ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่ไว้พบปะกันในครอบครัวเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน แต่จะปล่อยให้ห้องดูว่างเปล่าก็ออกจะดูแปลกตา ลองมาเลือกกันดูสิว่าสไตล์แบบไหนที่น่าจะเหมาะกับคุณมากที่สุด
จุดศูนย์กลางของบ้านหรือห้องนั่งเล่นเป็นห้องของทุกคนในบ้าน มีไว้เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันก็ต้องมีความโดดเด่นเรื่องการตกแต่งเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ประจำบ้าน ถ้าตัวเลือกการแต่งห้องนั่งเล่นของคุณอาจจะยังไม่มากพอ เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้ออกไอเดีย และผสมผสานความเป็นตัวตนลงไป เราจึงได้นำสไตล์ที่น่าสนใจนี้มาให้ทุกคนได้เลือกสรรนำใช้แต่งห้องนั่งเล่นกัน รีบไปดูเลยดีกว่า
1. ผ่อนคลายหายเหนื่อย
ตกแต่งให้เรียบง่ายเข้าไว้ แขวนรูปภาพเก่า ติดผ้าม่านสีขาว หรือสีครีมให้ดูผ่อนคลาย ทาสีห้องออกเทาหม่น หรือสีหมอก หลีกเลี่ยงความเป็นขรุขระ และลายตาราง แต่ที่สำคัญห้องต้องไม่ดูเกลี้ยงเกลาจนเกินไป
2. ของเก่าแต่เก๋าประสบการณ์
ผสมความลงตัวจากของเก่าที่มีเอกลักษณ์ชวนหลงใหล ดึงดูดความสนใจด้วยของเก่าที่มี เช่น เก้าอี้นั่งสไตล์จีนโบราณ รูปภาพเก่าที่สื่อถึงวัฒนธรรม เฟอร์นิเจอร์หลักที่ดูไม่ทันสมัยจนเกินไป แค่นี้ห้องนั่งเล่นของคุณก็กลายเป็นกรุสมบัติสะสมของเก่าได้แล้ว
3. เปิดพื้นที่โล่ง
ต้องออกแรงกันหน่อยแล้ว ให้ย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่ชิดมุมผนังออกมาจัดวางไว้กลางห้อง หรือที่เรียกว่าสไตล์เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เช่น นำโต๊ะกาแฟดีไชน์เรียบง่ายมาจัดวาง ปูพื้นบริเวณที่นั่งด้วยพรมหนังสัตว์ หรือพรมที่มีลายเรียบง่าย
4. ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย
ตกแต่งให้มองเห็นภาพเสมือนธรรมชาติภาพนอก ตกแต่งด้วยต้นไม้ชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น พืชตะไคร่น้ำ ดอกเห็ดสีน้ำตาล เรียงรายด้วยกิ่งไม้และเปลือกไม้ สิ่งของเหล่านี้หาไปได้จากรอบ ๆ บ้านสามารถนำเข้าประดับได้
5. ลายดอก
ส่วนใครที่ชื่นชอบลายพิมพ์ดอกไม้ เลิกกังวลไปเลยว่ามันจะดูเยอะ แค่วางโซฟาลายดอกไม้เด่นชัดไว้ซักมุมในห้องก็พอแล้ว เพื่อให้ห้องนั่นสื่อได้อย่างชัดว่าเจ้าของบ้านชอบลวดลายของดอกไม้
6. วินเทจสไตล์
ควรใช้สีที่อยู่ในโทนกลาง ๆ ทาห้อง เช่น โทนสีประเภท สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง หรือสีครีม โดยให้ออกไปทางพาสเทลจะทำให้ห้องดูอบอุ่นและชวนฝันยิ่งขึ้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์ควรออกแนวโบราณสักนิด เน้นเรียบง่าย และอาศัยลายของดอกไม้เพื่อเพิ่มความสดใส
7. ความทรงจำในวันวาน
ค้นหาสิ่งของที่เป็นมรดกตกทอด หรือข้าวของที่สื่อถึงทุกคนในบ้านมาตกแต่ง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือรูปถ่าย ไม่ว่าจะรูปเดี่ยวหรือรวมก็ใช้ย้อนรำลึกนึกถึงความทรงจำครั้งอดีต และเรื่องราวของแต่ละคนในบ้านได้เช่นกัน
8. แรงบันดาลใจใช้แต่งห้อง
รูปแบบนี้เหมาะกับผู้ที่กำลังวางเป้าหมายบางอย่างในชีวิตเอาไว้และต้องมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ เพียงนำสิ่งของที่บ่งบอกถึงแรงบันดาลใจที่คุณมี และอยากจะทำมันให้เป็นจริงมาประดับตกแต่ง เพื่อผลักดันแรงใจและกายให้คุณตามฝันได้สำเร็จ
9. ภาพที่ประทับใจ
ค่อนข้างคล้ายกับสไตล์ความทรงจำ แต่รูปแบบนี้ไม่ต้องใช้ของเก่าที่เป็นมรดกตกทอดหรือของเก่ามาวาง เพราะสามารถใช้รูปภาพหรือภาพวาดศิลปะออกมาตกแต่งห้องนั่งเล่นแทนได้เช่นกัน โดยจะติดไว้ที่ผนังแทนวอลเปเปอร์ ผูกเชือกห้อยเอาไว้ตามหน้าต่าง หรือเฟอร์นิเจอร์ก็ได้
10. กลับสู่วัสดุธรรมชาติ
เพิ่มเติมไออุ่นแห่งธรรมชาติด้วยวัสดุธรรมชาติที่น่าสนใจ อย่างเช่น สิ่งทอ หรือสิ่งของที่มีรูปทรงลวดลายโบราณ ประดับแซมด้วยต้นไม้เพื่อความสดชื่น
11. ลดแสงเพื่อแนบแน่น
แสงสว่างเกินไปจะตอกย้ำให้ทุกคนรู้สึกเกรงใจที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนตัวร่วมกัน ดังนั้นต้องลดแสงเพื่อให้รู้สึกอบอุ่น อยากอยู่ใกล้กันมากยิ่งขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ยิ่งแนบแน่น
12. คงรูปลักษณ์ธรรมชาติเอาไว้
วัสดุเฟอร์นิเจอร์ต้องมาจากธรรมชาติล้วน ไม่ใช่ของที่ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบ จะต้องไม่ดัดแปลงรูปทรงและพื้นผิวเพื่อให้มันดูดีขึ้น เพราะว่าความเป็นธรรมชาติก็สามารถสร้างความงดงามได้เช่นกัน เช่น โซฟาไม้ที่ไม่ขัดเงาหรือตัดแต่งรูปทรงให้พอดีจนเกินไป
13. มีประวัติและความเป็นมา
ต้องมีไม้ที่ดูเป็นธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจคันทรี และประดับด้วยรูปภาพสิ่งของที่สื่อว่ามันมีความเป็นมาไม่ใช่ของใหม่ เพื่อส่งเสริมให้เด่นชัดในเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น
14. คลาสสิกตลอดกาล
ยึดหลักการตกแต่งแบบคลาสสิกเข้าไว้ และลวดลายที่บ่งบอกสไตล์ชัดเจน ใช้โทนสีอบอุ่นอย่างสีน้ำตาล สีงาช้าง และสีเขียวเพื่อแสดงถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น ถึงจะยึดหลักเรียบง่ายแต่ก็ต้องเพิ่มลูกเล่นไปตกแต่งด้วย เช่น พรม โต๊ะกาแฟ หรือแชนเดอเลียร์ที่มีความซับซ้อนแบบเรียบง่าย จะทำให้ห้องไม่ดูจืดจนเกินไป
15. ตกแต่งห้องด้วยสิ่งทอที่ชอบ
ใช้สิ่งทอที่คุณภูมิใจนำเสนอมาตกแต่ง ดึงเสน่ห์ของสิ่งทอนั้นออกมาผสมผสานให้ห้องนั่งเล่นในรูปแบบที่เราชอบ ทั้งพรมทอหรือพรมสานก็ใช้ได้เช่นกัน จะให้ดีต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายของความเก่าสักนิด เพื่อให้ดูเข้ากับพรมเสื่อที่เลือกมา ก็จะยิ่งส่งเสริมให้ห้องนั้นมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
16. จานสี แสงอาทิตย์
เป็นการผสมระหว่างสีขาวและแสงสว่างจะช่วยให้ห้องนั้น มีความเปล่งประกายโดยที่ไม่ต้องพึ่งแสงจากหลอดไฟเลย เช่น ประดับด้วยหมอนอิง และพรมสีฟ้าน้ำทะเล สิ่งของตกแต่งต่าง ๆ ที่ได้แรงบันดาลจากแสงดวงอาทิตย์ เปรียบเหมือนบ้านหลังนี้ตั้งอยู่หน้าชายหาดทะเล
17. เพิ่มสีสันให้สวยสด
เพิ่มลูกเล่นให้ห้องนั่งเล่นมีสีสันมากยิ่งขึ้น โดยการทาสีที่เพดานให้เข้ากับหมอนอิง รูปภาพ ผ้าม่าน เพราะเพดานห้องทั่วไปมักจะมีสีขาวจืดชืด เป็นสาเหตุที่ทำให้ห้องดูน่าเบื่อ ฉะนั้นแค่ทาสีบนเพดานเพิ่มก็ทำให้ห้องดูโดนเด่นขึ้นแล้วล่ะ
18. ผสมผสานในแนวทางที่ถูกก
การผสมเพื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่นั้นต้องเป็นการผสมที่ลงตัวอยู่บนความสมดุล และทุกอย่างต้องยึดไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นสีที่นำมาใช้ควรเป็นสีที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน เพื่อแสดงความเป็นตัวตนของแต่ละคนออกมา
19. ตกแต่งเพื่อความบันเทิง
ความบันเทิงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ ต้องหาสิ่งที่ชั้นวางในรูปแบบที่ชอบมาจัดวาง ทีวี วิทยุ เครื่องเสียงต่าง ๆ รวมไปถึงชั้นหนังสือเพื่อให้ทุกคนในบ้านได้พักผ่อนด้วยใช้ความบันเทิงเป็นหลัก
20. แต่งห้องตามสถานที่
หากกำลังมองหาสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งบ้าน ทะเลเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่มักจะถูกนึกถึงเสมอ ส่วนแนวไอเดียสิ่งของที่นำมาใช้ก็ได้แก่ หมอนอิงด้วยลวดลายเปลือกหอย ติดเปลือกหอยตามขอบมุมต่าง ๆ หรือจะประดับกรอบรูปด้วยเปลือกหอยก็ได้เช่นกัน
รูปแบบทั้งหมดนี้เป็นการตกแต่งที่ใช้แรงบันดาล งานศิลปะ ความเป็นตัวตนของทุกคนในบ้าน หากใครชอบสไตล์ไหนก็สามารถเก็บรูปแบบนั้นไปใช้กับการแต่งห้องนั่งเล่นที่บ้าน เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุข