห้องนั้น ควรเพิ่มฝ้าเพื่อปูฉนวนกันความร้อน ตราช้าง Stay Cool บนฝ้าบริเวณห้องใต้ดาดฟ้า ช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้แผ่ลงมาในตัวบ้านได้อีกสเต็ปหนึ่ง
- หากความร้อนมาจากผนังด้านข้างของตึกแถวหลังริม หรือด้านหน้าของบ้านที่หันไปทางทิศตะวันตก สามารถติดตั้งระแนงบังแดดด้วย ไม้ระแนง ตราช้าง Smart Wood จะช่วยกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน เช่นเดียวกับวิธีของบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์
บ้านพักอาศัยกึ่งสตูดิโอแห่งนี้ มีเจ้าของและผู้ออกแบบเป็นสถาปนิกคือ คุณอิ๋ม-อรพรรณ สาระศาลิน และ คุณ David Schafer แห่ง Studiomake กับความตั้งใจที่ว่าอยากได้พื้นที่ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ทุกสถานการณ์
แม้มองภายนอก คุณอาจเข้าใจว่าโครงสร้างเหล็ก ปล่อยเปลือย โชว์งานระบบ จะชวนให้นึกถึงบ้านสไตล์ลอฟต์โมเดิร์น แต่แท้ที่จริงแล้ว บ้านหลังนี้มีไอเดียพื้นฐานมาจากลักษณะบ้านไทยโบราณ ทั้งการยกใต้ถุนสูงพร้อมปรับให้เป็นพื้นที่ใช้งานส่วนกลาง ในขณะที่ชั้นสองมีระเบียงหรือชานบ้านไว้สำหรับกิจกรรมเอนกประสงค์ของครอบครัว แยกส่วนเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยบันไดนอกตัวบ้าน
และด้วยลักษณะพื้นที่เปิดโล่งเช่นนี้ ทำให้รับทั้งลมและแสงแดดตามธรรมชาติได้ บ้านจึงเย็นสบาย ไม่มืดทึบ จึงช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศและหลอดไฟไปได้เยอะเชียวล่ะ
บรรยายภาพ
- เรือนไทยเสาไม้สัก ถูกแทนค่าด้วยโครงสร้างเหล็ก ที่ให้ความแข็งแรงทนทาน และลุคที่ดูทันสมัยมากขึ้น เช่นเดียวกับการนำบันไดไว้ภายนอกบ้าน เพื่อแยกสัดส่วนระหว่างพื้นที่ส่วนรวมกับพื้นที่ส่วนตัวให้ชัดเจน
- บันไดนอกตัวบ้าน ปูลูกนอนด้วยไม้แผ่นใหญ่ ให้อารมณ์บ้านไทยสมัยก่อน ทั้งยังไม่เก็บความร้อนเท่าโลหะ ทำให้เดินเหิน ใช้งานได้สะดวก
- หลังคาจั่วแบบบ้านไทย ก็นำมาใช้กับบ้านหลังนี้เช่นกัน เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ให้มาอยู่ภายในบ้าน ด้วยการใช้เป็นโครงสร้างหลังคาบริเวณเชื่อมต่อระหว่างตังบ้านกับสตูดิโฮเวิร์คช็อป แล้วเปลี่ยนจากโครงไม้เป็นโครงเหล็กพร้อมใส่บานกระจกเข้าไป ทำให้ห้องนั่งเล่นตรงนี้ มองลงไปเห็นพื้นที่เวิร์คช็อปด้านล่างได้ด้วย
- บานเฟี้ยมของชั้นสอง เป็นตัวแปรสำคัญ เพื่อสร้างพื้นที่เอนกประสงค์ เมื่อปิดบริเวณนี้จะกลายเป็นห้องโถงทรงยาว แต่เมื่อเปิดออก ก็เป็นพื้นที่กึ่งชานบ้านกึ่งระเบียง
- ธรณีประตูเป็นความฉลาดของคนโบราณ ทั้งเพื่อให้คนในบ้านเดินก้าวเข้าออกห้องอย่างระมัดระวัง และเพื่อให้ตัววงกบประตูยึดกับฝาไม้และเสาบ้านได้แข็งแรงมากขึ้น
- เปลี่ยนพื้นไม้ธรรมดาให้ดูมีลูกเล่นด้วยการปูแบบฟันปลา สลับเฉียงไปมา
- ส่วนออฟฟิศที่ด้านล่างกรุบานกระจกเพื่อให้พนักงานของ Studiomake ได้มองเห็นวิวและต้นไม้เป็นการพักสายตา ทั้งเพื่อให้พื้นที่เกิดความโปร่งโล่งไม่อึดอัด
- ภายในห้องนอน เน้นความเรียบง่าย เจ้าของบ้านเลือกจุดสนใจด้วยพาร์ทิชั่นไม้สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งใช้กั้นพื้นที่ระหว่างส่วนพักผ่อนกับ walk-in closet ด้านหลัง
- คุณอิ๋ม คุณเดวิด และเด็กหญิงตัวน้อย สมาชิกของของบ้าน
ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวคิดบ้านไทยนั้นเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราเป็นที่สุด ด้วยลักษณะเรือนใต้ถุนสูงเปิดโล่ง ให้อากาศระบายถ่ายเทได้ดี ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถือเป็นพื้นฐานของงานสถาปัตยกรรมไทยก็สอดคล้องกับชีวิตความเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไม้เพราะเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น เหมาะกับอากาศร้อนชื้น ทั้งยังไม่กักเก็บความร้อนทำให้บ้านอยู่สบาย หรือบานเฟี้ยมที่ทำให้พื้นที่โล่งกว้างกลายเป็นพื้นที่ปิดเมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว และสามาถเปิดออกเมื่อต้องการใช้งานพื้นที่เพิ่มเติม
แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่เราว่าลองมองย้อนกลับไปดูวิถีดั้งเดิม แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ก็เป็นเรื่องท้าทายและน่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
ข้อมูลบทความ และภาพประกอบจาก
http://www.trachang.co.th/ContentDetail.aspx?ContentId=186#sthash.DELwCZgz.dpuf